ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากเสียงเคาะประตู
เมื่อเปิดออกไปก็เจอน้องร่วมทริปยืนรออยู่ ใจหายแว้ปเลย นึกว่าตัวเองตื่นสาย แต่ที่ไหนได้ น้องเขามาเคาะก่อนเวลานัด
หลังจากส่งแบตให้น้อง ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้กลับเข้าไปที่เตียง เพราะตั้งใจจะตามน้องลงไปถ่ายรูปตึกสีสวยที่ตั้งเรียงรายในบรรยากาศยามเช้าเช่นกัน
เพราะโปรแกรมถ่ายรูปแสงเช้ากับตึกโคโลเนี่ยนสไตล์ที่ว่านี้
ผมลงมาที่ล็อบบี้เป็นคนสุดท้าย แต่ก็คุ้มค่า เพราะได้งีบอีกครึ่งชั่วโมง ได้เรี่ยวแรงกลับมามากโข
เมื่อผมพร้อมทุกคนก็พร้อม(เออดิ รอพี่คนเดี่ยวนี่แหละน้องคนหนึ่งบ่น...แฮร่ ) เราออกเดินจากโรงแรมไปยังร้านอาหารเช้าที่อยู่ละแวกเดียวกัน ร้านนี้เราเล็งๆ กันไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำวาน น้องในทริปให้ความเห็นว่า
เมื่อมาถึงร้าน ผมใช้สูตรเดิม คือชี้เอาจากหม้อและถาดอาหารที่ถูกทำสำเร็จไว้แล้ว…ปล่อยให้น้องร่วม ทริปเลือกจากรูปในเมนู
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ รสชาตินั้นไม่ห่างจากร้านแรกที่เราได้ชิม แต่ราคานั้นแพงกว่าอยู่หน่อยนึง….ถือว่าอยู่ในเรทที่รับได้
เมื่อท้องอิ่ม
โปรแกรมที่ตั้งไว้วันนี้ เราจะข้ามไปเกาะเซนโตซ่าก่อนช่วงเที่ยง แล้วเราจะใช้เวลาช่วงบ่ายที่นั่น เพื่อเดินชมชายหาด ไปถ่ายรูปที่ ยูนิเวอร์แซล ดูโน่น นี่ นั่น ตามรีวิว แล้วกลับมาพักเหนื่อยที่ห้าง วิโว่ (VivoCity)ทานข้าวเย็นกันที่ห้างแล้วจะ ไปต่อ ที่ห้าง Anchorpoint เพื่อไปซื้อของฝาก( น้องในทริปอ่านเจอในรีวิว ว่าถ้าเราจะซื้อ กระเป๋า Charles &Keith ต้องไปที่ห้างนี้เท่านั้น –ข้อมูลปี2015)
โปรแกรมสุดท้ายเราจะไปจบลงที่ย่านลิตเติ้ลอินเดีย(น้องคนหนึ่งอยากไปซื้อน้ำหอมที่ห้าง มุสตาฟา-Mustafa)
แต่ก่อนอื่น...ในเช้านี้ เมื่อเราถึงสถานีรถไฟเราจะหันหัวไปลงที่สถานีไชน่าทาวน์ก่อน เพื่อไปร้านซีวิว (
ซึ่งบางคนที่อ่าน อาจจะเถียงว่า
เมื่อรถเมล์สาย 30 มาถึง เราก็ไปตามเสต็ปเดิม ขึ้นรถเมล์ไปลงสถานีรถไฟ Dakota ขึ้นรถไฟจาก Dakota ไปลงที่สถานีไชน่าทาวน์ เดินผ่านแยก 1 แยก มุ่งหน้าสู่ตึก People ‘s Park Center เพื่อไปร้าน “ซีวิว”
เมื่อมาถึงที่ร้านก็เป็นเหมือนในรีวิว คือ พนักงานพูดไทยได้ แนะนำแพ็กเกจตั๋วเข้าชม โน่น นี่ นั่นหากเข้าชม อันนี้พร้อมกับอันโน้น อันนั้นจะได้ฟรี ซึ่งรวมๆ แล้ว ก็เป็นหลักพันกว่าบาทขึ้นไปอ่ะ
โอ้ว...โห พันกว่าบาท เราคงมาผิดช่วงตั๋วโปรโมชั่นคงหมดไปแล้ว....
ในที่สุดทุกคนก็ตกลงกันว่า
อ่ะเคร…
น้องๆ ตอบตกลง
เมื่อเราเดินผ่านย่านไชน่าทาวน์พอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็มุดลงไปสถานรถไฟ มุ่งหน้าสู่ สถานีสุดสาย ที่
เมื่อเรามาถึงห้างวิโว่ซึ่งตั้งอยู่ติดท่าเรือ วิวนั้นดี บรรยากาศนั้นได้ เราเลยนั่งพักผ่อนชมวิวริมทะลตรงจุดชมวิวของห้างนิดหน่อยพอให้หายเหนื่อย
ผมที่เริ่มมึนๆเมาแดดตั้งแต่ไชน่าทาวน์ อยากได้กาแฟแก้ง่วงเสียหน่อย
พวกเราขึ้นรถไฟฟ้าโมโนเรล
รถไฟก็เข้าสู่สถานี
เมื่อเราเดินดูที่
ก่อนมาเจอเจ้า เมอร์ไลออน
“นี่ เหมือนที่เซนโตซ่าบ้านเราเลยเว้ยยย”
น้องหัวเราะ แล้วชวนกันถ่ายรูปคู่กับป้าย
เมอร์ไลออน ตัวใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านสูงเอาการเลย สีหน้าตัวนี้ดูดุกว่าตัวที่อยู่ริมอ่าวมารีน่า ตามข้อมูลบอกว่า ตัวนี้เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดปากพ่นแสงเลเซ่อได้ (...อู้….)
จู่ๆ ก็มีพนักงานคนหนึ่งมาชวนน้องในทริปให้ถ่ายรูปคู่กับเมอร์ไลอ้อน ลักษณะการแนะนำแพ็กเกจคล้ายๆที่ผมไปเที่ยวสวนน้ำแห่งหนึ่งที่บ้านเรา
ตอนกลับมาบ้านเปิดรูปดูนั่นแหละ เราถึง คิดได้ว่า…
อันนี้ก็เช่นกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นกับน้องเค้าเร็วมากรู้ตัวอีกที ก็จ่ายเงินไปราว
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเร็วขนาดนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจน้องเค้าอาการเดียวกันกับผม ที่ซื้อไอศกรีมกระทิที่ร้านริมอ่าวมารีน่าในราคา
เมื่อกรุ๊ปเราต่างปลอบอกปลอบใจกันพองามแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปที่ Siloso Beach ตามข้อมูลบอกว่ามันเป็นหาดเทียมสร้างโดยมนุษย์ ผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวแล้วจะเฉยๆกับทะเลมากกว่าภูเขา แต่ในภาพรีวิวบอกว่า มันมีสะพานไม้ข้ามไปเกาะกลางทะเลได้ ตรงกลางเกาะนั้นมีส่วนที่เป็นหมู่ไม้ และภูเขาเลยตั้งใจว่าจะเดินข้ามสะพานไปถ่ายรูปตรงนั้นเสียหน่อย
เมื่อเราออกมาจากจุดที่เมอร์ไลออนตั้งอยู่ก็มองหาป้ายเพื่อขึ้นรถ
ภายในเกาะมีทั้งรถราง และรถเมล์บริการไปส่งนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆรอบเกาะ กรุ๊ปเราเลือกขึ้นรถเมล์ ลงป้ายที่เป็นที่ตั้งของหาด
เราเดินไปตามป้ายซักระยะก็พบกับหาด
เมื่อสายตาพบกับหาด...ทันใดนั้นผมก็ร้อง.....แฮร่!!! ออกมาทันที
สารภาพตามตรงเลยนะ
ผมหันไปบ่นกับน้องร่วมทริป "แอร๊
น้องหันมาตอบ
อาจเพราะอากาศร้อน แลัวภาพมันไม่เป็นไปตามหวังมั้งผมเลยออกตัวว่า…”ขอรออยู่ที่นี่ได้มั้ย เดินไม่ไหวอ่ะ ขอพักก่อน …”
เมื่อน้องในทริปเห็นพี่ใหญ่ออกอาการเสียหลักแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกรงใจหรือยังไงทุกคนเลยตัดสินใจไม่ข้ามไป แล้วพากันถอดรองเท้าลงถ่ายรูปริมชายหาด
ผมลงไปถ่ายรูปกับน้องๆ จนกระทั่งใครคนหนึ่งเอ๋ยขึ้น
“ หิวแล้วพี่ ป่ะเรากลับห้าว วิโว่กันเถอะ”
เราทั้งหมดขึ้นจากชายหาดเข้าห้องน้ำที่มีบริการล้างเนื้อล้างตัว ผมที่ลงไปแตะหาดน้อยสุดเลยใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน เมื่อออกมากะว่า..จะแวะดูร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ใกล้ๆนิดหน่อย น้องในทริปตามออกมาดูด้วย กรุ๊ปเราเลยดูกันจนเพลินเตลิดเข้าไปร่วมเล่นเกมรับของที่ระลึกตามซุ้มต่างๆจนครบ
กระทั่งใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “เราไม่หิวกันแล้วหรอ”สิ้นประโยคนี้เท่านั้นแหละ ทุกคนพร้อมใจกันเดินออกมาจากซุ้ม ไปที่ป้ายรถเมล์
ระหว่างนั่งรถเมล์ ก็คิดโน่น นี่ นั่นแต่ที่หลักๆ คิดว่า..ทริปหน้า หากมีโอกาศได้แวะมาอีกจะต้องหางบและวันว่าง มายาวกว่านี้ จะได้ไม่เที่ยวแบบเร่ง รีบๆ เช่นนี้เด้อ
ทะเลกะบ่งามจ้อย.. โอ้ยยยย.....
คิดเรื่อยเปื่อยจนรถเมล์จอดป้ายสถานี Beach Station เพื่อส่งเรากลับสู่ห้างวิโว่
เราทั้งหมดลงรถด้วยความเหนื่อย….
เราจะกลับไปเติมพลังที่ศูนย์อาหารในห้างวิโว่แล้วค่อยว่ากันต่อถึง จุดหมายต่อไป
>>>>>>>to be continued>>>>>>>>>>>>>>
ปล. ไปเที่ยวตั้งแต่ปลายปี 2015 จนป่านนี้ ต้นปี 2019 ยังเขียนไม่เสร็จเลย ตามประสาคนเขียนช้า แต่เขียนเรื่อยๆอยู่นะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเด้อ....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in