เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Murderous Hand (DToL Omegaverse AU)piyarak_s
Tobias
  • Trigger warning: เนื้อหาตอนนี้ มีส่วนที่พูดถึง sexual harassment/assault และผลกระทบที่ตามมา  ถ้าจิตใจไม่พร้อมหรือคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ กรุณาหลีกเลี่ยงนะคะ



    (1)

     

    ผมเคยใช้ชีวิตอย่างปกติไม่เคยมีข้อกังวลอะไรมากนัก

    ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน และมีเพื่อนเป็นผู้ชายทั้งหมด

    ผมไม่เคยรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างผมกับเพื่อน


     

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยเป็น และเคยมีเปลี่ยนไป

    ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของผม ในวันที่ผมไม่เคยลืม



    วันที่ผมรู้สึกว่า ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง

    และเป็นวันที่ทุกอย่างในชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

     

     

    วันนั้น คือ วันที่ผมได้รู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า

     


     

     

    (2)

     

     

    ในวันที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า

    โลกที่ผมเคยรู้จักกลับตาลปัตรไปหมด

    ถ้าหากผมรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรตั้งแต่แรกเกิด

    ก็คงจะดีกว่านี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับ

     

     

    ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่ผมก็ยังเกลียดความรู้สึกที่ว่า

    ผมต้องยอมจำนนให้กับสิ่งที่ธรรมชาติกำหนด 

    ทั้งที่ใจของผมไม่ต้องการและต่อต้านมันอย่างไม่มีทางสู้



    ผมไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับคนที่ผมไม่ชอบ

    แต่ร่างกายของผมกลับเรียกร้องหาความสัมพันธ์ชนิดนั้น

    โดยไม่เกี่ยงเลยว่าเขาหรือเธอเป็นคนที่ผมรู้จักหรือไม่

    ดังนั้น หนทางเดียวที่ผมมี คือ พาตัวเองออกห่างจากอัลฟ่า

    ในช่วงเวลาที่สัญชาตญาณในตัวต้องการอัลฟ่ามากที่สุด

     

     

    เพราะเพื่อนของผมส่วนใหญ่เป็นอัลฟ่าและเบต้า

    อาจารย์ที่โรงเรียนจึงต้องแยกผมออกจากคนอื่นในบางวิชา

    ผมกลายเป็นคนนอก ทั้งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของทุกคน

     


    ผมต้องเรียนรู้เรื่องสรีระของตัวเองและสิ่งที่ต้องระวังอีกมาก

    และในบางครั้งผมก็อดรู้สึกระแวงไม่ได้ว่า หากวันหนึ่ง

    เพื่อนที่เป็นอัลฟ่าของผมเพื่อนที่เคยกอดคอเล่นหัวกันมา

    แพ้สัญชาตญาณของตัวเองแล้ว เราคงจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก

     

     

    ผมพอสมควรใช้เวลาในการปรับตัวและเริ่มกลับมาวางใจคนอื่น

    เมื่อเพื่อนของผมยังคงเหมือนเดิมและปฏิบัติต่อผมเหมือนเดิม

    ผมเริ่มสบายใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าถึงจะต้องเปลี่ยนแผนบ้าง

     

     

    อย่างไรก็ตาม บ้านไม่ใช่สถานที่ผมอยากกลับไปบ่อย ๆ อีกแล้ว

    พ่อดีกับผมแต่ผมไม่อยากเห็นความผิดหวังที่พ่อซ่อนเอาไว้

    รวมถึงพี่ชายคนอื่นๆ ของผมที่มองผมเป็น 'อย่างอื่น' ไปแล้ว

    คงเหลือแต่แม่ที่เป็นโอเมก้าเหมือนกัน และกีเดี้ยน พี่ชายของผม

    ที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจและเปิดเผยสิ่งที่ผมกังวลกับพวกเขาได้

     

     

    แม่ทิ้งงานที่ต้องเดินทางไปโน่นมานี่มาทำงานเขียนอยู่กับบ้าน

    นั่นเป็นสิ่งที่เราเหมือนกันและแม่ให้คำแนะนำส่วนใหญ่กับผมได้

    แต่หลายครั้งการกลับบ้านไปเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ในสายตาแม่

    กอดแม่นั่งเบียดอยู่กับแม่โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ก็มากเพียงพอแล้ว



    ผมรู้ว่าพ่อกับแม่เป็น ‘คู่แท้’ ของกันและกัน และพวกเขารักกันจริง ๆ

    แต่ผมนึกไม่ออกว่าโอเมก้าที่เป็นผู้ชายอย่างผมจะเจอคนคนนั้นง่าย ๆ


     

    สำหรับกีเดี้ยนถึงเขาจะเป็นอัลฟ่าเหมือนพี่ชายคนอื่น ๆ ของผม

    แต่เขายังคงมองผมเป็นน้องชายคนสุดท้องที่เล่นซนด้วยกันคนเดิม

    ผมได้รูปร่างหน้าตาของแม่มา ส่วนเขาทำในสิ่งที่แม่เคยทำก่อนที่จะแต่งงาน

    เขาให้ความมั่นใจกับผมว่า การที่เราไม่ถูกคาดหวังให้ต้องใช้ชีวิตแบบไฮอัลฟ่า

    เป็นเรื่องที่ดีมากขนาดไหนเพราะผมเรียนแพทย์ เขาเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะ

    ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือธุรกิจใด ๆ ไม่ต้องวุ่นวายกับผู้คนที่ไม่รู้จัก

     

     

    แม่กับกีเดี้ยนทำให้ผมรู้สึกว่า การเป็นผู้ชายและการเป็นโอเมก้า

    ไม่ใช่เรื่องที่ขัดกันและไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ถ้าหากยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นได้

    โชคดีที่เพื่อนในโรงเรียนแพทย์กับอาจารย์ต่างเข้าใจและสนับสนุนผมเสมอ

     

     

    ในตอนนั้น ผมมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า ถ้าหากผมประสบความสำเร็จ

    ถึงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแต่อย่างน้อยโอเมก้าอีกหลายคน

    อาจมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้นและทำให้คนยอมรับได้




     

    (3)

     

     

    ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งวันที่ผมทำผิดพลาดอย่างยิ่ง

    ความผิดพลาดนั้นเกิดจากการรับคำของเฮคเตอร์พี่ชายคนรองอย่างเสียไม่ได้

     

     

    ทิมพี่ชายคนโตของผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

    ส่วนเฮคเตอร์พี่ชายคนที่สองทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกเฟอร์นิเจอร์

    การเมืองธุรกิจ งานสังคม งานการกุศลเป็นเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกันเสมอ

    การเข้าสังคมไปพบปะผู้คนอย่างเป็นงานเป็นการเป็นครั้งคราว

    ถือเป็นเรื่องภาคบังคับที่บางครั้งผมเองก็หลีกเลี่ยงได้ยากและจำเป็นในบางที

     

     

    ทิมไม่พูดมาก แต่ผมรู้ว่าเขาคาดหวังให้ผมไปงานนี้สักครั้ง

    ส่วนเฮคเตอร์คะยั้นคะยอให้ผมต้องรับปากตัดรำคาญออกไปจนได้

    ผมคิดกับตัวเองว่า ไปทักทายคนในงานตามหน้าที่และแยกตัวไปตามลำพัง

    ปล่อยให้ทิมกับเฮคเตอร์เจรจาธุรกิจของตัวเองไปตามเรื่องตามราวของตัวเอง

    แล้วค่อยกลับบ้านไปพร้อมกับพวกเขาเมื่อเลิกงาน โดยไม่ต้องยุ่งกับใครก็พอ

     

     

    ผมคิดว่ามันจะเป็นเหมือนงานเลี้ยงอื่นที่ผมเคยไป แต่ผมคิดผิด

     

     

    ผมรู้สึกว่า ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครในงาน

    คนที่เข้ามาทักทายและพูดคุยกับผมตามที่พี่ชายแนะนำล้วนเป็นอัลฟ่า

    จนผมอดคิดไม่ได้ว่าพี่มาผมมาให้อัลฟ่าคนอื่น ๆ ‘ดูตัว’หรือเปล่า

     

     

    อัลฟ่ากับโอเมก้าเป็น ‘เพศ’ ที่จับคู่กันได้เหมาะสมที่สุด

    เพราะธรรมชาติได้กำหนดให้ต่างคนต่างมีคู่แท้เป็นฝ่ายตรงข้าม

    ซึ่งเมื่อได้พบแล้วอัลฟ่าและโอเมก้าคู่นั้นจะรู้ได้ทันทีว่า ได้พบ ‘คู่แท้’

     

     

    แต่ในที่นี้ผมไม่เพียงแต่ไม่พบคนที่ใช่ ยังอึดอัดกับการอยู่ท่ามกลางฝูงอัลฟ่าด้วย

     

     

    เพราะในบรรดาโอเมก้าโอเมก้าที่เป็นผู้ชาย ‘หายาก’ กว่าผู้หญิงหลายเท่า

    โดยเฉพาะคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ผูกสัมพันธ์กันเฉพาะอัลฟ่าและโอเมก้า

    สายตาของอัลฟ่าโดยเฉพาะอัลฟ่าที่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมในงาน

    ขุดค้นและรื้อฟื้นความรู้สึกแปลกแยกและแตกต่างที่หายไปให้กลับมา



    บางคนไม่ได้มองผมในฐานะผู้ชายด้วยกันแต่มองผมเป็นโอเมก้า

    เพศที่ด้อยกว่าอ่อนแอกว่า ฉลาดน้อยกว่า และมีหน้าที่ตั้งท้อง เลี้ยงลูก

    ใบหน้าของผม รูปร่างของผมที่ถูกสะท้อนผ่านสายตาของบางคนที่มองมา

    ทำให้ผมอับอายกับตัวตนของตัวเองที่กลายเป็นเหมือนวัตถุที่ล่อตาล่อใจพวกเขา


     

     

    กลิ่นประจำตัวของอัลฟ่าและกลิ่นของฮอร์โมนจากร่างกายของคนที่รายล้อม

    ทำให้ผมกระสับกระส่ายอึดอัด และรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสิ่งนี้เร้ามากเกินไป




    ถึงจะยังไม่ถึงช่วงฮีทแต่การถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นของอีกฝ่าย ก็เร่งให้มันเกิดขึ้นได้

    ผมอยากกลับบ้านใจจะขาดแต่พี่ชายของผมไม่อยู่ใกล้ ๆ ในเวลาที่ผมต้องการ

     

     

    เสียงที่บอกให้ผมแยกตัวไปที่ห้องสมุดเหมือนดูออกว่า ผมกำลังมีปัญหา

    เป็นเหมือนเสียงที่ดึงผมออกจากนรกที่ยืนอยู่แต่ผมไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า

    ผู้หวังดีที่พาผมออกไปนั้นจะคนที่ฉุดผมให้ตกนรกอย่างแท้จริงในเวลาต่อมา

     

     

     

    (4)

     

     

    ดวงตาสีฟ้าที่คมเหมือนเหยี่ยวและความเป็นไฮอัลฟ่าของคนคนนั้น

    ทำให้ผมอดหวาดระแวงไม่ได้และในที่สุด ความหวาดหวั่นของผมก็เป็นจริง



    เมื่อเราอยู่กันตามลำพังในห้องหนังสือของเขาจากผู้ช่วยเหลือกลับเป็นผู้คุกคาม

    ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องหนี และต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นจากเขาให้ได้

     

     

    “เธอเป็นโอเมก้าเธอจะฝืนธรรมชาติของตัวเองไปทำไม”

     

     

    เสียงของคนที่ฉุดรั้งผมเอาไว้ดังอยู่ข้างหูสนเท่ห์ และเหยียดหยามในคราวเดียวกัน

    ผมไม่หยุดขัดขืนแม้ว่าข้อมือทั้งสองข้างที่เขายึดไว้เจ็บร้าวเหมือนจะหักให้ได้

    ผมจ้องหน้าของเขาตอบไม่พยายามปิดบังความเกลียดชังและต่อต้าน

     

     

    “ผมไม่ได้ฝืนธรรมชาติของตัวเองแต่ผมไม่ยอมทำตามความต้องการของคุณ”

     

     

    ผมยังจำสีหน้าของเขาที่มองกลับมาได้ดีเป็นสีหน้าอัลฟ่าที่ไม่เคยถูกโอเมก้าตอบโต้

    แต่รอยยิ้มที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาของเขาส่งความหนาวยะเยือกลงมาตามสันหลัง

     

     

    เขาปล่อยมือแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาปล่อยผมให้เป็นอิสระ

     

     

    สภาพร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลงกับการจู่โจมที่ผมคาดไม่ถึงจากกรงเล็บ

    ที่สร้างบาดแผลลึกที่อกทำให้ผมเสียเลือดมากจนหมดแรงตอบโต้หรือขัดขืน

     

     

    ผมไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้เพราะนั่นจะเรียกอัลฟ่าคนอื่นเข้ามาสมทบ

    ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการจากตัวของผม  

    ผมไม่ได้อยากมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองหรือหน้าของคนที่กระทำกับตัวเอง

    ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแต่ผมยอมให้เขาทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของไม่ได้

    ผมมองทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกอย่างถึงพร่าเลือนไปหมดจนแทบไม่เห็น

     

     

    เป็นครั้งแรกที่ผมเกลียดความเป็นโอเมก้าของตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    แม้จะรู้อยู่แก่ใจความผมไม่ผิดที่ผมเป็นโอเมก้า แต่อัลฟ่าคนนั้นต่างหากที่ผิด

    แต่การโทษตัวเองอาจเป็นทางออกที่ง่ายที่สุดเมื่ออัลฟ่าไม่มีวันผิดมากกว่าโอเมก้าไปได้  

     

     

    ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานสักเท่าใดก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง

    ผมจำอะไรไม่ได้สติสุดท้ายที่หลงเหลือสูญหายไปโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว

     

     

    เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของทิมและกลิ่นประจำตัวของเขาคือสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้

    ก่อนที่จะฟื้นคืนสติในเตียงของโรงพยาบาลบาดแผลที่อกของผมยังอยู่

    ฝันร้ายที่เกิดขึ้นตามหลอกหลอนผมทั้งยามหลับและยามตื่นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

     

     

     

     

     

    (5)

     

     

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทิมกับเฮคเตอร์แทบจะเข้าหน้ากันไม่ติด

    ทิมมองผมด้วยสายตารู้สึกผิด ส่วนผมกับเฮคเตอร์ไม่คุยกันอีกนับแต่นั้น


     

    พ่อกับแม่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแม้แต่คำเดียว

    นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะขอบคุณพวกท่านที่ไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมา

    และกีเดี้ยนก็ยังเป็นพี่ชายคนเดิมที่ยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม

    แม้ว่าระยะหลังเป็นต้นมาเขาดูจะหวงและห่วงผมมากกว่าเดิมก็ตาม

     

     

     

    ผมใช้เวลาไปพอสมควรกว่าที่ชีวิตของผมจะกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง

    ถ้าหากผมไม่ยอมก้าวต่อไปข้างหน้าผมก็จะไม่มีวันชนะมันได้อีกเลย

     

     

    หลังจาก PTSD หรือ อาการเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงผ่านพ้นไป

    อาการฝันร้ายยังมีอยู่บ้างอาการหวาดระแวงอัลฟ่าเบาบางจนเกือบเป็นปกติ

    ผมเริ่มใช้ยากดฮอร์โมนของตัวเองไม่ให้เกิดช่วงฮีท หาทางกลบกลิ่นของตัวเอง

    ผมรู้ว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อสุขภาพของผมในระยะยาว หากใช้นานเกินไป

    แต่ผมจำเป็นต้องเลือกระหว่างความมั่นทางทางจิตใจกับทางร่างกายของตัวเอง

     

     

    อาจารย์ที่ปรึกษาของผมอย่าง ดร. เวสต์กรุณากับผมอย่างยิ่ง

    ในการให้ความช่วยเหลือทุกอย่างให้ผมกลับมาเรียนได้อย่างปกติที่สุด

     

     

    อัลเฟรด คอร์ตนีย์ เพื่อนสมัยเด็กและเป็นแฟลตเมทของผมมาตลอด

    อดทนกับผมโดยไม่มีขีดจำกัด เขารื่นเริงได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    เขากับกีเดี้ยนดึงผมให้ออกไปเจอโลกภายนอก และมีเริ่มความสุขกับมันอีกครั้ง

    พวกเขาทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จนผมไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรถึงจะพอ

     

     

    ส่วนเดียน่า ทเวธส์ที่ปรึกษากฎหมายของเรา และเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของทิม

    เป็นอัลฟ่าหญิงและเป็นอัลฟ่าไม่กี่คนที่ผมไว้วางใจและดีกับผมมากว่าใคร

    เราแบ่งปันความผิดหวังร่วมกันที่ไม่อาจทำอะไรในทางคดีที่ผมจะเสียมากกว่าได้

    แต่อย่างน้อยที่สุด ผมก็ได้รับรู้ว่า ยังมีอัลฟ่าบางคนที่พร้อมยอมรับโอเมก้าอย่างเท่าเทียม

     

     

     

     

     

     

    (6)

     

     

    หลังกลับมาได้ ผมเรียนจบแพทย์ภายในระยะเวลาที่กำหนด และได้เกียรตินิยม

    การเรียนจบไม่ใช่แค่ความสำเร็จที่จะต่อยอดไปในการงานที่ทำเพียงอย่างเดียว

    แต่มันหมายถึงชัยชนะที่ผมมีต่อประสบการณ์เลวร้ายที่ผมเคยเผชิญในอดีตด้วย



    หลังจากที่ผมทำงานในโรงพยาบาลได้ระยะหนึ่งก็เรียนต่อเฉพาะทางด้านนิติเวชศาสตร์

    ซึ่งเป็นสาขาที่มีคนน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักรจนเรียกได้ว่าเป็นสาขาขาดแคลน


     

    การเป็นแพทย์นิติเวชซึ่งได้พบเจอกับคนในจำนวนจำกัดเป็นงานที่ลงตัวกับผมที่สุด

    เป็นงานที่ทำให้เสียงของผมมีความหมาย ทั้งกับคนตายที่เขาให้ปากคำเองไม่ได้

    ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาอัลฟ่าที่จำเป็นต้องยอมรับ และต้องฟังรายงานการชันสูตรของผม

     


     


    (7)



    ปัจจุบัน ผมไม่มีปัญหาในการทำงานกับเพื่อนที่เป็นอัลฟ่าซึ่งคุ้นเคยกันอยู่แต่ก่อน

    แต่ยังคงมีปัญหากับคนแปลกหน้า และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอัลฟ่า

    ผมรู้ทฤษฎีทางจิตวิทยาทุกอย่างดี และรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ก็ยากที่จะควบคุมได้



    ผมค่อย ๆ เลิกใช้ยากดฮอร์โมน แล้วเข้าสู่วงจรช่วงฮีทตามธรรมชาติ

    ถึงช่วงเวลาดังกล่าวจะผิดเพี้ยนไปบ้างด้วยผลจากการใช้ยามานานก็ตาม

    เหลือเพียงแค่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบเจออัลฟ่าแปลกหน้าโดยไม่จำเป็น

     

     

    ผมรู้ว่าตัวเองเฉยชากับคนอื่นมากขึ้นและไม่เป็นมิตรกับคนที่เพิ่งรู้จักมากนัก

    เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาและไม่เป็นปัญหากับผมในเวลาเดียวกัน

    เพราะในบางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกเก้อเขินเวลาที่อยากจะเป็นมิตรกับคนอื่นบ้าง

    สิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับตัวเองในเวลานั้นคือ ผมคงเป็นโสดและอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต

     

     

    ความคิดนั้นอยู่กับผมมาตลอดจนกระทั่งผมได้พบเขา

    คนที่ทำให้ผมรู้ว่า‘คู่แท้’ มีอยู่จริงบนโลกใบนี้

     

     

    ไมเคิล เฟย์... สารวัตรจากสก็อตแลนด์ยาร์ดคนนั้น

     

     

     


    (8)

     

     

    ผมรู้ว่าเขาเป็นคู่แท้มาก่อนที่จะพบกันในคดีที่เขามาขอความช่วยเหลือ

    แต่เขาไม่เคยรู้ว่าผมเป็นใคร และเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน 



    กลิ่นอายของกลิ่นประจำตัวของเขาที่ผมได้สัมผัสในครั้งแรกที่ร้านหนังสือ

    แม้ว่าเราจะไม่เคยพบหน้าบอกผมว่า เขาเป็นคนอบอุ่นเหมือนแสงแดด

    แม้ว่าเราจะคลาดกัน เพราะเขามีคนที่เขารัก ซึ่งผมไม่อาจแย่งเขาจากเธอได้

    เพราะภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่ฉลาด อ่อนหวาน และมีความสุขที่สุด



    รอยยิ้มของเธอน้ำเสียงของเธอในเวลาที่เอ่ยถึงเขาสะท้อนให้รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร

    ผมบอกตัวเองในเวลานั้นว่า ไม่เป็นไร แค่ได้รู้ว่าเป็นอัลฟ่าที่ดีและมีอยู่จริงก็พอแล้ว

     


     

    แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะผมได้พบเขาในวันที่ผมไม่พร้อมจะพบใครมากที่สุด





    (9)



    เราพูดคุยกันผ่านระบบสื่อสารด้วยความเชื่อถือทั้งที่เราไม่รู้จักและร้องขอ ไม่ใช่สั่ง

    เขาทำให้ผมอยากช่วยเขาอยากพบเจอเขา และทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเมื่อพบเขา


     

    ผมเคยสงสัยว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและฝากรอยแผลไว้กับผมนั้นผ่านไป

    ผมจะยังกลับมามีความสัมพันธ์กับใครสักคนโดยไม่หวาดกลัวได้อีกหรือไม่

    และเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีความรู้สึก มีความอ่อนไหวไม่ต่างจากคนอื่น

     

     

    ความอ่อนโยนความใส่ใจของเขา และการที่เขายอมหยุด ไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่ต้องการ

    เป็นเหมือนกุญแจที่ไขโซ่ที่ล่ามกรงที่กักขังผมเอาไว้นานนับปีให้ผมได้เป็นอิสระอีกครั้ง

     

     

    ความเคารพในกันและกันมิตรภาพที่เขามอบให้ และความเชื่อถือที่เขามีให้ผม

    เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของตัวอย่างและเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องแล้ว

     

     

    แม้ว่าในบางครั้งฝันร้ายของผมจะยังคงตามมาหลอกหลอน

    แต่การได้ตื่นขึ้นมาโดยมีใครบางคนอยู่เคียงข้างพร้อมคำปลอบใจ

    ผมเชื่อเหลือเกินว่าในวันหนึ่ง ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นจะทำร้ายผมไม่ได้อีกแล้ว

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
alf_yakusa (@alf_yakusa)
เก่งมากคุณหมอ ฮื่ออออออออออออออ ดีใจที่เขาเจอกัน ดีใจที่อัลฟ่าดีอยู่จริงมีในโลก (แม้จะนิยายก็ตาม)
ตามมาอ่านทุกแพลตฟอร์มค่ะ 5555555555555555555
salmonrism (@salmonrism)
พอได้อ่านพาร์ทของคุณหมอก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเลยค่ะที่คุณหมอทำให้ตัวเองผ่านเรื่องแย่ๆมาได้จนขนาดนี้ ดีใจที่ทำให้คาร์ของคุณหมอและที่มาของเค้าหล่อรวมเป็นตัวเค้าเองจนปัจจุบันนะคะ เพราะ่านยังไงก็รับรู้ได้เลยว่าจริงๆแล้วเค้าก็เป็นคนที่น่ารักมากกกกก คนนึง;-;