..........
ตอนที่ 21 : เรื่องยุ่งๆ กำลังจะบังเกิดอีกครั้ง
“ถอยหลัง! ออกไปให้พ้นรัศมียิงของมัน!” อ๋องตะโกนก่อนผลักเอิร์นให้กลับเข้าไปข้างในอาคาร
“ผมไปช่วยเปาเอง” ผมไม่รอคำตอบ ทะยานออกไปนอกหน้าต่างระยะแค่นี้มันง่ายสำหรับผมที่ฝึกมาเป็นเดือนๆ
ผมวิ่งเข้าไปหาร่างของเปาที่นอนอยู่กับพื้นดีที่เปายังใส่ชุดเกราะไว้ “อ้ากก” กระสุนหนึ่งนัดวิ่งเข้ากลางหน้าอกผมขณะลากเปาไปหลบข้างหลังตู้ระบายความร้อนที่อยู่บนตึก“เจ็บเป็นบ้า” ผมบ่นกับตัวเองก่อนคว้านเอาลูกกระสุนปืนออกมาจากปากแผลมันไม่ใช่กระสุนพิเศษ ไม่มีพิษ ซึ่งนั่นดีแต่ก็ใช่ว่าอยากโดนยิงบ่อยๆ
เพล้ง ! เสียงกระจกแตก มันหันไปเล่นงานฝั่งเอิร์นที่อยู่อีกอาคารนึงแทน ผมยกตัวเปาพิงกับเครื่องระบายความร้อนคว้าเอาสไนเปอร์ที่เปาสะพายไว้กับตัวออกมา ก่อนจะโยนข้ามตึกไปให้อ๋องที่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวเพราะพวกตนไม่สามารถยิงตอบโต้ได้ เนื่องด้วยระยะมันไกลเกินไป
“แต้งกิ้ว !” ผมได้ยินเสียงอ๋องตะโกนตอบกลับมา สักพักก็ได้ยินเสียงปืนตอบโต้ไปมา
“น่าจะเคลียร์แล้วมั้ง” เสียงอ๋องดังขึ้นผ่านหูฟังไร้สายที่ทุกคนต้องมี
“เจ็บชะมัด” เปาบ่นเมื่อได้สติพลางลูบๆ แถวรอยยิงบนเกราะกันกระสุนของตน
“เอาล่ะ ไปต่อ” อ๋องพูดเดินมาหน้ากระจกอีกครั้ง
“สงสัยจะยากแล้วว่ะ” เอิร์นที่เดินตามมาข้างหลังพูดขึ้นพลางมองลงไปข้างล่างอาคารที่พวกตนยืนอยู่
“หืม?” อ๋องมองตามลงไปทำเอาผมสงสัยไปตามๆ กัน
“โอย ท่าจะแย่ซะแล้วงานนี้” อ๋องพูดขึ้นเมื่อเห็นในสิ่งที่เอิร์นเห็น
“ข้างล่างมีอะไร” ผมถาม
“พวกมันน่าจะรู้แล้วว่าพวกเราอยู่ตรงนี้” อ๋องตอบผมลุกขึ้น ชะเง้อหน้าลงไปเห็นรถเอสยูวีสามสี่คันพร้อมกับชายชุดสูทจำนวนหนึ่งยืนอยู่รอบๆรถ ทำท่าเหมือนรอคำสั่งโจมตีอยู่
“ตรงไปอีกไม่กี่กิโลเราจะถึงจุดตั้งค่ายพวกมันแล้ว” เอิร์นพูดลดกล้องส่องทางไกลที่สามารถมองทะลุสิ่งก่อสร้างได้
“มีแผนเสนอมั้ย?” ผมถาม
“เจค นายต้องไปสืบมาว่าพวกมันกำลังจะทำอะไร ทางนี้พวกเราสามคนจัดการเอง”อ๋องบอก
“สามคนกับเกือบสามสิบเนี่ยนะ” เอิร์นย้อนถาม
“ทำกลัวไปได้ หนักกว่านี้ทำยังกะไม่เคยเจอ” เปาพูด
“เอาเลย” อ๋องบอกกับทุกคน ผมออกวิ่งผ่านชั้นดาดฟ้าข้างบนจนสุดก่อนกระโดดลงมานอกเขตโรงแรมลงมายืนอยู่ข้างบนถนน ก่อนวิ่งตรงไปยังจุดหมายที่เอิร์นบอก ไม่สนใจซอมบี้รอบตัวเพราะยังไงมันก็จับผมไม่ทันอยู่ดี
..........
“นั่นเคิร์กคิดจะทำอะไรน่ะ” ริกถามตัวเองขณะซุ่มมองเคิร์กที่ทำท่าลับๆล่อๆ ในมือถือกระเป๋าใบหนึ่ง เดินออกไปด้านนอกของอาคาร ริกคงจะไม่แปลกใจถ้ามันเป็นทางออกที่เตรียมไว้สำหรับพนักงานแต่นี่เคิร์กดันไปประตูที่มีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น มันพาทุกคนออกไปยังตัวป่าด้านนอกและไม่มีทหารคนใดรู้เส้นทางภายนอกเท่าไหร่ถึงแม้จะมีการฝึกสอนในขั้นเบื้องต้นสำหรับทุกคนแต่ยังไงซะก็ต้องลืมอยู่แล้วก็แทบจะไม่เคยใช้เลยนี่
ริกก้าวเท้าอย่างรวดเร็วตามไปทันทีเมื่อประตูปิดลงแง้มหูฟังสักพักก่อนค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกช้าๆ
ข้างนอกปกคลุมไปด้วยป่าแต่ก็ยังมีร่องรอยของพื้นถนนรวมทั้งสิ่งก่อสร้างที่เป็นตัวชี้นำทางแต่ก็แทบจะถูกปกคลุมไปด้วยพืชไม้เถาวัลย์ต่างๆ ซะเกือบหมดจนมองไม่ค่อยออกแล้ว
ริกแอบอยู่หลังเสาที่พันเกี่ยวไปด้วยเถาวัลย์ถัดไปสี่ห้าเมตรปรากฏรถฮัมวี่ลายพลางสีเขียวขี่ม้ากลมกลืนกับป่ามีชายคนหนึ่งในชุดพร้อมรบต่างจากพวกใส่สูทคนอื่นๆอันที่จริงริกก็เพิ่งจะเคยเห็นพวกที่ไม่ใส่ชุดสูทเนี่ยแหละ
ริกหยิบกล้องส่องทางไกลของตนขึ้นมาพยายามสำรวจทั้งตัวรถและพวกมันทุกคน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเยื้องไปข้างหน้ายังมีฮัมวี่อีกสามสี่คันเรียงต่อแถวกันอยู่เว้นระยะกันห้าหกเมตร แต่ละคันจะมีพวกมันอยู่ด้วยสามถึงสี่คนต่อคันและอาวุธพร้อมรบคงระวังตัวเพราะเข้ามาใกล้ฐาน ริกคิด
เคิร์กกับพวกมันคนหนึ่งดูท่าจะเป็นหัวหน้าของขบวนนี้กำลังคุยกันสีหน้าสลับไปมาระหว่างยิ้มกับเครียด
“นั่นมันกระเป๋าอะไรวะ” ริกถามตัวเองพลางใช้กล้องซูมเข้าไปใกล้กว่านี้ มันเป็นกระเป๋าสีดำเข้มก่อนจะเห็นเคิร์กวางมันไว้บนกระโปรงรถพร้อมกับเปิดกระเป๋าออกริกเลื่อนซูมเข้าไปใกล้อีก อยากจะรู้ว่าข้างในมันคืออะไร
“อย่าขวางทางสิวะ” ริกบ่นเมื่อไอชุดทหารเล่นยืนบังกระเป๋าไว้
“แล้วนี่เราจะรู้ได้ไงล่ะเนี่ย ว่ามันคุยอะไรกัน” ริกส่องกล้องดูลาดเลาพวกมัน ก่อนค่อยๆ ย่อตัวลง เคลื่อนตัวช้าๆผ่านต้นไม้และพุ่มหญ้าที่ขึ้นจนเกือบรก
ริกก้าวเดินอย่างเชื่องช้าระวังไม่ให้เหยียบถูกกิ่งไม้หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดเสียงเพื่อจะได้เข้าใกล้พวกมันอีกสักหน่อย ก่อนจะหยุดนิ่งหลังต้นเสาในที่จอดรถที่ตอนนี้ว่างเปล่าถ้าไม่นับรากไม้ที่โยงไปทั่วริกได้ยินเสียงทั้งคู่คุยกันแผ่วเบามาตามลม
“แน่ใจนะว่ามันใช้ได้” พวกเคลโอถาม
“แน่ใจสิ ฉันทำให้พวกแกมากี่ครั้งแล้ว” เคิร์กว่า พลางมองอีกฝ่ายถือหลอดแคปซูลขนาดใหญ่มันเหมือนกับจรวดขนาดย่อม
“ไม่มีใครรู้เรื่องที่นายทดลองไอ้นี่จากเลือดหมายเลขเจ็ดใช่มั้ย”
“มีแค่ฉันเนี่ยแหละที่รู้” เคิร์กตอบ
“ดีแล้ว นายจะถอนตัวออกมาเมื่อไหร่บอกด้วยล่ะกัน” มันว่า
“อือ งั้นฉันกลับเข้าข้างในก่อน เหมือนเบื้องบนจะมีคำสั่งให้คอยจับตาดูฉันอยู่”เคิร์กว่า
“ไม่ทันแล้วมั้งเคิร์ก” ริกพูดเบาๆ กับตัวเอง ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่คอยช่วยเหลือตนมาตลอดทั้งทำยารักษา ทำวัคซีนแก้โรคเอาไว้ไปต่อกรกับพวกมันจะเป็นพวกมันซะเอง
เคิร์กกล่าวลาพวกมันก่อนหันหลังเดินเปิดประตูกลับเข้าไปข้างในอาคารตามเดิมเจ้าหัวหน้านั่นเก็บแคปซูลไว้ในกระเป๋าตามเดิมก่อนใส่ไว้ในรถฮัมวี่ของมัน
“แล้วนี่กูเอามาแค่ปืนพกสินะ” ริกพูดกับตัวเอง พลางครุ่นคิดในหัวว่าจะปล่อยพวกมันไปดีหรือไม่แต่ถ้าปล่อยไปแคปซูลนั่นต้องถึงมือเคลโอแน่ๆ และถ้าเดาไม่ผิดมันจะต้องเป็นสิ่งที่แย่มากแน่ๆถ้าเกิดไอ้ร่างทดลองพวกนั้นดันเก่งเหนือมนุษย์ขึ้นมาอีกเป็นร้อยๆ คน
“เอาก็เอาวะ ได้รู้ก็คราวนี้ล่ะมึงว่ากูเทพขนาดไหน” ริกลุกขึ้นพรวดออกจากที่กำบังหยิบปืนพกขึ้นจ่อไปทางรถฮัมวี่
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” ริกตะโกนออกไป
……….
“ไบรอันหายไปไหนซะล่ะ” แคลถามอลิซที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดกระเป๋าสัมภาระ
“เรามีภารกิจอีกแล้วหรอ” แคลถามต่อเมื่อเห็นอลิซจัดเตรียมอุปกรณ์
“ใช่ ไบรอันโดนตามตัวไปตั้งแต่เช้าแล้ว เพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้เองว่าให้เตรียมตัวเธอก็ควรจะไปเตรียมตัวนะแคล” อลิซบอกก่อนยัดปืนพกไว้ข้างเอว
“อื้อ” แคลรับคำ เดินกลับขึ้นไปข้างบนห้องของเธอจัดการยัดเสื้อผ้าสำลอง แมกกาซีนสำรอง กระสุนปืนสองสามกล่องลงในเป้สะพายและยัดปืนพกประจำตัวไว้ที่ต้นขาพร้อมกับมีดสั้นที่เธอชอบซ่อนเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นที่ใต้รองเท้าที่สามารถสะบัดมีดออกมาได้หรือจะเป็นตรงข้อเท้าก็ตาม
ปึง ! เสียงเปิดประตูดังขึ้นร่างไบรอันก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน
“รู้สึกคราวนี้เราต้องเดินทางกันยาวเลยล่ะ” ไบรอันบอกกับทุกคนก่อนที่ประตูจะเปิดออกอีกครั้งตามด้วยโจที่เข้ามา
“คราวนี้เรามีเรนจ์โรเวอร์เลยนา” โจพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นซึ่งทุกคนต่างก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดาเพราะทุกทีเราจะได้แต่รถซีดานธรรมดาๆ ซึ่งต้องคอยลุ้นว่ามันจะดับกลางทางหรือไม่ถึงมันจะได้รับการซ่อมแซมมาแล้วก็เถอะ
“แล้วครั้งนี้เราไปทำอะไร” แคลถามขึ้น
“ไปรับผู้รอดชีวิต มันมีหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากป่าออกมาไม่ไกลเท่าไหร่เราได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือมาน่ะ” ไบรอันตอบ
“ป่าหรอ?” อลิซสงสัย
“ใช่ ป่าขนาดใหญ่ตรงที่ยังไม่มีทีมไหนไปสำรวจนั่นแหละ เพราะแถวๆ นั้นไม่มีสิ่งก่อสร้างเท่าไหร่เลยไม่คุ้มสำหรับงบประมาณ แต่หลังจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือเหมือนทางการจะสงสัยว่าบางทีผู้รอดชีวิตอาจจะหลบหนีเข้าไปตั้งรกรากในป่ากันก็เป็นได้”ไบรอันอธิบาย
“ใช่แล้ว บางทีเราอาจจะได้เจอ เจค ที่เธอว่าก็ได้นาแคล” โจหันไปพูดกับแคลที่นั่งฟังอยู่บนขั้นบันได เมื่อโจพูด ทั้งอลิซและไบรอันต่างพากันมองหน้ากันทันที
“…นั่นสินะ บางทีเจคอาจจะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลจากตัวเมืองก็ได้”แคลว่า สายตาเลื่อนลอยพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นจะไม่รอดซะก่อน” อลิซเร่งทุกคน
“ฮ่าๆๆ นั่นสินะ ไปช้าเดี๋ยวกลายเป็นซอมบี้หมดก่อนจะแย่เอา” โจพูด ก่อนที่ทุกคนจะพากันออกจากบ้านพักของตน เดินตรงไปยังโรงเก็บรถส่วนรวมที่มีไว้สำหรับนักสำรวจ
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in