ถึงโอเมก้าจะถูกตัดสิทธิในการทำงานที่ต้องใช้พละกำลังหรือความเด็ดขาดในการตัดสินใจอย่างยิ่ง เช่น การเป็นทหารหรือตำรวจ เพราะเชื่อกันมาแต่เดิมว่าความอ่อนไหวทางอารมณ์ของโอเมก้าเป็นอุปสรรคและไม่เหมาะสมกับอาชีพ แต่ผมกลับคิดต่างออกไป และเชื่อว่าเพื่อนร่วมงานของผม อย่างจ่ามัสเกรฟที่เป็นคนหนุ่มและไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เก่ามากนักจะเห็นพ้องด้วยกับผม เพราะการที่ ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ อยู่ร่วมฟังการถามปากคำของโอเมก้าหญิงทั้งสอง คือ คลาร่า พ็อตต์ และเจนนี่ เมนโดซ่า โดยเฉพาะกรณีของเจนนี่ ช่วยให้งานของเราง่ายขึ้นเป็นเท่าตัว
แพทย์นิติเวชอย่างเขายังคงยึดถือหลักในหน้าที่ของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง คือ ไม่แทรกแซง ไม่ก้าวก่ายการถามคำให้การของตำรวจ เว้นแต่ตอบคำถามเมื่อผมต้องการความคิดเห็น แม้จะเขาจะเป็นผู้ชายและนั่งฟังอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงความรู้สึก หรือความเห็นใจใครทั้งสิ้น แต่อย่างน้อยที่สุด เจนนี่ก็ดูโล่งใจอยู่บ้างที่มีโอเมก้าชายอยู่เป็นเพื่อนท่ามกลางกลุ่มตำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัลฟ่าเพศชายที่กำลังทำงานอยู่ในร้านขายของเก่าแห่งนี้ืที่ยังถูกกันเอาไว้เป็นที่เกิดเหตุ
คดีนี้อาจเริ่มต้นเหมือนคดีพิศวง จากนั้นก็กลับกลายเป็นเพียงคดีธรรมดาที่แผนกสืบสวนอาชญากรรมของเขตไวท์ชาเพลก็สามารถรับมือได้ แต่หลังจากฟังคำให้การของคลาร่า พ็อตต์กับเจนนี่ เมนโดซาแล้ว ผมคิดว่ามันอาจนำไปสู่การแนวทางการสืบสวนบางคดีที่ค้างคา และอยู่ในอำนาจของทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่ผมสังกัดอยู่ได้
ในความเห็นของผม โอกาสที่เธอคนใดคนหนึ่งจะเป็นคนร้ายมีอยู่ไม่น้อย เพราะความสัมพันธ์ของพวกเธอกับผู้ตายไม่อาจเรียกได้ว่า ราบรื่น และยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของ ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ มือผีที่ข่าวหนังสือพิมพ์พากันลงไปแล้วว่า เคลื่อนไหวได้เอง และบีบคอเจมส์ พ็อตต์จนตายเลวร้ายยิ่งกว่าตำนานความอาถรรพ์ของเชิงเทียนมือผีชิ้นนั้นจริง ๆ เสียอีก
ที่สารวัตรแบล็คเคยบอกเอาไว้ว่าเจมส์ พ็อตต์มีธุรกิจค้าของเก่าไว้บังหน้า ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง ถ้าเราสามารถดึงเอาข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเขาออกมาได้ ความหายนะก็มีแนวโน้มจะเกิดกับ ‘ลูกค้า’ ของเขาตามมาเป็นลูกโซ่ และอาจเกิดคำถามต่อมาว่าแผนกสืบสวนอาชญากรรมของดิวิชั่นเอชปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ร้านขายของเก่าที่มีของจริงอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นของปลอมทำเลียนแบบคุณภาพต่ำไปจนถึงคุณภาพกลาง ๆ ไม่สามารถทำรายได้ให้พวกเขามากพอถึงขนาดที่จะใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้อย่างแน่นอน และรายได้หลักที่แท้จริงของพ่อค้าของเก่าคนนี้ คือ การปลอมแปลงเอกสารค้าสารเสพติดและยาผิดกฎหมาย และแบล็คเมล์ลูกค้ากระเป๋าหนักบางราย
ทุกอย่างที่ว่ามาจากปากคำของคลาร่า พ็อตต์ ภรรยาของผู้ตายทั้งสิ้น หากเธอไม่ใช่นักโกหกที่แนบเนียน สิ่งที่เธอพูดล้วนออกมาจากใจจริง แม้ว่าคำกล่าวเหล่านี้อาจนำเธอไปสู่ความลำบากในภายหลังก็ตาม
ผมเคยใช้ชีวิตคู่มาสิบปีก่อนที่แมรี่จะจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ชีวิตแต่งงานของเราราบรื่นและเป็นสุขดี แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็รับรู้จากกรณีหย่าร้างของน้องสาวผมด้วยว่า สามีภรรยาที่ทนอยู่กินกันมาโดยฝ่ายหนึ่งไม่สามารถทำใจให้รักอีกฝ่ายได้ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ตามเป็นอย่างไรเช่นกัน
วันแรกที่พบกัน ผมเห็นความโล่งใจในแววตาของคลาร่า พ็อตต์มากกว่าความโศกเศร้า และมันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมเห็นจากแฟนนี่ เมื่อเธอพาโลเวลล์มาที่บ้านหลังสามีอัลฟ่าของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
คลาร่า พ็อตต์ไม่เคยรักเจมส์ พ็อตต์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่อยากมีลูกกับเขา ไม่ต้องการทนทุกข์กับช่วงฮีทที่ต้องหลับนอนกับอัลฟ่าอย่างเขาอย่างที่เธอเคยพลาดพลั้งมาแล้ว แต่สาเหตุที่เธอยังคงอยู่กับเขา คือ สัญชาตญาณของโอเมก้าที่ถูกตราว่ามีเจ้าของ และความคิดว่าอย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังไว้ใจเธอในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่งของธุรกิจถูกกฎหมาย
สิ่งเดียวที่เธอกับเขาคิดตรงกัน คือ พวกเขาไม่ต้องการมีลูก แม้จะมีเหตุผลที่แตกต่างกัน และนั่นก็ทำให้เธอสามารถเข้าถึงยากดฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด และสารพัดสารเคมีที่จะนำมาใช้เพื่อกลบความเป็นโอเมก้าของเธอให้เบาบางลงไม่ยากเย็นนัก เพราะ ‘สามี’ ของเธอสามารถจัดหามาให้ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผูกเธอกับเขาเอาไว้ด้วยกัน นอกจากการบอนด์ในฐานะอัลฟ่าและโอเมก้า
อย่างไรก็ตาม การควบคุมภาวะฮีทและการคุมกำเนิดของเธอกลับนำเคราะห์ร้ายไปตกอยู่กับเจนนี่ เมนโดซ่า สาวต่างชาติที่เข้ามาด้วยวีซ่านักเรียนแต่แอบหางานทำด้วยการรับจ้างทำความสะอาดบ้านให้เธอ
คลาร่า พ็อตต์ได้แบ่งห้องให้เจนนี่เช่าในราคาถูกเพื่อที่อย่างน้อยเธอจะได้มีคนช่วยงานอยู่ใกล้ ๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะในวันที่เธอไม่อยู่บ้าน เจนนี่ตกอยู่ในภาวะฮีทของโอเมก้า และในวันนั้น สามีซึ่งเป็นอัลฟ่าของเธอ มี ‘ลูกค้า’ ที่เป็นอัลฟ่าอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย
ไม่มีใครเลย แม้กระทั่งตัวของเจนนี่ที่รู้ว่าเด็กในท้องของเธอเกิดมาจากอัลฟ่าคนไหน แต่นั่นอาจไม่สำคัญเท่าเรื่องที่การตั้งครรภ์ของเธอก่อปัญหายุ่งยากตามมา การตั้งครรภ์ทำให้เธอไม่สามารถไปต่อวีซ่าหรือกลับประเทศของตัวเองได้ในสภาพนี้ เธอจึงอาศัยในบ้านของครอบครัวพ็อตต์ต่อไป และต้องหลบซ่อนตัวจากทางการเพราะทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง
ตลอดเวลาของการให้ปากคำในห้องทำงานซึ่งเคยเป็นที่เกิดเหตุ นอกจากท่าทีรู้สึกผิดกับลูกจ้างสาวของตนเองแล้ว มิสซิสพ็อตต์ก็วางเฉยอยู่ตลอดเวลา ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับการต้องอยู่ในห้องซึ่งเป็นที่ตายของสามีของตนเอง เธอให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี มีเพียงช่วงเริ่มต้นการถามปากคำเล็กน้อยเท่านั้นที่เธอมอง ดร. ฟอล์กเนอร์ด้วยสายตาประหลาดใจกับการมีโอเมก้าร่วมอยู่ในทีมนักสืบซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัลฟ่า และในช่วงจังหวะที่เธอมองเขานั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอมีปฏิกิริยาบางอย่างเมื่อได้ยินชื่อของเขา แต่ท่าทีและสายตาของแพทย์นิติเวชกลับแสดงชัดว่า เขาไม่เคยพบและไม่เคยรู้จักเธอเลยแม้แต่น้อย
ดร. ฟอล์กเนอร์ไม่ได้พูดกับเธอมากนัก เขาทำเพียงแค่ขอดูรูปถ่ายของ ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ ที่หายไป และขอให้เธอช่วยเปิดหน้าต่างในห้องให้เล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้วิธีเปิดหน้าต่างและหน้าต่างบานนั้นก็ฝืดเอาการ จากนั้นเขาก็นั่งพิจารณาภาพถ่ายอยู่ที่โต๊ะทำงานของเจมส์ พ็อตต์พร้อมกับฟังผมกับจ่ามัสเกรฟทำงานไปเงียบ ๆ โดยเงยหน้าขึ้นมามองบ้างเป็นบางครั้ง แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะเราต่างรู้กันว่า สิ่งที่เขาขอให้เธอทำมีวัตถุประสงค์เช่นไร
แวบหนึ่งที่ผมลอบมองเขา แม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉยเป็นปกติ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ยากดฮอร์โมนทั้งหลายอย่างต่อเนื่องแม้จะเสี่ยงกับการทำลายสุขภาพของตนเองก็ตาม และสิ่งที่เธอเล่าก็ตรงกับข้อสันนิษฐานที่เขาเคยบอกผมก่อนหน้านี้ทุกอย่าง ทว่าในความเห็นใจ ผมสังเกตเห็นร่องรอยของความสงสัยบางอย่างอยู่ในดวงตาสีเขียวคู่นั้นด้วยเช่นกัน และเมื่อเขามองผมตอบกลับมา ผมอ่านสายตาของเขาออกโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดว่า เรามีเรื่องเกี่ยวต้องคุยกันหลังจากนี้
จากการสังเกตของผม ท่าทีของ ดร. ฟอล์กเนอร์ที่มีต่อเจนนี่ดูอ่อนลงกว่าท่าทีที่แสดงออกต่อคลาร่า พ็อตต์ก่อนหน้านี้ เขาไม่เพียงแต่ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ส่งมือให้เธอจับ พร้อมบอกให้ระวังสะดุดพรมในห้องที่เปิดอยู่เล็กน้อย เขายังชี้บอกให้เธอไปนั่งที่โซฟาซึ่งสบายกว่าและมั่นคงกว่าเก้าอี้สำนักงานอีกตัวหนึ่งที่มีในห้อง แล้วนั่งลงบนเท้าแขนของโซฟาข้าง ๆ เธอ เมื่อเธอส่งสายตาเหมือนขอร้องให้เขาอยู่เป็นเพื่อนใกล้ ๆ ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ตลอดเวลาที่ผมกับจ่ามัสเกรฟสอบถามเธอเพิ่มเติม ท่าทีเห็นอกเห็นใจของเขาก็ช่วยให้เจนนี่สบายใจขึ้น แม้จะยังแสดงอาการหวาดกลัวที่จะต้องอยู่ในห้องทำงานที่อดีตนายจ้างอีกคนหนึ่งของเธอเสียชีวิตก็ตาม
ภาษาอังกฤษของเธอใช้ได้ แม้จะไม่ถึงกับดีมากนัก และดูจะพูดคล่องขึ้นเมื่อเห็นว่า เราไม่ได้เร่งรัดจะเอาคำตอบ สิ่งที่เธอพูดส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากสิ่งที่คลาร่า พ็อตต์ที่เราเชิญให้ออกจากห้องไปก่อนหน้านี้พูด ทักษะภาษาที่จ่ามัสเกรฟเคยกังวลว่า เธอจะพูดไม่รู้เรื่องหรือฟังความหมายของเราไม่เข้าใจ กลับช่วยให้เรามั่นใจว่าทุกคำที่เธอพูด มาจากความคิดของเธอเองไม่ใช่ท่องจำคำที่ใครสอนหรือสั่งมาก่อนหน้านี้ และถ้ามีการเตรียมคำพูดให้เธอตอบ เราก็ย่อมมองพิรุธข้อนั้นออกเช่นเดียวกัน
หลังจากเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ดร. ฟอล์กเนอร์ก็ถามเธอถึงเหตุผลที่มีท่าทางหวาดกลัวและดูเหมือนไม่อยากอยู่ในห้องนี้เอาเสียเลย และคำตอบที่เราได้รับจากเธอนั้นก็เกินความคาดหมายของผมไปไม่น้อย เพราะเธอตอบว่าเธอกลัวเจมส์ พ็อตต์ และกลัว ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ นั่นเอง แต่เธอไม่รู้จักมันในฐานะของสิ่งอาถรรพ์ เพราะเธอรับรู้จากนายจ้างของเธอว่ามันเป็นมือของลูกจ้างคนก่อนที่ไม่เชื่อฟัง และหากเธอไม่อยากถูกลงโทษก็ต้องทำตามที่เขาบอก
เท่าที่ผมสัมผัสได้ ความกลัวของเธอที่มีต่อมิสเตอร์พ็อตต์ มีมากเท่ากับความรักและนับถือที่เธอมีให้มิสซิสพ็อตต์ แม้เธอจะยอมให้เขาเมทด้วยเพราะขัดไม่ได้ ประกอบกับสัญชาตญาณของโอเมก้าในช่วงฮีทมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง แต่เธอก็อดรู้สึกผิดกับนายผู้หญิงของเธอไม่ได้ ถึงฝ่ายหลังจะไม่ถือโกรธและเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษที่ไม่ได้ชวนเธอไปด้วย จนเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น
หลายกรณีที่เกิดขึ้นโอเมก้าที่เมทกับอัลฟ่าคนเดียวกันมีแนวโน้มจะไม่ถูกกันนัก แต่ในกรณีของคลาร่ากับเจนนี่ดูจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคลาร่าดูจะมีเมตตากับหญิงสาวต่างถิ่นผู้นี้มากมาย ถึงขนาดที่ว่าเธอยินดีหย่ากับสามี เพื่อให้เจนนี่จดทะเบียนสมรสกับเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และใช้สิทธิการเป็นคู่สมรสของคนอังกฤษอยู่ในประเทศต่อไปได้ด้วยซ้ำไป
เจมส์ พ็อตต์เป็นคู่กรณีที่พวกเธอต่างมีร่วมกัน แต่มีเพียงหนึ่งเดียวในสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถลงมือกับเขาได้ และดูเหมือนว่า ภาพต่อเกี่ยวกับ ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ ที่สูญหายไปก็ค่อยชัดเจนขึ้นทีละน้อย คือ มันเป็นของปลอมที่เขาจะขายให้ชายคนหนึ่งชื่อ ‘สแตนตัน’ และเป็นไปได้ว่า เขาคือลูกค้าที่อยู่ในร้านในวันที่เจนนี่อยู่ในช่วงฮีท มือมนุษย์ตากแห้งชิ้นที่ว่า จึงอาจเป็นอุปกรณ์ที่ใช้การแบล็คเมล์ชายคนดังกล่าว ด้วยการทำทีเป็นเสนอขายของแปลกประหลาดชิ้นนี้ให้เพื่อแลกกับการปิดปากเรื่องที่เขาทำให้โอเมก้าสาวคนหนึ่งตั้งครรภ์ขึ้นจนกลับประเทศของตัวเองไม่ได้
“ระหว่างเธอสองคน คุณหมอมีคำตอบอยู่ในใจแล้วใช่ไหมครับว่า ใครน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้มากที่สุด” ผมถาม หลังจากเหลือเพียงเราสองคนอยู่กันตามลำพังในห้องทำงานของเจมส์ พ็อตต์และห้องที่เกิดเหตุ ส่วนจ่ามัสเกรฟออกไปส่งหญิงสาวทั้งสอง รวมถึงสังเกตการณ์ขณะที่พวกเธอเก็บของใช้ส่วนตัวที่เหลืออยู่ในห้องพักชั้นล่าง
ดร.ฟอล์กเนอร์ยังคงนั่งอยู่บนเท้าแขนของโซฟาที่เจนนี่นั่งก่อนหน้านี้ เขาเงยหน้าขึ้นจากภาพถ่าย ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ ที่ผู้ตายอ้างว่าจะขายต่อให้ใครอีกคนหนึ่ง และหนังสือที่เขาถืออยู่ในมือ
“สารวัตรเองก็มีคำตอบในใจอยู่แล้วเหมือนกันนี่ครับว่า ใครมีโอกาสเป็นคนฆ่าผู้ตายมากที่สุด” เขายิ้มให้ผมแต่ในรอยยิ้มนั้นมีร่องรอยของความไม่สบายใจแฝงอยู่ด้วย “คนที่กล้าเข้ามาในห้องที่เกิดเหตุและเป็นคนที่สามารถเปิดหน้าต่างห้องที่ฝืดมากอย่างที่ผมเปิดไม่ได้...”
ผู้ต้องสงสัยของเขา คือ ผู้ต้องสงสัยคนเดียวกับที่ผมคิดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังมีบางอย่างที่ผมติดใจอยู่
“คุณหมอคิดว่า คลาร่า พ็อตต์ตั้งใจจะส่งเจนนี่เข้าปากของเจมส์ พ็อตต์หรือเปล่า เพราะผมอดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ว่า ในเมื่อเธอเข้าถึงยาคุมและฮอร์โมนสารพัดชนิดได้ขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงไม่ให้ยาพวกนี้กับเจนนี่เอาไว้ป้องกันตัวเอง”
เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามของผม นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ ตอบรับ
“ผมอดคิดอย่างนั้นไม่ได้เหมือนกันว่า มิสซิสพ็อตต์อาจต้องการปลดตัวเองให้พ้นไปจากเจมส์ พ็อตต์ และในขณะเดียวกันเจนนี่ก็ไม่เสียประโยชน์เกินไปนักจากการมีสิทธิอยู่ในอังกฤษต่อในฐานะคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมเธอถึงต้องฆ่าเจมส์ พ็อตต์ด้วย...”
“นั่นเป็นเรื่องที่เรายังไม่รู้คำตอบและยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่คนร้ายอาจเป็นคนอื่นอีก แต่ในเวลานี้ ผมบอกได้แค่ว่า เจนนี่มีโอกาสที่จะเป็นคนร้ายน้อยกว่าคนอื่น” ผมบอก “เรายังมีคนชื่อสแตนตันอีกคนที่ผมต้องเชิญตัวมาสอบถามหลังจากที่เราได้ชื่อจริงที่แน่ชัด เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่งกับคดีนี้หรือไม่ก็ได้”
ถ้าผมมองไม่ผิดผมรู้สึกว่า ดร. ฟอล์กเนอร์มีปฏิกิริยาบางอย่างกับชื่อดังกล่าว และในเวลานี้เขาดูเหม่อลอย เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิดบางอย่าง เขาไม่ได้หันมาหาหรือขานรับ เมื่อผมเอ่ยเรียกในหนแรก แต่มารู้สึกตัวตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้และเอื้อมมือไปจับบ่าของเขา พร้อมเรียกชื่อของเขาอีกครั้ง
“คุณหมอเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมเอ่ยถามใช้หลังมือแนบข้างแก้มของเขาที่ดูเหมือนจะเผือดสีลงเล็กน้อย “ไหวไหม ขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนคุณหมอทั้งที่เป็นวันพักแท้ ๆ เดี๋ยวผมพาไปส่งที่บ้านนะ”
“ขอบคุณมากครับ และผมขอยืมรูป ‘เดอะแฮนด์ออฟกลอรี่’ ที่มิสซิสพ็อตต์ให้มาไปดูด้วย ไม่แน่ใจว่าจะใช้เปรียบเทียบกับรอยที่เราได้มาเบื้องต้นได้หรือเปล่า แต่จะลองดู” โทเบียส ฟอล์กเนอร์บอก และสอดภาพทั้งหมดลงในซองกระดาษหลังได้รับคำอนุญาตจากผม
ผมมองเขาเงียบ ๆ ระหว่างที่เขาลุกขึ้นจากที่นั่งนำหนังสือที่หยิบยืมมาจากชั้นหนังสือด้านหลังโต๊ะทำงานกลับคืนที่
คำว่า ‘กลับบ้าน’ ที่ผมเอ่ยทำให้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดกับเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าเขาจะเต็มใจช่วยและผมเองก็ยินดีที่มีเขาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ความคิดนั้นถูกลบล้างไปด้วยรอยยิ้มของเขาที่มายืนอยู่ตรงหน้า สบตากับผมและส่ายหน้าปรามเหมือนอ่านใจผมออกว่า ผมไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรเขาเลย
“ไปกันหรือยังครับ สารวัตร”
ผมยิ้มให้เขา พร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ และเมื่อเขาหันหลังให้ จะเดินตรงไปยังประตู ผมเอื้อมมือไปจับมือของเขาไว้ ส่วนเขาเองก็ไม่ได้ปล่อยมือของเขาออกไปจากมือของผมเช่นกัน
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมทำอย่างนั้น แต่ชั่วแวบหนึ่งในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราออกจากห้องทำงานและเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างด้วยกัน และปล่อยมือจากเขาก่อนที่จ่ามัสเกรฟและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากไวท์ชาเพล ซึ่งดูแลสถานที่เกิดอยู่จะเห็น ผมอดนึกถึงช่วงเวลาที่ผมกับแมรี่ยังอยู่ด้วยกันและเคยจับมือกันเดินเงียบ ๆ ไปตามชายหาดหรือทางเดินริมหน้าผาของวิทบี้เมื่อเราหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเรื่องไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะในเวลานี้ ผมกับเขาก็กำลังทำสิ่งเดียวกันกับที่ผมเคยทำกับแมรี่เพื่อแบ่งปันความรู้สึกของกัน และทำให้ฝ่ายที่กำลังทุกข์ใจรู้สึกว่า เขามีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่า สิ่งที่ผมทำอาจได้ผล เพราะมือที่เย็นเฉียบอยู่แต่เดิมของเขานั้นค่อยอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
“ผมขอแวะดูห้องนั่งเล่นแป๊บนึงนะครับ คุณหมอ”
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่เคยได้กลิ่นของอัลฟ่าอีกคนหนึ่ง และในเวลานี้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่า คนคนนั้นอาจเป็นมิสเตอร์สแตนตันที่มิสซิสพ็อตต์เอ่ยถึง แต่น่าเสียดายที่ในห้องนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดหรือสิ่งใดที่ใช้บันทึกภาพบุคคลหรือเหตุการณ์ภายในห้องได้อยู่เลย
“ห้องนี้มีอะไรหรือครับ” ดร. ฟอล์กเนอร์ที่ตามเข้ามาในห้องด้วยเอ่ยถาม แต่ปลายคำถามดังกล่าวดูเหมือนจะขาดหายและสะดุดไปเสียเฉย ๆ ทันทีที่ประสาทสัมผัสของเขารับรู้กลิ่นของอัลฟ่าในห้อง อาการเครียดที่หายไปก่อนหน้านี้เริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง ท่าทีของเขาก็ทำให้ผมตัดสินใจรีบพาเขากลับบ้าน และค่อยกลับมาดูอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ไม่ทันที่เราจะก้าวออกจากห้อง จ่ามัสเกรฟก็สาวเท้าเข้ามาอย่างรีบร้อน
“สารวัตรเฟย์ครับ” เขารายงานด้วยสีหน้าว้าวุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับได้พบเจออะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นตระหนกและอึดอัดใจจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
“หลังมิสซิสพ็อตต์กับมิสเมนโดซ่ากลับไปแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่... อัลฟ่าชายคนหนึ่ง... มาที่นี่ และบอกว่า เขาคือเซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตัน ตอนนี้เขารออยู่หน้าประตูร้าน และถามว่าจะเข้าไปข้างในได้ไหม...”
ชื่อบุคคลที่เขาเอ่ยออกมา เป็นชื่อที่ผมได้ยินบ่อยครั้งในข่าวสังคมและธุรกิจ รวมถึงข่าวเศรษฐกิจด้วยในฐานะผู้ประกอบกิจการเดินเรือและธุรกิจลอจิสติกส์รายใหญ่รายหนึ่งของสหราชอาณาจักร เพราะชื่อเสียงของตระกูลสแตนตันผูกติดอยู่กับสังคมชั้นสูงธุรกิจ และการเมืองเช่นเดียวกับตระกูลอัลฟ่าชั้นนำหลายตระกูล ผมจึงไม่คาดคิดว่าชายชื่อสแตนตันคนที่ว่าจะเป็นเขา และไม่ใช่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะสามารถ ‘ข่ม’ อัลฟ่าระดับกลางที่ยังหนุ่มอย่างวิลเลียม มัสเกรฟเพื่อนร่วมงานของผมได้อย่างง่ายดาย
“เชิญเขาเข้ามาข้างในแจ้งให้ทราบด้วยว่า เดี๋ยวผมจะไปพบ”
To be continued....
เรื่องคดีก็น่าสนใจ เรื่องปฏิสัมพันธืองสารวัตกับคุณหมอก็ยิ่งน่าสนใจ
ชอบการเอาใจใส่ คอยเคียงของข้างคุณอัลฟ่าาาา
ถ้าข้อสันนิษฐานของสารวัตรเป็นจริงในเรื่องที่ว่ามิสซิสพ็อตต์อาจมีส่วนที่ทำให้เจนนี่กลายเป็นแบบนี้ เราคงรู้สึกแย่ปนกับ บอกไม่ถูกเลยค่ะ ถึงตัวเองจะเป็นคนที่โดนเอารัดเอาเปรียบจากสามีตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจทั้งในเรื่องของบอนด์ก็แล้ว แต่ก็ยังมีข้อแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันได้ แต่ถ้าเจนนี่เข้ามาเอี่ยวด้วยเรานี่ไปไม่เป็นเลย ;__; แต่ถึงกระนั้น อะไรที่กลายเป็นจุดชนวนของการต้องฆ่ามิสเตอร์พ็อตต์กันนะ...คงต้องมีอะไรที่พีคกว่าเรื่องที่สอบปากคำมาคร่าวๆ ซึ่งเราก็เดาไม่ถูกเช่นเคยค่ะ ง่า
เราลืมคิดถึงเรื่องที่สารวัตรมีซิฟเตอร์เป็นเจ้าหมาเลย โอย นึกถึงเจ้าหมาตัวใหญ่ที่ชอบคลอเคลียดูแลเจ้าแมว ;w; ในจุดที่ต้องเจอพยานคนสำคัญอย่างสแตนตัน ฮือ คุณหมอสู้ๆนะคะ อยากให้คุณหมอกลับบ้านแล้ว ไม่รู้คุณหมอจะอยู่ต่อไหมหรือยังไง ;-;
แง กอดนะคะ ><
เรื่องสแตนตันตอนหน้ามีเฉลยแน่นอนค่ะ คราวนี้แค่จับมือแน่นๆ อาจจะยังไม่พอ ;w;
สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของคลาร่ากับเจนนี่จริงๆ จะเป็นอย่างไรนั้นคงมีพูดถึงในตอนต่อไป แต่ก็เป็นความจริงที่โหดร้ายนะคะ ถ้าในบรรดาคนที่ถูกเอาเปรียบทางสังคมอยู่แล้ว ถูกเอาเปรียบต่ออีกทอดหนึ่งโดยเฉพาะโดยพวกเดียวกันเอง ไม่อยากให้มี แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่เอาเข้าจริงคดีนี้อาจไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดเลยก็ได้ค่ะ
สารวัตรเป็นชิฟเตอร์หมาตัวใหญ่ ๆ แบบอัลเซเชียนหรือลาบราดอร์เลยละค่ะ สัญชาตญาณการปกป้องนายสูงมากและเป็นมิตรมากด้วย แมวแบบคุณหมอมีหมายักษ์ดูแลก็ไม่ต้องห่วงแล้วค่ะ แต่การเผชิญหน้ากันหนนี้ ไม่รู้จะพากันไปทางไหนต่อ คุณหมอจะได้กลับบ้านก่อนเจอหรือเปล่า คราวหน้าเฉลยค่ะ
ขอบคุณที่อ่านกับคอมเม้นต์มาตลอดเลยนะคะ ><