ไม่ใช่ทางกลับบ้านที่เป็นเพลงพี่ตูนนะ แต่เป็นทางกลับบ้านชั้นเนี่ย
หลังจากเสียภาษีเต็ม ๆ ที่ Dongki ก็ได้เวลากลับไปเอาของแล้วไปโรงแรมใหม่ เราเสียเวลาไปเยอะมากกับการหารองเท้า ทำให้ออกจาก Shibuya มาก็สามทุ่มกว่าแล้ว เรามีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะกลับไปเก็บของแล้วรีบไปสนามบิินก่อนรถไฟฟ้าจะหมด ขากลับเราบินกลับจาก Haneda จากโรงแรมไปต้องขึ้น JR แล้วไปต่อ Monorail ไปที่สนามบิน พอมาถึงก็รู้ข่าวร้ายว่าน้องหมีเราหายไปแล้วจริิง ๆ แบบไม่มีร่องรอย T__________T เรานอยมากกก แต่ก็ไม่มีเวลามางอแงอะไร เลยทำได้แค่ปล่อยน้องไป
พอเก็บของหมดแล้วก็รู้ว่าตัวเองมีกระเป๋าเดินทางสิบกว่าโล 1 ใบ กระเป๋าใหม่ที่น่าจะหนักประมาณ 5 กิโล 1 ใบ กล่องกันดั้มที่ใหญ่กว่าตู้เย็นเล็กอีกใบ อ่อ.. แล้วก็กระเป๋าเป้ที่ใส่ของติดตัวอีกใบ ความลำไยยังไม่หมด เพราะข้างนอกฝนตก ทำให้เราต้องถือร่มอีกมือนึง ลองนึกภาพตามดูว่ามันทุลักทุเลแค่ไหน บวกกับเวลาที่ค่อนข้างเร่งเราทำให้เราต้องทำนั่นนี่ให้เร็วที่สุด เราหอบทุกอย่างเดินไปสถานี JR ความรู้สึกตอนนั้นคือเหนืื่อยมาก หงุดหงิดมาก ๆ ความคิดตอนนั้นคือกูโยนอะไรทิ้งได้บ้างเนี่ย ทั้งแบกของขึ้นลงบันได ทั้งต้องวิ่งไปขึ้นรถไฟ แขนกับไหล่เราชาไปหมด
ลงจาก JR แล้วเราก็ต้องต่อ Monorail ไปที่สนามบิน ด้วยความที่ของมันเยอะมาก แล้วเราก็หงุดหงิด อารมณ์เสียโคตร ๆ เลยกลายเป็น Blank สติหลุด ซื้อตั๋ว Monorail ผิด ต้องไปซื้อใหม่ พอได้ขึ้นไปแล้วมันโล่งใจสุด ๆ แต่... Bad Fortune อะเนอะ รถไฟฟ้าเคลื่อนไปซักพักก็หยุดที่สถานีนึงก่อนจะถึงสนามบินประมาณ 2 สถานี คนบนรถไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พนง.รถไฟบอกให้เราทุกคนออกจากรถไฟฟ้า เราหอบของลงมาแบบงง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความหงุดหงิดกลับมาอีกแล้ว เราถามคนข้าง ๆ ได้ความว่ารถไฟฟ้าขบวนนี้จะจอดแค่ที่สถานีนี้ เราต้องรอขึ้นขบวนหน้า เราเลยถามต่อว่าอีกนานแค่ไหน เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้ เราพยายามฮึบ พยายามคิดว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนรอ เรารอรถขบวนใหม่ประมาณสิบกว่านาที สุดท้ายก็ถึงสนามบินจนได้
ภาพถ่ายขณะโดนทิ้งที่ไหนก็ไม่รู้ T____T
เช้าวันต่อมาเรารีบอาบน้ำออกไปสนามบิิน หาข้าวกิินจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้น ก่อนจะเข้าไปเช็คอิน กราวน์บอกเราว่าเราไม่สามารถถือกันดั้มขึ้นเครื่องได้ ต้องโหลด เราเลยให้เขาติด tag ให้ด้วย (แต่ตอนลงเครื่องที่ไทยชั้นเห็นคนถือกันดั้มลงมาจากเครื่องอะ! มึงยังง้ายยยยย)
เหมือนจะได้กลับบ้านง่าย ๆ ใช่มะ ไม่จ้า5555555 พอกำลังสแกนกระเป๋าเข้าไปในเกท เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้เราเปิดกระเป๋าออก ยังไงอีกล่ะ... เขาหยิบขาตั้งกล้องเราออกมา พร้อมบอกเราว่าอันนี้เอาเข้าไปไม่ได้นะ เราได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เอากูจนวันสุดท้ายจริง ๆ ว้อยยยยย แต่เขาบอกเราว่าขอถามก่อนนะ เจ้าหน้าที่หันไปคุยกัน แล้วก็โทรออกไปที่ไหนซักที่ ซักพักเขาก็เอาตลับเมตรมาวัดขาตั้งกล้อง แล้วส่งมันคืนให้เรา บอกว่าความยาวเท่านี้เอาเข้าไปได้ เกือบ lost อีกแล้วมั้ยล่ะ...
วิญญาณนักช็อปไม่เคยยอมแพ้ค่ะ เข้าไปในเกทชั้นก็ไปช็อปที่ duty free อีก ไม่จบไม่สิ้น เราไปซื้อขนมอีก 2-3 อย่าง กับกระเป๋าอีกสองใบ แล้วจ่ายด้วยบัตรไป ระหว่างรอเครื่องออก ก่อนจะปิดมือถือเราก็เปิดเช็คดูว่าทริปนี้หมดไปเท่าไหร่
เดี๋ยวก่อนนะ ตะกี๊ตัดบัตรไปแค่ไม่กี่บาท ทั้ง ๆ ที่ควรจะเยอะกว่านี้มาก ๆ ด้วยซ้ำ
เราหยิบใบเสร็จมาดูทำให้เจอว่าแคชเชียร์ลืมคิดค่ากระเป๋าเป้ไปใบนึง...
ทำไงดีอะ เครื่องจะออกแล้ว เราอยู่บนเครื่องแล้ว ถ้าจะวิ่งลงไปคงจะไม่ทันแน่ ๆ
สุดท้ายก็555555555555 ขอโทษจ้า Y____Y
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in