เพราะคนทุกคนล้วนพบเจอกับความเหงา .....
หลังจากหักโหมงานอย่างหนัก ก้เริ่มรู้สึกว่าควร หาหนังสืออ่านผ่อนคลายบ้าง เลยเข้า เว็บ Readery.co แล้วกดซื้อไปหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือเล่มนี้ The BALLAD OF THE SAD CAFE (บทเพลงโศกแห่งคาเฟ่แสนเศร้า) ของ CARSON MCCULLERS หลังจากอ่านไปได้แค่สองหน้า ก็รู้สึกถึงบรรยากาศของความเหงาทันที และความงียบเชียบ
ในฉากแรกที่ผู้เขียนเล่าถึงการดำเนินชีวิตของตัวละครในค่าเฟ่ที่ค่อนข้างละเอียดละออ มาก
เกือบจะหยุดอ่านไป เพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ได้หวือหวา แต่นี่ก็พยายามอ่านและทำความเข้าใจจนจบ
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของ มิสอมิเลีย เธอเป็นหญิงที่มีรูปร่างแปลกแตกต่างจากหญิงทั่วไป รวมถึงนิสัยของเธอด้วย ในยุคที่ทุกคน ปรับเปลี่ยนจากการทำไร่นา เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ทำทุกอย่างตามๆกัน เพื่อแลกกับเงินเพื่อมาใช้จ่าย เพราะไม่มีอะไรที่จะได้มาโดยไม่ต้องใช้เงิน ซึ่งในจิตใจลึกของพวกเขารู้สึกไร้ค่า ไม่รู้ว่าที่ทำงานอยู่นั้นทำเพื่อใคร หรือเพื่ออะไร นั้นเป็นความเหงาในรูปแบบหนึ่ง ในขณะที่มิสอมิเลียเธอร่ำรวยด้วยมรดก ยังคงทำไร่ เลี้ยงหมู เพื่อเป็นอาหารของตน และนำไปขายในราคาย่อมเยา ชำนาญงานไม้ และยังเก่งเรื่องเอกสาร ศึกษาแนวทางการรักษาโรคและทดลองใช่กับตัวเองก่อนนำไปช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านฟรี หยิบจับอะไรก็งอกงามไปหมด (เก่งไปหมดทุกอย่าง) และรู้สึกมีคุณค่าในตนเองเพราะสามารถดูแลตัวเองได้และยังช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีความรู้สึกเหงาและแตกต่างด้วยเพศสภาพของเธอ เธอยอมรับการแต่งงานกับมาร์วิน เมซี่ ที่หลงรักเธออย่างหัวปักหัวปำ เธอไม่ได้รักตอบและในคืนแต่งงานเธอก้ทำร้ายจิตใจเขา เขายกมรดกทุกอย่างให้เธอหวังว่าจะได้รับความรักตอบแทน แต่เธอก็ไม่ได้ให้มัน สุดท้ายเข้าจากไปพร้อมความแค้น นั้นเห็นได้ชัดว่า เธอพยายามที่จะปรับตัวให้ตรงกับเพศสภาพด้วยการแต่งงานแต่มันก็ล้มเหลว
พูดง่ายๆคือ มิสอมิเลียน่าจะเป็นทอมรึเปล่า อันนี้ความเห็นส่วนตัว แต่เราไม่เข้าใจว่า แล้วทำไมเมื่อเธอเจอกับ ชายหลังค่อมที่อ้างว่าเป็นญาติฝั่งแม่ เธอกับตกหลุมรักเขา แม้ผู้เขียนจะไม่ได้อธิบายตรงๆและการบรรยายถึงการกระทำต่างและสายตา ที่แสดงออกเกินความรักระหว่างญาติพี่น้อง มันบอกไปทางนั้น อาจเพราะชายค่อมนั้นมีความไม่สมบูรณ์ทางร่างกายที่แตกต่างจากคนทั่วไปเช่นเดียวกับเธอนั้นคงเป็นเหตุผลเดียวที่เติมเต็มความรู้สึกแตกแยกของเธอจากผู้คนได้
มีย่อหน้าหนึ่งที่ผู้เขียนพูดถึงความรัก ได้อย่างชัดเจนว่า
"ความรัก เป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างคนสองคน แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า เป็นประสบการณ์ร่วม มิได้หมายความว่าของคนที่เกี่ยวข้องในความรักนั้นจะมีประสบการณ์เดียวกัน มีผู้รัก และผู้ถูกรัก แต่สองคนนี้มาจากดินแดนต่างกัน บ่อยครั้งที่ผู้ถูกรักเป็นเพียงสิ่งกระตุ้นความรักทั้งมวลที่ถูกกักเก็บไว้ซึ้งฝังตัวเงียบเชียบภายในผู้รักมาเนิ่นนาน และผู้รักทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เขารู้สึกลึกลงไปในดวงจิตว่าความรักของเขาเป็นสิ่งโดดเดี่ยว"
และเมื่อ มาร์วิน เมซี่ ชายผู้เต็มไปด้วยความแค้นกลับมา ข้อความข้างบนก้ยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น และสุดท้าย มิสอมีเลียก้ได้พบเจอกับความเหงาที่เจ็บปวดในอีกรูปแบบหนึง
หลังจากอ่านจบก็รู้สึกถึงความเหงา ความโดดเดียว ความอึนตลอดทั้งเรื่อง
มันคงเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องพบเจอ แต่แค่ว่าเราจะสามารถเข้าใจและอยู่กับความเหงาเหล่านั้นได้อย่างไร
ถือเป็นหนังสือเล่มบางที่ดีอีกเล่มนึง ที่ไม่รู้ว่าควรต้องอ่านไม๊
แต่มันก็ดีแหละที่ได้รู้จักกับความเหงาให้ลึกซึ้ง
ลองไปหาอ่านกันดูได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in