ออกตัวก่อนว่าที่เล่นแฮชแท็กนี้เราไม่ได้ลักไก่แอบดูหัวข้อไว้ก่อนเลย
แต่หัวข้อวันนี้มันจะออกน่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย?
ถ้าหากว่าพูดถึงข้อเสียของเราก็คงต้องขอใช้หัวคิดสักระยะหนึ่ง
แหม
ไม่ได้จะพูดว่าตัวเองเลิศเลอเพอร์เฟ็คเหมือนเมื่อวานหรอกนะ
เพียงแต่ที่ผ่านมาเราต้องประคับประคองหัวใจของตัวเองมาอย่างยากลำบาก ด้วยการขุดข้อดีของตัวเองออกมาเรียงลำดับไว้และคิดถึงมันทุกครั้งที่รู้สึกตัวจนเริ่มจะเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาได้ แล้วก็โดนตบหัวซ้ำด้วยการต้องมานั่งเขียนเรื่องนี้เสียอีก
แต่ก็เอาเถอะ
ยังไงทุกคนก็มีนิสัยแย่ๆ อยู่แล้ว
เราก็เช่นกัน
อย่างแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือเราเป็นพวก Perfectionist อ่อนๆ
ถ้าหากว่าสิ่งใดๆ ยังไม่สมบูรณ์เพียบพร้อม สิ่งๆ นั้นก็จะไม่มีวันออกมาลืมตาดูโลกเป็นอันขาด หลายครั้งลักษณะนิสัยประเภทนี้ของเรานำไปสู่การกดดันตัวเองมากเกินไป จนกระทั่งแม้จะรู้สึกว่าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว เราก็ไม่ได้พึงพอใจในผลงานของตัวเองเลย
มาตรฐานของเราเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
รู้ตัวอีกที
แม้จะเงยหน้าและทอดสายตาออกไปในมุมที่ชันที่สุด
เราก็ไม่อาจมองเห็น 'มาตรฐานขั้นต่ำสุด' ของตัวเองได้อีก
เพราะเคร่งเครียดมากเกินไปจึงไม่สามารถสัมผัสถึงความสุขอันไร้เดียงสา
ณ ตอนนั้นเองที่การเขียนกลายเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเรา
มันเป็นลักษณะนิสัยประการหนึ่งที่เราไม่นึกอยากให้มันคงอยู่จึงพยายามแก้ไข ลด ละ มาโดยตลอดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ Human Error เป็นเรื่องปกติ แต่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรับได้กับการ Error ของตัวเองเลย
เพราะผิดพลาดจึงเป็นมนุษย์
ความคิดนี้เป็นสิ่งที่เราใช้ปลอบใจตัวเองเสมอมา ย้ำเตือนบ่อยเข้าก็เริ่มยอมรับได้ทีละน้อย ลักษณะนิสัยประการของนี้เราจึงค่อยๆ ลดลงกว่าเดิมมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เราก็ไม่สามารถควบคุมปัจจัยอันเป็นปัจเจกบนโลกใบนี้ได้ทั้งหมด เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ต้องการได้ ข้อนี้เราทราบดีมาตั้งแต่เมื่อก่อน แต่เมื่อระลึกคิดถึงความจริงข้อนี้ในปัจจุบัน หัวใจอันแสนเปราะบางของเราก็เจ็บปวดน้อยลงมากแล้ว
ไม่ได้ดิ้นเร่าๆ ด้วยความดื้อรั้นดึงดัน
อยากให้โลกทั้งใบมาอยู่ในฝ่ามือแบบเมื่อก่อนอีก
เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ใช่นิสัยแย่ที่สุดของเราหรอก
เพียงแต่เรียกว่าเป็นนิสัยแย่ๆ ของตัวเองที่เราเกลียดที่สุดจะดีกว่า
เพราะตัวเราเองยังมีนิสัยแย่ๆ ที่ตัวเองชอบอยู่บ้างเหมือนกัน
นิสัยแย่ๆ ประการหนึ่งที่เราสามารถพูดถึงได้อย่างภาคภูมิใจก็คือ
เราสามารถเล่นเกมโต้รุ่งโดยไม่นอนได้ติดต่อกันมากถึงสองวัน
ช่างเป็นลักษณะนิสัยที่บั่นทอนร่างกายและภาพลักษณ์ได้ดีเยี่ยมเสียเหลือเกิน
แต่เราไม่เคยเสียใจที่เลือกใช้เวลาไปกับการเล่นเกมมากถึงเพียงนั้น
การเจอเกมที่ใช่ก็เหมือนกับพบโลกใบใหม่
เมื่อได้เราเจอเกมที่ถูกอกถูกใจ เหตุใดจะไม่หลงระเริงให้มากสักหน่อย
เก็บเกี่ยวความสุขไว้เป็นพลังในการใช้ชีวิตต่อไป
เราพูดได้เต็มปากว่าเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้เล่นเกม
ทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่เกม PC เราก็ต้องเล่นเกมโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าเราจะชื่นชอบการใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าโทรศัพท์มือถือ แต่ถึงอย่างไรถ้า ณ เวลานี้ไม่มีเกม PC ที่ถูกใจก็ต้องหาอะไรมาแก้ขัด เพราะเราขาดเกมไม่ได้จริงๆ
เราอาจจะดู addicted อย่างบ้าคลั่ง
แต่ในตอนนี้เราก็ไม่ได้คลั่งไคล้มันถึงขั้นทำร้ายสุขภาพร่างกายตัวเองแบบเมื่อก่อนแล้วล่ะ
ด้วยอายุที่มากขึ้น เราก็ใส่ใจสุขภาพตามไปด้วย ถึงจะเป็นการตื่นมากดเกมเพื่อรอเวลาคูลดาวน์ของกิจกรรมต่างๆ ในเกม ให้เราสามารถเล่นหมวดต่างๆ ในเกมได้ครบครันมากยิ่งขึ้น ให้ตัวละครของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นก็เถอะ
แต่เพราะเล่นเกมนี่แหละ เราถึงเข้านอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้ามืด
ณ ตอนนี้สุขภาพกายใจดีกว่าเข้านอนยามดึกดื่นเที่ยงคืนมากนัก
เพราะแบบนี้เราถึงภาคภูมิใจ
ที่เราสามารถเล่นเกมอย่างมีประสิทธิภาพ
และใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กันได้
แบบนี้จะถือว่าเป็นข้อเสียอยู่หรือเปล่านะ?
ยังไงติดเกมหนักขนาดนั้นตามบรรทัดฐานของคนทั่วไปก็คงมองว่าเป็นข้อเสีย
แต่จะย้ำอีกครั้งว่านั่นแหละ ข้อเสียที่เราภาคภูมิใจ
พอได้เขียนเรื่องที่ชอบถ้อยคำที่ปรากฎออกมาไม่หยุดราวกับเล่นกล
บทความนี้ยาวเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ค่อนข้างน้อยเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้เรากำลังยิ้มและหัวเราะตัวเองด้วย
เหมือนว่าจะกำลังมีความสุขอยู่
เขียนถึงข้อเสียแท้ๆ
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ขอบคุณที่กลับมาเขียน
ด้วยรัก ,
ตัวฉันเอง
190923
22:07 - 22:43
#WritingPrompt
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in