กรุ๊ปเรานั่งรถโมโนเรลกลับสู่ห้างวิโว่ แล้วก็เป็นไปตามที่ใครบางคนบอกไว้
ขากลับมักจะรู้สึกเร็วกว่าขาไปเสมอ…ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน
แต่ที่รู้สึกมากกว่าที่ใครคนนั้นบอกไว้คือ....หิวจ้า (คนสูงวัยหิวเร็วเด้อ) ระหว่างเดินทาง ผมนี่นึกเมนูอาหารตั้งแต่ขาก้าวขึ้นรถแล้วล่ะว่าจะกินอะไรดี กระทั่งสรุปเองเออเองว่า…เจออะไรเป็นอันดับแรก ต่อคิวไม่นาน จะกินอันนั้น…
หิวแล้วโว้ยยย...ยยย
เมื่อรถเข้าสถานีเราทั้งสี่ เดินมาซักหน่อยก็เจอกับศูนย์อาหาร ชื่อว่า “Food republic” ขนาดพื้นที่นั้นกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งแนวจีนโบราณภายในมีคนใช้บริการอยู่จำนวนพอประมาณ มีโต๊ะว่างให้เลือกนั่งสบายๆไม่ต้องแย่งชิงเหมือนกับศูนย์อาหารบริเวณริมอ่าวมารีน่า
ภาพถ่ายเต็มเฟรมติดรูปผมไปด้วย เลยขอครอปตัดออกนะครับ เขิลจ้า
เมื่อได้โต๊ะ เราทั้งสี่ต่างนั่งแหงนหน้ามองดูป้ายเมนูอาหารที่มีหลากหลายให้เลือก ราคาเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ ร้อยบาทนิดๆ ( 5SDG) ผมที่หิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…จึงมองอะไรก็น่ากินไปหมด แต่ก็ออกอาการนิ่งไปพักนึง(คิดไม่ตกว่าจะกินไรดี ) กวาดสายตาไปยังภาพถ่ายเมนูของทุกร้าน ที่มีตัวหนังสือให้อ่านด้วยภาษาซิงลิช อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน มีภาษาไทยบางร้าน
โอ้ว….เยอะแยะๆ อยากกินไปเสียทุกอย่าง ไม่เหมือนกับที่นึกมาเลย..ว่าเจออะไรจะกินอันนั้น ฮื้อ...กินมันหมดนี่เลยได้มั้ย
นิ่งทบทวนอยู่พักนึงในที่สุดก็ตัดสินใจได้
ผมเลือกสั่งข้าวกระเพาหมูสับ เอ้ย…ไม่ใช่ๆ ผมสั่งข้าวยำ (คิดว่าเป็น”ข้าวยำ”นะ ไม่แน่ใจ) เพราะเห็นว่ามันมีเครื่องเคียงหลายอย่างให้ลองอีกใจหนึ่งอยากสั่ง “ลักซา” มารองซด เหมือนเกาเหลาบ้านเราแต่พอมองจานอาหารที่คนอื่นถือมาที่โต๊ะ แล้วต้องยอมแพ้ แม้อาหารทุกร้านที่นี่ราคาเริ่มต้นหลักร้อย (ถือว่าราคาสูงสำหรับผม) แต่ว่าจานนั้นใหญ่เอาการเลยทีเดียว ถ้าสั่งมาสองอย่างคงกินไม่หมด
ที่ร้าน คนขายบริการนักท่องเที่ยวดีมากแนะนำ โน่น นี่ นั่น ถามว่าจะรับอะไรเพิ่มเป็นพิเศษมั้ย
ผมส่ายหน้าขอแบบธรรมดาตามรูปเลยครับ
เมื่อได้ข้าวยำเดินกลับมาที่โต๊ะ..พบว่า น้องร่วมทริปนั้นสั่งอาหารคนละอย่างสองอย่างมาแลกกันชิม ผมเลยขอชิมด้วย เลยได้ลิ้มรส โรตีมะตะบะแกงกระหรี่ไก่โอ้... ผมรู้สึกว่าอร่อยกว่าทุกที่ที่เคยได้ชิมมา(ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย หิวมากถ่ายไม่ทันจ้า) อร่อยจนอยากแลกข้าวยำเลย
เมื่อท้องเริ่มคลายหิวผมก็ผ่อนแรง มองไปรอบๆตัวอีกครั้ง พบว่าพนักงานที่คอยบริการ เก็บจานเช็ดโต๊ะ ทำความสะอาดเล็กๆน้อยๆ ที่นี่นั้น เป็นคนวัยอาแปะ อาม่า ทั้งนั้นเลย ด้วยความไม่แน่ใจเลยหันไปชวนน้องๆสังเกตุดู น้องคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุว่าอาจจะเป็นนโยบายของห้างที่นี่ ที่จ้างคนหลัง วัยเกษียณทำงานเล็กๆ น้อยๆดีกว่าจะอยู่บ้านเหงาๆ เป็นภาระลูกหลาน อะไรทำนองนี้
ผมไม่แน่ใจนะว่าข้อสังเกตุนี้ใช่หรือเปล่า ใครที่มาเที่ยวที่นี่ ลองสังเกตุดูนะครับ
บรรยากาศภานในศูนย์อาหาร ถ่ายจากกล้องมือถือ ภาพสั่นไหว เพราะใจหิว (ขออนุญาตคนในเฟรมด้วยนะครับ)
หลังจากอิ่มท้องกันทุกคนแล้วเราก็เดินออกมาย่อยอาหารที่ เทอเรส ข้างศูนย์อาหาร ที่ตรงนี้คงเป็นพื้นที่ที่ห้างจัดไว้ให้คนมาพักผ่อนสูบบุหรี่ หลังทานอาหารเสร็จ วิวดีใช้ได้เลย มองเห็นทะเล สวยงามสบายตา สบายใจผึ่งพุงได้ชิวๆ
เมื่อเราพักผ่อนหย่อนพุงกันจนได้ที่แล้ว….จึงตกลงกันว่า ต้องหาร้านกาแฟซักร้านที่มีปลั๊กชาร์ตแบตกล้องได้เพราะกล้องหลักที่เราเอาไปถ่ายรูป แบตหมดเร็วมาก แล้วมันก็ไม่สามารถชาร์ตผ่าน พาวเวอร์แบงค์ได้เสียด้วย….แถมแบตก้อนสำรองก็ราคาสูงมาก เลยไม่ได้ซื้อมา
เฮ้อ…นี่แหละน๊า ตอนซื้อก็ไม่คิดว่าจะเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ (ข้อนี้เลยกลายเป็นข้อหลักที่ตัวเองต้องดูเป็นอย่างแรกตอนซื้อกล้องตัวต่อมาจะไม่พลาดแบบครั้งนี้แน่ๆ ที่เลือกรุ่นใหม่ล่าสุดในตอนนั้น ตอนที่ อุปกรณ์เสริมยังราคาแพงอยู่)
เราเดินหาร้านกาแฟแบรนด์ท้องถิ่นตลอดทุกชั้นที่เดิน แต่ไม่เจอ (เออ..คงจะเจอหรอกนะใครเค้าหาร้านกาแฟท้องถิ่นในห้างใหญ่ๆกัน) สุดท้ายก็มาจบที่ร้านกาแฟนางเงือกหลังจากดูราคาบนป้ายแล้ว ไม่ห่างจากบ้านเรามากนัก แลกกับการมีปลั๊กให้เราเสียบชาร์ตทุกอย่างนั้นก็ถือว่า คุ้มค่าเกินราคา
เราทั้งหมดสั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว….แลกกับการเสียบชาร์ต มือถือทุกเครื่องกล้องทุกตัว อะไรที่ติดตัวมา ชาร์ตไฟได้ เราขอเค้าเสียบชาร์ตเติมไฟให้หมด
แต่กว่าจะได้ชาร์ตครบก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะโลเกชั่นร้านนั้นสวยงาม ติดวิวทะเลคนเลยเยอะตามสภาพ เราสี่คนเลยต้องยืนรอคิวโต๊ะในช่วงแรกกระทั่งกาแฟผมเกือบจะหมดแก้ว เราจึงได้ที่นั่งครบคน (ในระหว่างยืนรอน้องรูมเมทผมใช้วิธีขอเสียบชาร์ตตามเสาตามโต๊ะคนอื่น ไปก่อน )
พอเราได้ที่นั่งหันหน้าเข้าหากันทั้งสี่คน ก็เป็นวาระโอกาสการได้โหลดรูป อัฟเฟซ ลงโซเชียลและปรึกษาเส้นทางจุดหมายต่อไป ในเวลาต่อมาสองคนในสี่ ก็เผลอหลับไป
ผมไม่หลับ ไม่มีอะไรทำเลยนั่งอ่านรีวิว หาข้อมูลว่ามาที่นี่ควรซื้ออะไรกลับไป หนึ่งในนั้นบอกว่า ต้องซื้อ ข้าวโพดคั่ว “กาเร็ท ป็อปคอร์น /Garrett Popcorn (ข้อมุลปี2015) เลยนึกขึ้นได้ว่า…เอ..เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำ เพิ่งเห็นนี่นา ยังคิดอยู่เลยว่านี่ใช่ข้าวโพดคั่วที่เค้ารับพรีออเด้อร์มั้ยนะ สรุปว่าใช่ว่ะ
เลยเขียนโน๊ตไว้ว่า จะแวะซื้อที่นี่ ลองดู
เวลาผ่านไปราวชั่วโมงน้องที่หลับตื่น แบ็ตกล้องทุกตัวเกือบเต็ม เราจึงชวนกันออกจากร้านเพื่อเดินทางต่อ เพราะจากการคำนวนเวลาเดินทางแล้ว…จุดหมายต่อไปนั้น อยู่ห่างจากที่นี่พอสมควรหากช้ากว่านี้เราอาจเหลือเวลาไม่ทันโปรแกรมถัดไป
ก่อนไปที่สถานีรถไฟผมชวนน้องๆ แวะช้อป กาเร็ทป็อปคอร์น ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันกับร้านกาแฟ น้องคนหนึ่งเอ๋ยถาม “ซื้อที่นี่ มันจะแพงมั้ยพี่ คุ้มหรือเปล่า ” ผมตอบกลับไปว่า” คุ้มไม่คุ้ม ไม่รู้ รู้แต่ว่า หาข้อมูลมาแล้ว…เส้นทางที่เราจะไป กาเร็ท มีทีนี่ที่เดียว”
เท่านั้นแหละน้องๆ จึงตกลงซื้อคนละรสสองรส เจ้าคนที่ถามนี่ ซื้อเกือบครบทุกรสเลย ( มี5 รสชาติ)
เมื่อได้ข้าวโพดคั่วครบกันทุกคนแล้ว….เราก็ออกเดินทางต่อ
ตอนซื้อ คนต่อแถวยาวมาก เลยเอียงตัวมาแช๊ะได้ภาพนึง
ก่อนถึงทางออกห้างสายตาผมมองเจอตู้สีน้ำเงินตู้หนึ่ง เลยแวะดู โอ้ว....มีตู้หยอดเหรียญ Skincare for men ด้วย อ๊ะไหนๆก็ลองข้าวโพดคั่วแล้ว...ลองเจ้าครีมนี้ด้วยดีกว่า
น้องคนหนึ่งเห็นผมหายไปจึงวกกลับมาตาม
“พี่ เร็วๆ เดี๋ยว ชารล์ส แอนด์ คีธ จะหมดก่อน ” ไปเล้ยยยยยย เร็ว.ววววว!!!!
เนี่ย!!!! สิ่งที่เราต้องการตลอดทริป 555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in