ข่าวลือสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วยุทธภพ ว่าทายาทของตระกูลเวินแห่งฉีซานคนสุดท้ายยังมีชีวิตรอด ซ้ำยังเป็นศิษย์ของกูซูหลาน โดยผู้ที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และถ่ายทอดวิชาให้คือ หานกวงจวิน หลานวั่งจี
นามนั้นคือ เวินเยวี่ยน หรือที่รู้จักกันในนาม หลานซือจุย
หลังจากนั้นไม่ถึงปีก็มีข่าวความเคลื่อนไหวของสกุลเวินที่เหลือรอด พวกเขาใช้เวลายี่สิบปีหลอกให้ทั่วหล้าหลงเชื่อว่าสกุลเวินสิ้นลูกหลานแล้วนับจากการสังหารหมู่ที่ล่วนจั้งกั๋ง รวบรวมสมัครพรรคพวกและลูกศิษย์ บุกถึงสำนักกูซูหลาน เพื่อเชิญให้เวินเยวี่ยนขึ้นเป็นประมุขสกุลเวินอย่างชอบธรรม
หลานฉี่เหรินเห็นซือจุยมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่เคยเชื่อว่าเด็กคนนี้จะหลงลมเข้าร่วมกับคนผิด เชื่ออย่างสนิทใจว่าเด็กคนนี้เป็นผู้มีคุณธรรมมากพอที่จะไม่ทรยศผู้ที่สั่งสอนและให้ข้าวให้น้ำมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างแน่นอน
แต่ผิดคาด ซือจุยกลับยอมดึงผ้าคาดศีรษะสกุลหลานออก เข้ากับสกุลเวินร่วมมือเพื่อกอบกู้ตระกูลเวินให้กลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรดังเดิม
หลานฉี่เหรินแค้นใจไม่น้อย แม้อีกฝ่ายใช้แซ่หลาน แต่ในเมื่อเลือดก้อนเดียวบูดเน่าเช่นนี้เขาย่อมตัดทิ้งได้ จึงตัดสินใจเชิญประมุขสามสกุลที่เหลือเพื่อหารือแก้ปัญหา ทว่าทั้งสกุลเห็นว่าสกุลเวินมีน้อยจนแทบจะไม่ให้ค่า จึงเห็นสมควรว่าใช้กำลังไม่ต้องมากก็บดขยี้ได้สบายๆ
พวกเขาประมาทเวินเยวี่ยนมากเกินไป เด็กหนุ่มคนนี้เติบโตใต้ร่มเงาสกุลหลาน ย่อมรู้จักวิชา กำลังพล และกลยุทธ์ของกูซูเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเคยได้ร่ำเรียนวิชาของอวิ๋นเมิ่ง สนิทสนมกับคนของสกุลจินแห่งหลานหลิง...ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า ภายใต้หน้ากากที่นุ่มนวลอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อยนั้นล่อลวงผู้คนไปมากน้อยเพียงใด แต่ที่รู้ๆก็คือ เวินเยวี่ยนใช้ความรู้เหล่านั้นเอาชนะคนสามสกุลนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น การต่อสู้ระยะไกลใช้เพลงฉินของสกุลหลาน การต่อสู้ระยะประชิดใช้เพลงกระบี่สกุลหลาน เวิน และสกุลเจียง อีกทั้งความลับในการจัดกระบวนทัพ ค่ายกล ของทั้งสามสกุลถูกถ่ายทอดจากปากของเขาทำให้สกุลเวินรับมือได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
เมื่อเอาชนะได้ครั้งหนึ่ง สามสกุลจึงไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป ความโอหังเหิมเกริมของอีกฝ่ายทำให้เหล่าระมุขต้องออกโรงด้วยตนเอง การต่อสู้ดำเนินไปเพียงสองวัน กองกำลังของสกุลเวินจึงเริ่มอ่อนแรง สามสกุลกำลังจะเป็นฝ่ายได้ชัย
ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหล่าซยงสือจำนวนมากถูกปลุกด้วยขลุ่ยเฉินฉิงของปรมาจารย์อี๋หลิงหรือเว่ยอู๋เซี่ยน และขุนพลผี เวินหนิง ทั่วทุกผู้ตกตะลึงด้วยรู้ถึงพิษสงของกองทัพผีดิบเป็นอย่างดีนับตั้งแต่ยุทธการยิงดวงตะวัน แต่ว่ากองทัพผีดิบเพียงแค่ล้อมทัพของสามสกุลเอาไว้ไม่ให้หนีออกไปเท่านั้น ไม่ได้ทำอันตรายแต่อย่างใด
แต่กระนั้นยังไม่ร้ายเท่ากับการแปรพักตร์ของสกุลจินแห่งหลานหลิงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ภายใต้การนำของจินกวงเหยาประมุขคนปัจจุบัน แม้กระทั่งสกุลเนี่ยแห่งชิงเหอที่วางตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับศึกครั้งนี้ยังเข้าร่วมกับสกุลเวินด้วย สกุลเจียงและสกุลหลานกลับเป็นฝ่ายถูกสามสกุลล้อมจับ ย่อยยับอัปราชัยโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
...........
หลังศึกสงบลง จินกวงเหยาได้รับ 'คำไหว้วาน' จากเวินเยวี่ยนให้มาหาหลานฉี่เหรินที่กูซูหลานเพื่อทำการเจรจาต่อรอง
นั่นคือการส่ง หลานวั่งจี ไปที่ฉีซาน...
แน่นอนว่าหลานฉี่เหรินโกรธจนแทบกระอักลืมสำรวมกิริยา "ประมุขจิน! นี่มันมากเกินไปแล้ว วั่งจีเป็นคนสกุลหลาน ผู้แซ่เวินนั่นกล้าพาตัวเขาไปหรือ!"
จินกวงเหยาเพียงคลี่พัดจีบพัดโบกเชื่องช้า "ประมุขหลานอย่าเพิ่งมีโทสะ ประมุขเวินไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ได้ข่าวว่าหานกวงจวินล้มป่วย เกรงว่ายาที่กูซูหลานคงมิอาจรักษาให้หายขาด ประมุขเวินเห็นแก่ความสัมพันธ์ก่อนเก่า จึงคิดเชิญหานกวงจวินไปรักษาที่ฉีซานเพื่อเป็นการตอบแทน"
"อาเหยา เด็กสามขวบยังรู้ว่านี่เป็นกับดัก คิดพาคนไปเป็นตัวประกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทราบว่าประมุขเวินท่านนั้นให้ค่าตอบแทนเจ้าเป็นสิ่งใด จึงได้ยอมลดตัวช่วยเหลือเจรจาให้พาน้องชายข้าไปเช่นนี้" หลานซีเฉินที่ยอมออกจากการปลีกวิเวกเอ่ยเรียบๆ
จินกวงเหยาเพียงยิ้มบางๆ "เอ้อร์เกอ ท่านทราบใช่ไหมว่าอาการป่วยของหลานวั่งจีเป็นเช่นไร?"
"วั่งจี...เขามีอักขระขึ้นที่มือลามไปถึงต้นแขน อักขระเหล่านั้นทำให้วั่งจีเจ็บปวดจนหมดสติ ตอนนี้ยังไม่ฟื้น" เขาเอ่ย
"อักขระ...หน้าตาเช่นนี้ใช่หรือไม่?" จินกวงเหยาเอ่ยขณะที่เลิกแขนเสื้อขึ้น หลานซีเฉินเบิกตาน้อยๆเมื่ออักขระเหล่านั้นเหมือนกับที่อยู่บนร่างน้องชายเขาไม่ผิดเพี้ยน
"อาเหยา นี่เจ้า!"
"นี่เป็นอักขระคำสาปที่เว่ยอู๋เซี่ยนทำขึ้นมาให้เวินเยวี่ยนควบคุมข้า นอกจากข้า หานกวงจวินแล้ว ประมุขเนี่ยก็มี..."
"ถ้าไม่นำหานกวงจวินไปฉีซาน เขาจะตาย"
"..."
"ประมุขหลาน เห็นแก่ชีวิตหลานของท่าน พาเขาไปฉีซานเถอะ"
หลานฉี่เหรินรวมไปถึงผู้อาวุโสสกุลหลานทั้งหมดสูดลมหายใจหนาวเหน็บ นึกไม่ถึงว่าประมุขเวินคนปัจจุบันแม้พลังอำนาจอาจไม่เท่ากับเวินรั่วหานผู้นำรุ่นก่อน แต่สติปัญญาและความเจ้าเล่ห์เพทุบายนั้นไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด ยิ่งมาร่วมมือกับเว่ยอู๋เซี่ยนแล้ว ความร้ายกาจยิ่งเท่าทบทวี
สุดท้ายสกุลหลานแห่งกูซูจึงจำใจยอมส่ง หลานวั่งจี ไปเป็นตัวประกันที่ฉีซานอย่างไม่มีทางเลือก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in