ปีนี้ เป็นปีที่สิบที่ผมทำงานกับตำรวจนครบาล และเป็นปีที่สิบที่แมรี่กับลูกที่ผมไม่มีโอกาสได้พบหน้าจากผมไป และเป็นปีแรกที่ผมได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำงานกับSCIT หรือ Specialist Casework Investigations Team หน่วยงานพิเศษของแผนกสืบสวนคดีฆาตกรรมสังกัดตำรวจนครบาลที่ต้องรับมือกับคดีที่ยากและมีความซับซ้อนกว่าแค่คดีฆาตกรรมปกติ
ก่อนนี้ผมไม่เคยเชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต ไม่เชื่อว่ามี 'โซลเมท' หรือ 'คู่แท้' ที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ตามหากันจนเจอ และไม่เชื่อว่า การที่เพศกำเนิดกำหนดหน้าที่ว่าเราจะต้องทำอะไรเหมือนคนอื่นที่เป็นแบบเดียวกับเรา อีกทางหนึ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่มีไว้ห้ามคนที่มีเพศกำเนิดแตกต่างไม่ให้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ พูดให้ชัดเจนกว่านั้น ผมไม่เชื่อว่าการเกิดมาเป็นอัลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้า คือ สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของผม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเอง
แมรี่เป็นหญิงสาวที่ผมหลงรักตั้งแต่ได้พูดคุยด้วยเป็นคำแรกเธอไม่ใช่คนสวยอะไรนัก แต่ผมชอบที่เธอฉลาด ทันคน เข้าอกเข้าใจ น่ารักกับทุกคน
เธอมีเพศรองเป็นเบต้า และเราจึงไม่ใช่คู่ที่ธรรมชาติกำหนดมาให้คู่กัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะแมรี่เป็นคู่ชีวิต คู่คิด และคนที่คอยสนับสนุนในสิ่งที่ผมเชื่อ และเป็นความมั่นคงหนึ่งเดียวที่ผมสามารถยึดถือได้ในช่วงเวลาที่ผมเผชิญกับช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ ช่วงเวลาที่ผมจำเป็นต้องเลือกระหว่างการงานที่สงบสุขและผมก็ชอบมันจริง ๆ และสัญชาตญาณที่เรียกร้องให้ผมต้องไปทำงานที่เหมาะสมกับความเป็นอัลฟ่าและร่างของผมอีกร่างหนึ่งมากกว่า
ผมเป็นเชปชิฟเตอร์ที่มีอีกร่างหนึ่งเป็นสุนัขขนาดใหญ่ แม้ว่าตามธรรมดาแล้ว ผม รวมถึงปู่และพ่อของผมด้วย จะเป็นพวกรักสงบและมีหน้าที่ในการปกป้องเป็นหลัก แต่ความสามารถในการตามกลิ่นและแกะรอย การเข้าจู่โจมแบบไม่ลังเล และกัดไม่ปล่อยก็เป็นคุณสมบัติที่ทางตำรวจแผนกสืบสวนอาชญากรรมต้องการมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ใจหนึ่ง ผมอยากใช้ชีวิตสงบสุขกับงานรับเรื่องราวร้องทุกข์และเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ทำอยู่ เพราะมันทำให้ผมมีเวลาเหลือให้กับครอบครัว และช่วยงานแมรี่ที่ร้านหนังสือของเธอได้ แต่อีกใจหนึ่ง ความตื่นเต้นและท้าทายจากการไล่ล่าเพื่อหยุดคนร้ายที่ทางตำรวจร้องขอให้ช่วยในวันหนึ่งก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของผม และมีเสียงเรียกร้องลึก ๆ จากภายในบอกผมว่า นี่คือ สิ่งที่เหมาะกับผมมากกว่า
ผมเก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัว คิดทบทวนคำชักชวนของผู้กำกับการสถานีตำรวจที่เฝ้ารบเร้าและยืนยันว่า อยากให้ผมมาร่วมงานด้วยอยู่หลายวัน แต่ไม่ทันที่ผมจะได้บอกออกไป แมรี่ก็เป็นคนเอ่ยถามขึ้นมาเอง และบอกผมให้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำมากกว่า เธอพร้อมจะสนับสนุนผมเสมอจนถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เธอบอกพร้อมรอยยิ้มว่า เธอไม่อยากเห็นผมทำตัวเหมือนสุนัขที่เดินวนไปมาอยู่หน้าประตูบ้านคล้ายอยากออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านเต็มแก่ แต่ไม่มีใครเปิดประตูให้อีกต่อไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่ไม่ใช่คู่ที่ธรรมชาติเลือกสรรคนนี้ ผมคงไม่มีโอกาสมาทำงานในหน่วยงานที่อัลฟ่าหลายคนใฝ่ฝันแต่ไม่มีที่ยืนมากพอสำหรับอัลฟ่าทุกคนที่อยากทำงานนี้ และผมอาจต้องจมอยู่กับกองเอกสารรับเรื่องราวร้องทุกข์ในเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเองไปตลอดชีวิต
แม้ว่าผมจะไม่ชอบเมืองหลวงนัก แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอแค่มีเธออยู่กับผม มีครอบครัวเล็ก ๆ ด้วยกันเท่านั้น ผมก็พอใจแล้ว แต่ทว่าความฝันที่ไร้ความทะเยอทะยานในชีวิตของผมก็พังทลาย เพราะเธอก็จากผมไปในปีที่ผมมีความเปลี่ยนแปลงด้านหน้าที่การงานมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
แมรี่เสียชีวิตจากภาวะครรภ์เป็นพิษ และลูกในท้องก็จากผมไปพร้อมกับแม่ของแกด้วย
ในนาทีที่แมรี่สิ้นลม ผมไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากอยู่กับเธอจนวาระสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากไปอย่างสงบ ก่อนที่ผมจะพาตัวเองออกไปจากที่ที่ผมอยู่มาทั้งชีวิตไปใช้ชีวิตในเมืองหลวงตามลำพัง
ตลอดสิบปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา มีความลับสำคัญเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมไม่เคยบอกแมรี่ แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าเธอรู้หรือไม่ นั่นคือ ผมรู้ว่าคู่ที่แท้จริงของผมมีตัวตน และเคยปรากฏตัวที่ร้านหนังสือของเธอ และเราต่างคลาดกันไปเพียงแค่หนึ่งวัน
‘กลิ่นประจำตัว’ คือ สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของชิฟเตอร์คนนั้น และยังเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึง‘คู่แท้’ ซึ่งจะรู้ได้ในทันทีเพียงแค่สัมผัสกับกลิ่นดังกล่าว ผมรู้เพียงว่าเจ้าของกลิ่น คือ โอเมก้าที่ถูกกำหนดมาให้เป็นคนของผม และใครคนนั้นก็จะรับรู้จากกลิ่นของผมเช่นเดียวกันว่า ผมเป็นอัลฟ่าของเธอหรือเขาคนนั้น แต่เราไม่เคยพบหน้าหรือรู้จักกันซึ่งนั่นก็ดีแล้ว
สิ่งที่คนคนนั้นทิ้งไว้คือ กลิ่นที่หลงเหลืออยู่เบาบางบนหนังสือเกี่ยวกับตำนานเก่าแก่บนชั้นหนังสือในร้าน
กลิ่นดังกล่าวเป็นกลิ่นอ่อนๆ ของดอกเฮเธอร์สีม่วงที่ผลิบานเหนือท้องทุ่งบนผืนดินหลังฝนตกในฤดูใบไม้ผลิเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเหมือนหญ้ามอสหรือสมุนไพรมากกว่าดอกไม้ ซับซ้อน บรรยายยาก ไม่อ่อนหวาน แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงเมื่อนึกถึง แต่ไม่ได้ทำให้ทุรนทุราย ไม่ถึงกับโหยหา ทว่าลืมไม่ลง
ผมเลียบเคียงถามแมรี่ว่า ใครสนใจหนังสือเกี่ยวกับตำนานและความเชื่อที่แทบไม่มีใครหยิบจับออกมาอ่านเล่มนี้ เธอตอบผมว่า 'เขา' เป็นนักศึกษาแพทย์ที่มาเที่ยวช่วงวันหยุดอีสเตอร์กับเพื่อน
เป็นเรื่องแปลกที่เธอดูจะให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ เธอบรรยายให้ผมฟังว่า ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นชวนมองอย่างประหลาด เรียกได้ว่าสวยงามมากกว่าหล่อเหลา ส่วนที่ดึงดูดที่สุดในความรู้สึกของเธอ คือ ดวงตาสีเขียวสว่างที่มีอารมณ์ซับซ้อนอยู่ภายในนั้น เธอสันนิษฐานว่า เขาอาจมีอีกร่างเป็นสัตว์ตระกูลแมว เพราะการเดินเหินของเขาเงียบเชียบ และแม้จะเป็นมิตร แต่ก็วางระยะห่างจากคนอื่น
เขาคนนั้นมาที่ร้านเมื่อวันก่อนใช้เวลาอยู่กับหนังสือพักใหญ่ พูดคุยกับเธออย่างดี ซึ่ง ณ เวลาที่ผมถามแมรี่ เขาก็เดินทางต่อไปยังอีกเมืองหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไม่มีโอกาสได้พบเขา
แมรี่เคยบอกผมระหว่างที่เราเดินทางในชนบทด้วยกันว่า ดอกเฮเธอร์เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี เป็นเครื่องรางสำหรับคู่แต่งงานที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ น้ำผึ้งที่ได้จากเกสรเฮเธอร์เป็นน้ำผึ้งที่มีลักษณะแปลกเฉพาะตัว เข้มข้นเหมือนเยลลี่มากกว่าเหลวข้นเหมือนน้ำผึ้งทั่วไป เมื่อคนแรง ๆ จะคลายตัวกลายเป็นน้ำผึ้งข้น ๆแต่เมื่อทิ้งไว้ก็จะคืนสภาพกลับเป็นเยลลี่เหมือนเดิม
ในความรู้สึกของผม คนคนนั้นเป็นคนพิเศษและมั่นคงเหมือนกับกลิ่นประจำกายที่ทิ้งไว้ให้ผมได้สัมผัสไม่ว่าโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
ผมชอบกลิ่นของเขา แต่ก็เท่านั้น เพราะผมไม่สามารถทิ้งคู่ชีวิตของผมไปหาคู่หมายที่ผมไม่เคยรู้จักได้
ผมเคยพยายามฝืนสิ่งที่ถูกลิขิตมาแต่ต้น และต้องยอมจำนนกับมันมาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างที่บอกไว้แค่ต้น ในคราวที่ผมเสียแมรี่ไป ผมก็เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้วอีกครั้ง แต่ไม่เคยมีคำตอบจากเบื้องบนสำหรับผมเลยแม้สักคำหนึ่ง
ชีวิตของผมในเวลานี้เหลือแต่งาน เพื่อนสนิทเก่าแก่ และความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดด้วยสัญชาตญาณมากกว่าความผูกพันทางใจ เพราะสัตว์ที่แฝงอยู่ในตัวของผมและเป็นสิ่งที่กำหนดเพศรองของเราในโลกนี้เรียกร้องเป็นครั้งคราว
ผมไม่เคยลืมกลิ่นประจำตัวของเขาคนนั้น แต่ผมไม่คิดว่า ผมจะได้พบเขาและผมก็ไม่พยายามที่จะตามหา เพราะในบางคราว ผมก็อดรู้สึกผิดกับแมรี่ไม่ได้และสงสัยว่า ผมเป็นต้นเหตุให้เธออ่อนแอลงบ้างหรือเปล่าผมยังคงสวมแหวนแต่งงานของเราจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีที่สิบของการจากไปของแมรี่และปีที่สิบของการใช้ชีวิตตามลำพัง ผมก็ได้คำตอบจากเบื้องบนเกี่ยวกับคนของผม...
ในที่สุด ผมก็ได้พบกับคู่แท้ของผม เจ้าของกลิ่นดอกเฮเธอร์ต้องฝนคนนั้น ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเอาเสียเลย
To be continued
====================================
เคยลงเอาไว้ใน twitlonger แต่ออกจะค้นยากไปหน่อย เลยเอามารวมกันไว้ตรงนี้ เพราะทำเป็นบท ๆ และอ่านง่ายกว่า สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีเลิฟซีนตาม trope omegaverse ทั่วไปสักเท่าไหร่นะคะ เพราะอยากเล่าเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นแฟนตาซีแบบ Dystopia ที่เพศรองอย่างการเป็นอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้าส่งผลต่อสถานะทางสังคมหรืออาชีพของคนในจักรวาลนี้มากกว่า
สำหรับใครที่เคยอ่าน Dark Tales of London ตามปกติ อย่าเพิ่งตกใจนะคะ เพราะสถานะเพื่อนธรรมดาๆ แบบ Victorian Bromance ของ ดร. ฟอล์กเนอร์กับสารวัตรเฟย์ จะเปลี่ยนไปแบบอีกแบบหนึ่ง ที่อาจจะมีอะไรที่มากกว่าเพื่อนมาเกี่ยวข้องด้วย ก็เลยอยากจะบอกไว้ก่อน
เรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากเรื่อง The Hand of Glory ที่เคยลงไว้ในพันทิป แต่มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นบริบทยุคปัจจุบันและเข้ากับโอเมก้าเวิร์ส ก็จะมีส่วนที่ต่างไปเยอะอยู่เหมือนกัน
สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องนี้ใน TL แล้ว ที่ลงไว้ในมินิมอร์ก็จะลงถึงตอนจบนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^
อ่านตอนแรกก็ชอบคุณแมวกลิ่นเฮเธอร์ต้องฝนซะแล้วค่ะ
ปกติสนใจ alternate universe อยู่แล้วนะคะ แต่ยังหาเรื่องที่ถูกใจไม่ได้เลยค่ะ
แต่เท่าที่อ่านตอนแรก สงสัยว่าจะตามเจอแล้วล่ะค่ะ ♡