โครงการพลังรุ่นใหม่ พลังเสริมสร้างสุขภาวะ งานนี้เป็นงานต่อเนื่องจากเมื่อต้นปีก่อนที่ฉันจะมาฝึกงานที่กลุ่มไม้ขีดไฟ เป็นค่ายที่ให้เด็กและเยาวชนจากทั่วทุกจังหวัดในประเทศมาร่วมกันออกไอเดียคิดโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขึ้นมากลุ่มละหนึ่งโครงการ จะเป็นโครงการอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ เราจะมีงบประมาณให้โดยได้รับการสนับสนุนจาก สสส.(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้ลองคิดและทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม สร้างความเป็นผู้นำให้กับเด็กและเยาวชน ผู้เข้าร่วมโครงการของเราจะมีอายุตั้งแต่ 8-23 ปี (หรือประถมศึกษาปีที่2 - ระดับชั้นปริญญาตรีเลยทีเดียว) หัวใจสำคัญของโครงการนี้เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ได้คิด ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง เมื่อเจอปัญหาอุปสรรค์เด็ก ๆ จึงได้เติบโตจากประสบการณ์ของตัวเองและเมื่อเขาทำโครงการนี้จนสำเร็จ เขาจะภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก
ส่วนค่ายครั้งนี้ที่ฉันได้มีโอกาสมาเป็นสต๊าฟด้วยเป็นค่ายรวมพลปลายทางโครงการพลังรุ่นใหม่ พลังเสริมสร้างสุขภาวะ เป็นช่วงสรุปโครงการตลอดโครงการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และเด็ก ๆ ได้อะไรบ้าง
ขั้นแรกให้ทุกคนนึกย้อนกลับไปก่อนว่าโครงการของแต่ละคนทำอะไรบ้าง โดยเล่าออกมาเป็นภาพสี่ภาพ เป็นการฝึกให้ลองสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูดหรือคำอธิบายตรง ๆ แต่ลองใช้จินตนาการ สื่อสารออกมากเป็นรูปธรรม เสร็จแล้วเราจึงค่อย ๆ มาถอดบทเรียนสิ่งที่เราได้จากการทำโครงการของแต่ละคน จากโครงการที่ได้ทำนี้กราฟความสุขเป็นอย่างไร ช่วงเริ่มต้นโครงการ ช่วงระหว่างการทำโครงการ และหลังจากทำโครงการเสร็จแล้ว ซึ่งกราฟที่เราพบก็จะเจออยู่สองรูปแบบคือ 1)กราฟช่วงต้นต่ำสุด ช่วงระหว่างโครงการค่อย ๆ สูงขึ้นและตอนจบโครงการสูงที่สุด 2)กราฟช่วงต้นอยู่ระดับกลาง ๆ ช่วงระหว่างโครงการต่ำ และตอนจบโครงการกลับมาสูงที่สุด เมื่อทุกคนเขียนกราฟเสร็จเราจะให้จับกลุ่มสองถึงสามคนแชร์กราฟของตนเองให้เพื่อนในกลุ่มฟังว่าเป็นอย่างไร เพราะอะไร คนที่รูปแบบกราฟเป็นประเภทที่หนึ่งจะเหมือนกันคือตอนแรกยังคิดอะไรไม่ค่อยออก ยังไม่เห็นภาพแต่พอได้ทำไปเรื่อย ๆ ก็เข้าใจมากขึ้น และมีความสุขกับสิ่งที่ทำมากขึ้น ส่วนคนที่เป็นรูปแบบกราฟประเภทที่สองจะมีน้อยกว่า ในตอนแรกที่กราฟอยู่กระดับกลางเพราะว่าตอนเริ่มต้นโครงการมีไฟมาก อยากจะทำโครงการที่ตนเองวาดฝันไว้ให้สำเร็จ แต่พอเริ่มทำไปได้สักระยะปัญหาต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามา เป็นปัญหาที่คาดไม่ถึง จึงทำให้เกิดความทุกข์ แต่ในตอนสุดท้ายก็สามารถฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นมาได้ และทำได้สำเร็จในที่สุด แต่ละคนเมื่อได้แชร์ประสบการณ์ของตนเอง ได้แลกเปลี่ยนกับคนอื่น ๆ ทำให้เขามองเห็นการเรียนรู้ มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น กิจกรรมถอดบทเรียนอีกกิจกรรมหนึ่งก็คือ ถาดพิซซ่า ในพิซซ่าหนึ่งถาดเราเปรียบเป็นหนึ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีจำนวนชิ้นพิซซ่าตามจำนวนโครงการย่อยที่ได้ทำ จากนั้นให้แต่ละคนหาสัญลักษณ์ของตนเองหนึ่งรูปวาดลงไปบนพิซซ่าแต่ละชิ้น ถ้าเราคิดว่าในโครงการนี้เรามีส่วนร่วมเยอะมาก เป็นแกนหลักในการทำโครงการ ก็ให้วาดสัญลักษณ์ของตนเองไว้ใกล้กับจุดศูนย์กลางของถาด แต่ถ้าคิดว่าตัวเองมีส่วนร่วมน้อย ไม่ค่อยได้ช่วยก็ให้วาดสัญลักษณ์ของตนเองห่างออกมาจากแกนกลาง พร้อมเขียนเหตุผลว่าทำไม่ถึงได้ทำเยอะ ทำไมถึงได้ทำน้อย กิจกรรมนี้เพื่อให้เด็กทบทวนตนเองว่ามีส่วนร่วมในการเข้าร่วมโครงการมากแค่ไหน แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้เราไม่ได้มีส่วนร่วมมากซึ่งจะเชื่อมโยงกับกราฟความสุขของกิจกรรมก่อนหน้านี้ เด็กบางคนเป็นเด็กในชุมชน พึ่งได้เข้ามาทำโครงการตอนช่วงกลาง ๆ ของโครงการแล้ว หรือ เด็กบางคนก็ติดเรียน ติดเล่นจึงไม่ได้มาทำมาก แต่ละคนมีเหตุผลแตกต่างกันไป (ทางเราจะต้องประเมินว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จหรือไม่ และควรมีต่อไปมั้ย) อีกกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นไฮไลท์ก่อนจบโครงการคือกิจกรรมวงกลม 6 ขั้น โดยจะให้ผู้เข้าร่วมโครงการช่วยกันคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นส่งผลอย่างไรบ้างเป็นลำดับขั้นต่อเนื่องกันไป
ขั้นที่ 1 ต่อตนเอง
ขั้นที่ 2 ต่อโรงเรียน
ขั้นที่ 3 ต่อชุมชน
ขั้นที่ 4 ต่อจังหวัด
ขั้นที่ 5 ต่อประเทศ
ขั้นที่ 6 ต่อโลก
กิจกรรมนี้ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำอาจเป็นแค่โครงการเล็ก ๆ ในชุมชน แต่จริง ๆ แล้วกลับส่งผลต่อผู้อื่น ต่อประเทศชาติได้เลยทีเดียว ทุกอย่างเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่เหมือนกับทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (Butterfly Effect) ของ Edward N. Lorenz เขาเป็นนักคณิตศาสตร์และนักอุตุนิยมวิทยา เขาค้นพบทฤษฎีนี้จากการคำนวนข้อมูลพยากรณ์อากาศ ซึ่งเขาจะต้องกรอกตัวเลขใหม่ทุกครั้งเมื่อต้องการดูข้อมูลซ้ำ เขาจึงลองใส่ตัวเลขที่บันทึกไว้โดยตัดเศษทศนิยมให้เหลือเพียงตัวเลขสั้น ๆ จาก 0.506127 เป็น 0.506 ผลปรากฏว่าสภาพอากาศที่ออกมาครั้งแรกกับครั้งที่สองมีความเเตกต่างกันสูงมาก ทำให้พบว่าตัวเลขที่ผิดเพี้ยนไปแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถส่งผลกระทบใหญ่หลวงได้เหมือกับแรงกระพือปีกของผีเสื้อก็อาจส่งผลให้เกิดพายุธอร์นาโดได้เลยทีเดียว (พี่มิ้นท์ : dek-d)
หลังจากจบค่ายนี้ หลายคนได้บทเรียน หลายคนได้ฝึกประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และที่สำคัญคือความภาคภูมิใจในผลงานของตนเองกลับบ้านไป
แหล่งข้อมูล https://www.dek-d.com/education/34159/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in