เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 7 : มุ่งสู่นิวโคลโอ
  • ……….

     

    ตอนที่ 7 : มุ่งสู่นิวโคลโอ

     

    ร้านอาหารอยู่ถัดไปจากโรงแรมไม่ไกล เดินนิดเดียวก็ถึงแล้วภายในร้านตกแต่งด้วยไม้เกือบหมด มีบาร์ขนาดกลาง ข้างหลังเป็นชั้นวางเต็มไปด้วยขวดเหล้ามากมายหลายยี่ห้อมีโต๊ะไม้กลมกับเก้าอี้วางอยู่ทั่วร้าน ภายในร้านค่อนข้างกว้างจุได้มากกว่าสิบโต๊ะมีเวทีแสดงดนตรีให้ลูกค้าได้ชมแม้ตอนนี้จะไม่มีเครื่องดนตรีอะไรสักชิ้นอยู่บนเวทีก็ตามมีฟลอร์เต้นรำหน้าเวทีสำหรับคู่รักหรือคนที่อยากเต้นซึ่งก็ไม่มีใครคิดจะเต้นอีกเช่นกัน

     

                ผมพาแคลมานั่งโต๊ะติดขอบหน้าต่างหน้าร้านจะได้สะดวกในการเห็นอะไรข้างนอกด้วยทันทีที่พวกเรานั่งก็มีเด็กหนุ่มบริกรคนหนึ่งอายุไม่น่าจะเกินสิบห้าเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ

     

    “เมนูครับ”  เด็กหนุ่มว่าพร้อมยื่นรายการอาหาร ผมรับพร้อมเอ่ยขอบคุณ

    “อยากกินอะไรล่ะแคล  ที่นี่มีเนื้อสัตว์ด้วยนาเธออยากกินมั้ย” ผมถาม เธอเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะกินอะไรดี

    “ฉันเอาสเต็กละกัน มีมั้ย?” เธอถาม

    “มีสิ” ผมตอบเธอก่อนหันไปบอกเด็กหนุ่มบริกรว่า “งั้นเอาสเต็กมาสองที่ละกันครับ” ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินหายไปหลังครัว

     

                ในร้านมีลูกค้าอยู่ห้าหกโต๊ะไม่รวมพวกเราล แถวๆ ฟลอร์เต้นรำมีกลุ่มหนึ่งมีสมาชิกสักห้าหกคนได้กำลังกินไปคุยไปอย่างออกรส  อีกโต๊ะหนึ่งน่าจะเป็นครอบครัวเพราะมีเด็กเล็กมาด้วยส่วนใหญ่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตั้งใจจะไปนิวเคลโอกันอยู่แล้ว

     

    “เจค นี่ฉันให้”  เธอถกชายเสื้อฮู้ดสีดำขึ้น เผยให้เห็นสายรัดข้อมือเส้นเล็กสีเทาสองเส้นซ้อนกันอยู่บนข้อมือของเธอตรงกลางสลักรูปหัวใจเล็กๆเป็นรอยบุ๋มเข้าไปข้างในสร้อย เธอแกะมันออกเส้นนึงแล้วยื่นให้ผม

    “สร้อยข้อมือ?” ผมพูด ยื่นแขนไปจับมือข้างที่เธอกำลังจะยื่นให้ผม

    “ใช่ เป็นที่ระลึกของเราสองคนไง” เธอพูดขณะผูกสายรัดที่ข้อมือผม

    “พูดเหมือนจะจากกันไปไหนยังงั้นแหละ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่ว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปกับเธอได้

    “เปล่านี่ ฉันก็แค่อยากให้เท่านั้นแหละ ยังไงนายก็จะอยู่กับฉันไม่ใช่หรอ?”เธอถามเสียงสดใส

    “แน่อยู่แล้ว” ผมอึกอักนิดหน่อยก่อนตอบเธอ ไม่นานเจ้าเด็กหนุ่มนั่นก็ถือถาดอาหารที่มีจานสเต็กส่งกลิ่นหอมฉุยอย่างที่ไม่ได้กลิ่นมานานมาเสิร์ฟแก่พวกเราสองคน

    “มา เดี๋ยวผมป้อนให้ดีกว่าเธอคงกินลำบากน่ะ” ผมเลื่อนจานเธอมาเพื่อจะหั่นชิ้นเนื้อให้พอดีคำจะได้ป้อนสะดวก

    “ขอบคุณนะ ไม่มีเธอฉันคงแย่ เจค” เธอพูด

    “ไม่มีเธอผมก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน” ผมตอบ

    “เอ้า อ้าปากสิ” ผมบอกเธอก่อนป้อนสเต็กเข้าปากเธอช้าๆระวังไม่ให้เปื้อน “อร่อยมั้ย?”

    “สุดๆ เลยล่ะ ดีกว่าอาหารกระป๋องเยอะ” เธอตอบขณะเคี้ยวตุ้ย

    “งั้นก็กินเยอะๆ” ผมป้อนเธออีกคำพลางหันมากินของตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว

    “ฉันว่าเอาฮู้ดลงดีกว่านะ มันค่อนข้างเกะกะน่ะ”   เอื้อมมือไปหมายจะดึงฮู้ดที่คลุมหน้าเธออยู่ออกเธอทำท่าจะขัดขืนแต่ก็ยอมให้ผมถอด

     

                ทันทีที่ผมถอดฮู้ดรู้สึกว่าบรรยากาศโต๊ะรอบข้างเปลี่ยนไปสายตาผู้คนหันมายังโต๊ะพวกเรา ตอนแรกผมก็คิดว่าพวกนั้นคงมองที่ผมป้อนสเต็กเธอแน่ๆแต่มันกลับไม่ใช่ ดูเหมือนพวกนั้นจะจ้องแคลราวกับว่ามองเธอเป็นตัวประหลาดเพียงเพราะเธอไม่สามารถมองเห็นได้แค่นั้นผมรู้สึกอยากจะฆ่าเจ้าคนพวกนี้ซะจริงๆ ไอ้พวกที่ชอบมองคนอื่นเพียงแค่เปลือกนอก

    “เจค ฉันว่า...”  เหมือนเธอจะได้ยินคนซุบซิบเธอ ก็แน่ล่ะถึงแม้จะกระซิบกระซาบยังไงแต่เล่นคุยกันทีหลายๆ โต๊ะมันก็ต้องดังเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

    “อย่าไปสนใจเจ้าพวกนั้นเลย สนใจผมแค่คนเดียวก็พอแล้ว”  ผมว่า

    “ขอบใจนะ”

    “คิดมากน่า  เอ้า  กินอีกหน่อย เดี๋ยวจะไม่มีแรง” ผมป้อนเธออีกคำ

    “พวกคุณเดินทางกันสองคนหรอครับ?”  เจ้าหนุ่มผมทองสวมเสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบดูท่าทางสะอาดสะอ้านผมเห็นไอ้หมอนี่มันลุกออกมาจากโต๊ะแถวๆ บาร์ ไม่คิดว่ามันจะเดินมาหาพวกเราที่โต๊ะ

    “ใช่ มีอะไร” ผมถามกลับหมอนั่นนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามพวกเราสองคน

    “ผมชื่อไบรอัน” หนุ่มหัวทองอายุไร่เรี่ยกับผมแนะนำตัว

    “เจค  นี่แคล” ผมแนะนำตัวเราสองคน

    “หวัดดี” แคลทักทาย

    “หวัดดี ตาเธอ...”   ผมว่าแล้วว่ามันต้องถาม

    “บอดน่ะ” เธอตอบเสียงดูเศร้า  ผมแน่ใจว่าชายหลายคนต้องอยากเป็นแฟนกับเธอแน่ๆ เพราะเธอจัดว่าเป็นคนสวยเลยทีเดียวแต่คงไม่มีหนุ่มคนไหนอยากได้แฟนตาบอดหรอก

    “โอเค นั่นไม่ใช่ปัญหา ที่นิวเคลโอรักษาเธอได้” ไบรอันตอบอย่างมั่นใจ

    “ว่าแต่พวกเธอสองคนสนใจเข้าร่วมทีมกับพวกเรามั้ย หลายคนปลอดภัยกว่านะพวกเรานิสัยดีกันทุกคน นั่นราฟ” ไบรอันเริ่มแนะนำเพื่อนๆ ของตนโดยชี้ไปที่เจ้าคนที่ชื่อราฟ ซึ่งนั่งหันหลังให้อยู่  “ราฟเป็นคนใจดี ถึงจะค่อนข้างเงอะงะไปหน่อยก็เถอะ”  แน่ล่ะ ผมคิด ราฟ เหมือนกับพวกหนอนหนังสือที่วันๆขรุ่กอยู่กับห้องสมุดชุมชนไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกนัก

    “อีกคนก็ อลิซ” ถัดจากราฟไปเธอไว้ผมซอยสั้นสีน้ำตาลแดง เสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงสามส่วน กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่

    “คนสุดท้าย นอร่า เธอเป็นเซียนจัดการซอมบี้เลยล่ะ” ผมมองไปตามที่เจ้าไบรอันชี้นอร่าหันมาสบตาผมเข้าพอดี นั่นทำให้ผมหายสงสัยในคำพูดของไบรอันเลยว่าทำไมเธอถึงจัดการซอมบี้เก่งนักเพราะเธอมันก็ไม่ต่างอะไรจากผมเท่าไรหรอกและดูเหมือนว่าเธอก็รู้ด้วยว่าผมเหมือนเธอว่าแต่ผมสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเธอถึงมากับคนพวกนี้ เธอรู้รึเปล่าว่าเธอเข้านิวเคลโอไม่ได้ด้วยซ้ำ

    “สนมั้ยแคล” ผมหันไปถามเธอ เธอนิ่งคิด

    “ก็ได้นี่ ไปด้วยกันมันสนุ...”  

     

    ปึง ! เสียงประตูร้านกระแทกดึงปึงก่อนที่ชายคนหนึ่งจะวิ่งพรวดเข้ามาเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด

     

    “พวกมันมาแล้ว พวกเคลโอมาแล้ว !”   เขาพูดจบก็ล้มตึงลงไปกับพื้นปรากฏร่างซอมบี้เดินเข้ามาทันทีพวกมันพรวดเข้ามาทีเกือบสิบตัวได้ เกิดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจกลัวไปทั่วทั้งร้านอาหารผู้คนพากันชุลมุนหนีตายกันจ้าละหวั่น คนที่มีอาวุธก็ยืนหยัดต่อสู้

    “ต้องไปกันแล้วล่ะ” ผมบอกแคลก่อนจับมือเธอแน่น เจ้าไบรอันกลับไปรวมกลุ่มเดิมตรงมุมบาร์รวมกลุ่มกับพวกยิงปืนช่วยกันจัดการพวกซอมบี้  ผมไม่คิดพาเธอออกหน้าร้านแน่ผมเห็นเงาไอ้พวกชุดสูทสองสามคนหรืออาจจะมากกว่านั้นอยู่นอกร้าน ผมหันไปสะบั้นซอมบี้ด้วยมีดด้ามยาวที่เดินต้วมเตี้ยมมาทางผม

    “เราโดนซอมบี้บุกใช่มั้ยเจค” แคลถามเสียงสั่นกลัว

    “ใช่ แต่ไม่ต้องห่วง พวกมันทำไรเธอไม่ได้หรอกถ้าผมยังอยู่” ผมสัญญากับเธอ พาเธอเดินไปหลังครัว ห้องครัวเต็มไปด้วยพ่อครัวจำเป็นสามสี่คนที่ตัวสั่นงั่นงกทำไรไม่ถูกผมไม่สนใจ ใช้มืออีกข้างผลักบานประตูหลังร้านออกไป

     

                ข้างหลังเป็นพื้นที่เล็กๆไม่กว้างนัก มีรั้วไม้เก่าๆ กั้นไว้ไม่ให้ตกลงไปยังซากเมืองข้างล่าง โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือพวกเรามันมีแผ่นไม้ยาวตั้งกั้นไว้เป็นแนวรั้ว

     

    “อยู่นี่แปปนึงนะ” ผมออกแรงถีบแผ่นไม้กั้นจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับเขตรั้วโรงแรมซึ่งเป็นกำแพงอิฐ 

    “เร็วเข้า” ผมค่อยๆ พาเธอผ่านช่องว่างเล็กๆ ที่ผมเพิ่งสร้างเรามายืนอยู่ในตรอกระหว่างโรงแรมกับร้านอาหารผมพาเธอย่ำพื้นดินเฉอะแฉะไปด้วยน้ำขังกับหญ้าที่ขึ้นรกเสมอเข่า เธอส่งเสียงขยะแขยงหลายครั้งเมื่อย่ำไปบนอะไรแหยะๆที่ผมก็มองไม่เห็นเหมือนกันเพราะมันอยู่ใต้หญ้า

    “หยุดก่อน” ผมกระซิบบอกเธอเราทั้งคู่แนบตัวติดกับรั้วของร้านอาหารผมเห็นผู้คนวิ่งหนีตายกันอลหม่านบางกลุ่มก็ปักหลักสู้พวกมันกลางถนน ตอนนี้เมืองหน้าด่านแห่งนี้ไม่ต่างจากสงครามกลางเมืองยุคเก่าเลยซักนิด 

    “จำนวนเราไม่น่าจะยื้อมันได้นาน” ผมพูด ผมคิดว่าต้องพาแคลไปหลบในห้องอีกแล้ว

    “พาฉันไปหลบในห้องก่อน แล้วเธอค่อยลงมาช่วยพวกเขาสิ” แคลเสนอ

    “เอางั้นจริงดิ” ผมถามย้ำมืออีกข้างกำมีดยาวแน่นพร้อมสะบั้นหัวซอมบี้ทุกตัวที่วิ่งเข้ามา

    “อื้อ ไม่งั้นพวกมันต้องตามเราไปนิวเคลโอแน่ๆ” เธอบอกซึ่งนั่นก็อาจจะจริง

    “งั้นต้องลุยกันสักหน่อยแล้วล่ะ พร้อมนะ”  ผมก้าวออกมา ผมเปลี่ยนจากจับมือเป็นโอบไหล่แทน

     

                เสียงปืนดังสนั่นไปทั้งเมืองทั้งจากในร้าน จากบนถนนที่กำลังวุ่นวาย อุตหลุดกันไปหมด เราสองคนเดินออกมาจากตรอกผมถีบซอมบี้ตัวหนึ่งล้มลงไปนอนกับพื้นฟุตบาต ก่อนฟันเข้ากลางตัวซอมบี้เน่าเฟะอีกตัวไปชนกับรถที่ผมขับมา

     

    “ว้าย !” แคลสะดุดรากไม้ที่ผุดขึ้นมาจากทางเท้าลงไปนอนอยู่กับพื้นผมก้มลงจะฉุดเธอขึ้น อยู่ๆ รถที่ผมขับมามันก็กระแทกชนหลังขณะผมกำลังก้มดึงเธอขึ้นมาจนผมเกือบล้มทับแคล ผมกระโดดข้ามตัวเธอได้ทันแต่ก็เสียหลักล้มลงบนพื้นหญ้าหน้าทางเข้าโรงแรม

    “เจค นายอยู่ไหน” เธอถาม ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวผมกำลังจะลุก สายตาดันไปหยุดอยู่ที่ชายชุดสูทที่อยู่เบื้องหน้าเธอบนทางเท้า กำลังเงื้อมีดซามูไรหมายจะฟันเธอตรงหน้าให้ตาย

    “แคล !” ผมพุ่งไปหาเธอสุดความเร็วที่ผมมี กอดเธอไว้แน่น  ปลายดาบแถเข้าโดนเสื้อผมขาดเป็นรอยยาว ผมกอดเธอไว้แน่นติดตัวรถเธอตัวสั่นด้วยความกลัวมากกว่าเดิมซะอีก

    “เจค ฉันกลัว” เธอสะอื้น

    “รักกันกลมเกลียวดีนี่ เธอรู้รึยังเนี่ยว่านายน่ะเป็...” มันพูดยังไม่ทันจะจบ ร่างเจ้าชุดสูทถูกกระแทกเข้าอย่างแรงด้วยฝาท่อระบายน้ำลอยกระเด็นเข้าไปในตัวโรงแรม

    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”  ผมจำเธอได้ เธอชื่อ นอร่าเธอเป็นพวกกลายพันธุ์เหมือนผม 

    “ขอบใจ” ผมกล่าวขอบคุณ ประคองแคลขึ้นยืนฝูงซอมบี้แลดูน้อยลง และคนรอดชีวิตก็ดูน้อยลงเช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้เธอทุกคนคงตายกันไปหมดแล้วล่ะผมเห็นศพชายชุดสูทสองคนนอนจมกองเลือดอยู่บนถนนถัดไปจากผมไม่ไกล

    “พวกเธอสองคนไม่เป็นไรนะ” เสียงไบรอันวิ่งหอบแฮ่กเข้ามา 

    “ฉันว่าพวกเราต้องรีบลงไปข้างล่างแล้วล่ะ ไม่งั้นพวกมันอาจจะมาอีกก็ได้”อลิซที่อยู่ข้างหลังสมทบความคิดเห็น

    “พวกเธอสองคนล่ะจะไปกับเรามั้ย?” ไบรอันถามยังไม่หายหอบเจ้าหนอนหนังสือยืนนิ่งตัวสั่นเบาไม่ต่างจากแคลเท่าไรเลยหมอนั่นยืนอยู่หลังอลิซมองไปทั่วเหมือนกับคนที่เป็นโรคขี้ระแวงยังไงยังงั้น

    “ก็คงต้องเป็นยังงั้นแล้วล่ะ” ผมตอบไบรอัน

    “งั้นก็ไปกันเลย ทางลงมันอยู่หลังร้านอาหาร”  อลิซว่าเสร็จก็หันกลับสะกิดเจ้าคนที่ชื่อราฟทั้งคู่แบกเป้คนละใบเดินไปทางร้านอาหาร

    “แล้วเป้เราล่ะเจค” แคลถามขณะผมจับมือพาเธอเดินตามสามคนนั้นไปผู้หญิงที่ชื่อนอร่าเธอเดินตามรั้งท้ายสุดของกลุ่ม

    “ไม่จำเป็นหรอก เดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้าก็ได้” ผมบอกแคลขณะพาเธอเดินอ้อมศพลุงแก่ๆที่ขวางทางเข้าร้าน ดูเหมือนจะเป็นคนที่นินทาแคลในกลุ่มพวกคนเหล่านั้นผมแอบสะใจเบาๆ

    “แต่มันมีอาวุธด้วยนะ เธอจำเป็นต้องใช้ไม่ใช่รึไง”

    “ผมนี่แหละอาวุธ”  

    “นั่นสินะ เจคเก่งอยู่แล้ว”  เธอยังหัวเราะออกมาได้ก็ถือว่าดีมากแล้วเธอคงทำใจได้มากขึ้นกว่าก่อนเยอะ  

     

                ทั้งกลุ่มหยุดยืนอยู่บนพื้นที่เล็กๆหลังร้าน ผมอดเหลือบไปมองรั้วไม้ที่ผมถีบพังอยู่ทางซ้ายมือไม่ได้จนราฟหันมามองตามผม สาบานเลยจะไม่ปล่อยแคลไว้กับราฟแน่ๆลำพังตัวเองผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะโดนซอมบี้ทึ้งกินเมิ่อไรผมเห็นนอร่าข่มยิ้มไว้เหมือนกับรู้ว่าสายตาที่ผมมองราฟนั้นเป็นอย่างไร

     

                ทั้งคณะพากันลงเดินบันไดปูนที่วางระนาบไปกับขอบเหวมันค่อยๆทอดตัวลงสู่เบื้องล่าง สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายประหลาดๆสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดสงครามขึ้น ผมรู้อยู่เต็มอกว่าพวกมันยังไม่รามือแค่นี้แน่กลุ่มใหญ่กำลังจะมาอีกไม่ช้าแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

     

    ..........

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in