"อาจเป็นตอนนั้นเองที่ข้าระลึกได้ว่าคนเราต้องมีคนอยู่เคียงข้าง
ที่จริงแล้วข้าก็อยากให้มีใครสักคนอยู่ข้างกาย
ในใจเขาคิดถึงแต่ข้า ในใจข้าคิดถึงแต่เขา
อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเนิ่นนานเรื่อยไป
กินข้าวพร้อมกัน นอนเตียงเดียวกัน ผ่านงานเทศกาลไปด้วยกัน
แต่ชีวิตคนสามารถทำได้เช่นนี้ จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย
ล้วนแล้วแต่โชคชะตา"
- ไหวอ๋องเฉิงจวิ้น
(หน้า 299)
"เสด็จอา (皇叔)"
ผู้เขียน: ต้าเฟิงกวากั้ว (大风刮过)
ผู้แปล: ซิ่วจิ่น
สนพ. โอเวอ์เกรย์ (Overgray)
พิมพ์ครั้งแรก, กรกฎาคม 2562
เล่มเดียวจบ
ถึงแม้ตัวข้าจะเป็นถึงพระปิตุลา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงเรียนขานข้าว่าเสด็จอา อยู่ใต้คน ๆ เดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น หากแต่ชีวิตข้ามิได้สดใสสูงสง่าสมดังยศศักดิ์ ในสายตาเชื้อพระวงศ์ด้วยกันและเหล่าขุนนาง รวมทั้งอาณาประชาราษฎ์ ตัวข้า ไหวอ๋องเฉิงจวิ้น คือเนื้อร้ายของราชวงศ์ เป็นอ๋องชั่วที่เฝ้าหมายปองต่อราชบัลลังก์ตาเป็นมัน ไม่ว่าพูดสิ่งใด หรือทำการใด ล้วนแต่ถูกมองว่าซ่อนแผนการชั่วช้าไว้เบื้องหลัง เพื่อมิให้ต้องอยู่ไปพร้อมกับชื่อเสียงเน่าเหม็นนี้จนวันตาย ข้าจึงตัดสินใจลงมือทำบางอย่าง ทว่าในตอนนั้นข้าไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้ว ข้าจะถลำตกลงไปสู่วังวนของแผนการที่พัวพันซับซ้อนเบื้องหลังราชบัลลังก์อันสูงส่ง
สนพ. โอเวอร์เกรย์ (overgraY) คือสนพ. ในเครือของสนพ.แจ่มใสค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสนพ. น้องในไส้ของ เอเวอร์วาย (everY) ก็ว่าได้ ตีพิมพ์ผลงานแนววายเหมือนกัน แต่จะเน้นไปทางงานที่มีโทน dark หรือดราม่าหนัก ๆ ในขณะที่เอเวอร์วายจะไปในโทนใส ๆ บอกแบบนี้แล้วก็คงรู้กันแล้วนะคะว่านิยายจีนโบราณเรื่อง "เสด็จอา (皇叔)" นี้มาแนวดราม่าแน่นอน
ผู้เขียนเล่าเรื่องโดยใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ค่ะ ตัวไหวอ๋องเฉิงจวิ้น หรือจิ่งเว่ยอี้บอกเล่าเรื่องราวให้เราฟังตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชะตาอันอาภัพของตัวเขาเอง สไตล์การดำเนินเรื่องจึงเหมือนกับตัวไหวอ๋องเอง นิ่ง ๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นหวือหวา แต่แอบจิกกัดประชดประชันชีวิตรันทดของตัวเองอยู่เนือง ๆ เราจึงรู้สึกว่ามันแฝงอารมณ์ขันของตลกร้าย ถึงแม้จะรู้สึกตลก แต่พอฉุกคิดให้ดีจะพบว่าแต่ละถ้อยแต่ละความคือการเสียดเย้ยที่แฝงไปด้วยความเศร้า ความโดดเดี่ยวของผู้ชายคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม
เสด็จอา คนนี้ชีวิตออกจะอาภัพมากไปสักหน่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีความคิดทะเยอทะยาน หรือกระทำการชั่วช้าใด ๆ แต่กลับถูกตราหน้าไปแล้วว่าเป็นคนเลว แค่คำพูดธรรมดายังถูกแปลไปเป็นเจตนาร้ายได้เพียงเพราะอคติในใจคน ตลอดเวลาต้องใช้ชีวิตอยู่กับความระแวดระวังเพราะกลัวจะถูกเจ้าเหนือหัวกำจัดทิ้ง แม้แต่เรื่องที่เขารักชอบบุรุษก็เกิดจากการที่ต้องหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อบัลลังก์ของหลานชาย เรียกได้ว่า คน ๆ นี้ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการอย่างสุขกายสบายใจแท้จริง
สำหรับเราไหวอ๋องคนนี้การที่เขาปลงตก ยอมรับชะตาตัวเองทำให้เขาดูจะโลเลนุ่มนิ่มไปสักหน่อย ขาดความเด็ดขาด แต่ความอ่อนโยนใจดีนั้นก็เป็นเสน่ห์ที่สั่นคลอนจิตใจคน แม้ทุกคนจะร้ายกับเขา โดนหักหลังก็ยังคงมีใจให้อภัย ไม่แค้นผู้ใด เรื่องราวเมื่อครั้งยังเยาว์ก็สวยงาม ชอบฉากที่อุ้มหลาน ๆ เด็ดกิ่งเหมย กับช่วงเวลาที่คอยอยู่เคียงข้างฮ่องเต้ตอนเด็กมาก ความสัมพันธ์ของเสด็จอากับหลาน ๆ มันสวยงาม น่ารักมาก ๆ แล้วก็สะเทือนใจด้วยค่ะ มีถ้อยความประโยคหนึ่งจากฉีเจ่อที่มอบให้ไหวอ๋องทำเราอึ้งน้ำตาซึมไปเลย "ข้าเชื่อท่านอามาโดยตลอด แต่ท่านอากลับไม่เคยเชื่อข้า" (หน้า 337) เสียดายที่กาลเวลาไม่อาจหยุดนิ่ง จำต้องเคลื่อนไป เมื่อเติบใหญ่ก็ไม่มีอีกแล้วช่วงเวลาสุขกายสบายใจเหล่านั้น
โดยรวมแล้วสนุกค่ะ อ่านแล้วหน่วงใจหนึบ ๆ เลยคุณเอ๊ย ผู้เขียนร้ายกาจมากล่อหลอกจนงง อ่านแล้วสับสนมากว่าใครกันคือคนที่ไหวอ๋องรักจริง ๆ ความสัมพันธ์ของบางคู่ที่เข้าใจว่ามี something แต่เอาจริงกลับไม่มีอะไรในกอไผ่ นี่จับคู่ผิดหลายคู่เลย ร้องอ้าว ร้องเหวอกันไป น้ำตาซึมไปหลายฉาก สงสารไหวอ๋องมากกกก คนอะไรชีวิตรันทดเกิ๊นนนนน กว่าจะรู้ใจตัวเองก็ต้องรอคนมาชี้ทางสว่าง แต่พอรู้แล้วก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้อีก โอ๊ย โมโหคนเขียน อยากจะเขวี้ยงทิ้ง ? อ่านจบแล้วยังหน่วงอยู่อีกหลายวัน นึกถึงงานของคุณถงหัวเลย ถึงจะไม่ถึงขั้นทำลายตับทะลวงไตแบบเดียวกัน แต่ก็เจ็บตับไม่น้อย มันเศร้าแบบซึมลึก โศกซึ้งกินใจค่ะ
ถ้าฮ่องเต้เชื่อใจเสด็จอาจริง เหตุการณ์ในบทที่ 6 ครึ่งหลัง (พีคๆก็หน้า 193-195) ไม่ควรเกิดขึ้นเลย >_<