จิน : ตอนนี้ในตัวผมมันมีไฟลุกอยู่ครับ ผมเกิดแพสชั่นขึ้นมาว่า ‘เรามากระตือรือร้นกับการเติมเต็มปีนี้อีกหน่อยเถอะ” ซึ่งเมมเบอร์ทุกคนก็คิดเหมือนกันครับ พวกกิจกรรมที่ไม่ค่อยได้ทำ ปีนี้ก็น่าจะได้ทำมากขึ้นครับ เรามีอะไรหลายอย่างที่เตรียมไว้เยอะด้วยครับ
บ็อบ : เรามีจุดที่ต่างจากเมื่อก่อนเลยมีเรื่องที่ต้องสามัคคีกันเพื่อแก้ไขในจุดนั้นมากขึ้นด้วยครับ จากหนึ่งถึงสิบ เมมเบอร์ทุกคนเป็นศูนย์กลางเลยมีเวลาที่ต้องปรึกษากันเยอะมากขึ้นแล้วเราก็มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรบางอย่างด้วยตัวเองเลยทำให้สนุกมากขึ้นด้วยครับ
บ็อบ : ผมคิดว่าพวกเรายังคงอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาอยู่ เพราะงั้นเลยคิดว่าถ้าเราตัวหลักแล้วโชว์ภาพลักษณ์ที่เท่กว่าเดิมให้คนอื่นๆเห็นจะเป็นยังไง แล้วก็ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรจาก YG มากมายเลยครับ เราได้รับความช่วยเหลือมาก็มาก ผมเลยอยากเสริมว่าพวกเราในตอนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใหม่ๆก็สามารถเริ่มต้นใหม่อย่างดีได้ครับ
ดง : ไม่มีใครโน้มน้าวเป็นพิเศษหรอกครับ แต่ว่าช่วงที่จำเป็นต้องตัดสินใจ ทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันหมดเลยครับ ตอนมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเราก็สับสนเหมือนกัน แต่พวกเราก็ได้คุยกันเยอะเลยครับ ผมคิดว่าเราอยู่ด้วยกันในฐานะ iKON ได้เพราะมีความฝันเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน
จิน : ค่อยโล่งใจตรงที่เรามีความเห็นตรงกันหมดทุกคนว่า ‘อยู่กันเป็นกลุ่มเถอะ อย่าแยกจากกันเลย’ ครับ ตอนที่ต้องตัดสินใจแน่นอนว่าก็กังวลกันครับ แต่เพราะความเห็นของพวกเราไม่แตกแยกกันเลยใช้เวลาในการคิดไม่นานเลยครับ
บ็อบ : ไม่ใช่แค่พวกเรานะครับ แต่บริษัทตอนนี้ที่เป็น(ใช้คำว่ารัง)ใหม่ของพวกเราก็ต้องการให้พวกเราอยู่ด้วยกันทั้ง 6 คนด้วยครับ เพราะงั้นผมเลยคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องจะมีคนออก มีคนไปอยู่บริษัทอื่น แล้วค่อยมารวมตัวกันอีกครั้งเป็นวงตอนทำกิจกรรมด้วยกันอะไรแบบนั้นเลยครับ
ดง : แฟนๆน่าจะสงสัยในจุดนั้นมากที่สุดนะครับ อาจจะบอกไม่ได้แน่ชัดว่าทำงานไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว แต่พวกเรากำลังทำแบบไม่หยุดพักกันเลยครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่โปรโมทอัลบั้มนะครับ แต่พวกเรากำลังเตรียมกิจกรรมที่หลากหลายพร้อมกันด้วย รอกันอีกนิดนะครับ พวกเราจะไปพบทุกคนด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและหลากหลายมากขึ้นครับ
บ็อบ : แต่ละคนก็หมุนเวียนกันทำในส่วนที่แต่ละคนถนัดแล้วก็โชว์ความสามารถในฐานะโปรดิวเซอร์อยู่ครับ
ยุน : ถ้าด้านดนตรีส่วนใหญ่จะเป็นดงฮยอกกับบ็อบบี้รับผิดชอบ ด้านวิชวลพี่จินฮวานก็จะใส่ใจมากเลยครับ โดยเฉพาะดงฮยอก เขาเป็นเมมเบอร์ที่มีไอเดียเยอะมากจนเรียกได้ว่าเป็น ‘A&R ของ iKON’ ได้เลยครับ
A&R = Artists and Repertoire (ฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปิน)ฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปิน
ดง : ขอบคุณมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนสไตล์แบบว่าถ้าคิดอะไรขึ้นมาได้ก็จะพูดแบบเปิดเผยออกไปเลยทันทีล่ะมั้งครับ แล้วพวกเมมเบอร์ก็จะช่วยจัดระเบียบความคิดที่ผมพูดออกไปให้อีกทีด้วย
บ็อบ : ผมไม่มีความคิดว่าจะต้องใส่หน้ากากหรือโชว์ความเท่ที่เกินความสามารถของตัวเองเลยครับ ผมอยากโชว์ความเท่ที่มีไหวพริบซึ่งอยู่ในความสามารถที่ตัวเองมีมากกว่าภาพลักษณ์ที่ตัวเองมีครับ
ดง : พวกเราจะไปหาทุกคนด้วยอัลบั้มที่เต็มไปด้วยความสนุกและความเท่ของ iKON ที่แฟนๆจำได้ครับ (เห็นแล้วรู้เลยว่านี่แหละ iKON)
ชาน : ช่วงนี้ผมฟังเพลงที่เมมเบอร์ทำมากกว่าเพลงที่ตัวเองชอบอีกครับ อย่างที่พวกพี่ๆพูดไปก่อนหน้านี้ พวกเราต้องสามัคคีกันมากกว่าเดิมเลยต้องโฟกัสที่เพลงของพวกเราแล้วฟังบ่อยขึ้นครับ
จิน : เพลงที่เราฟังไม่เหมือนกันเลยครับ อย่างผมชอบ R&B ช่วงนี้ผมชอบ R&B ที่ปล่อยมาช่วงต้นปี 2000 แล้วก็ฟังเพลงที่เคยฟังเมื่อก่อนซ้ำๆด้วยครับ เทรนด์มันหมุนเวียนไป ผมคิดว่ายุคสมัยของเพลงพวกนั้นมันอาจจะกลับมาอีกก็ได้
จุน : ปกติเวลาเดินเล่นผมจะชอบฟังเพลงครับ ส่วนใหญ่ก็จะฟังเป็นยูทูปเซ็ตลิสต์รวมเพลงวงอินดี้
ดง : ตั้งแต่ที่โปรดิวซ์เพลง ผมก็ตั้งใจฟังเพลงเคป็อปมากกว่าเดิมครับ ก่อนหน้านี้ผมก็ลองเสิร์ชเพลงฮิพฮอพต่างชาติ R&B วงอินดี้ฟังบ้างครับ พอเริ่มฟังตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วมันก็ทำให้โฟกัสกับความรู้สึกในแต่ละยุคสมัยได้ด้วยครับ
ยุน : ช่วงนี้ผมฟังเพลง Paul Blanco, Homies แล้วก็ Sik-K บ่อยครับ ถึงผมจะไม่ได้ร้องเพลงสไตล์แบบนี้ แต่เวลาได้ฟังมันสนุกไปกับฮิพฮอพอะครับ
จิน : ยุนฮยองฮิพฮอพที่สุดในหมู่พวกเราละครับ
จิน : บ็อบบี้เทียบไม่ได้สิครับ
บ็อบ : ใช่แล้วครับ เพราะผมฟังเพลง NewJeans กับ Aespa ครับ แล้วก็ IVE, LE SSERAFILM ด้วยครับ เท่มากเลย จริงๆนะ!
ดง : ก่อนหน้านี้เราค่อนข้างทำเพลงทิ้งไว้ ถึงจะไม่รู้ว่าเพลงพวกนั้นจะได้ไปอยู่ในอัลบั้มหรือเปล่าก็ตามครับ ตอนนี้ผมพยายามทำเพลงที่สามารถนำไปใส่ในอัลบั้มใหม่ให้ได้มากที่สุดแล้วก็เป็นเพลงที่เข้ากับเมมเบอร์ได้ครับ บางทีก็มีนึกถึงเมมเบอร์แล้วก็ทำงานไปด้วยด้วยครับ
บ็อบ : ผมน่าจะเป็น 2 แบบเลยครับ ถ้าเกิดว่ามีเพลงที่อยากทำ ผมก็จะทำเพลงนั้นก่อน แล้งถ้าต้องเขียนเพลงเพื่อไอค่อนผมก็จะเริ่มตั้งใจทำตั้งแต่ตอนนั้น
จิน : เวลาเราได้เจอนักดนตรีท่านอื่นๆก็มีบางครั้งที่เขาพูดว่า ‘ถ้าร้องเพลงแนวนี้ดูสมกับเป็น iKON มากเลยนะ’ ซึ่งเพลงนั้นที่ว่าของแต่ละคนก็หลากหลายมากจริงๆ ผมคิดว่าก่อนอื่นเราก็เก็บรวบรวมแต่ละชิ้นๆไว้เป็นเหมือนข้อมูล แล้วค่อยหยิบออกมาภายหลังอารมณ์แบบ ‘เคยมีคนบอกแบบนี้ด้วยนะ’ อะไรแบบนี้ครับ
บ็อบ : พอเอาความเห็นจากคนอื่นๆมาผสมกับบุคลิกของพวกเรามันก็ออกมาสุดยอดใช่ไหมล่ะครับ นักร้องทุกคนก็เป็นแบบนั้น ได้รับความนิยมจากประชาชนด้วยแล้วก็ใส่สีสันของตัวเองเข้าไปด้วยเลยทำให้ประสบความสำเร็จไงครับ ผมว่าการที่พวกเราเอาสองสิ่งนั้นมาผสมให้เหมาะสมมันก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน
ดง : นอกเหนือจากฟีดแบค เราจะให้กำลังใจประมาณว่า ‘เท่จัง ทำงานหนักมากเลยนะ’ มากกว่าครับ
จิน : ให้คำปรึกษาแล้วก็ล้อเลียน? (หัวเราะ)
บ็อบ : แต่มีพ้อยท์อยู่นะครับ เวลาได้เห็นภาพลักษณ์อื่นนอกจากด้านดนตรีแล้วผมจะขนลุกพร้อมกับคิดว่า ‘เพื่อนคนนี้ก็มีมุมนี้เหมือนกันนะเนี่ย’ โดยเฉพาะชานอูกับจุนฮเว พอเห็นเขาแสดง ด้วยความที่สนิทกันก็ไม่คิดว่าจะมีมุมนั้น ผมก็จะคิดว่า ‘เดี๋ยวนะ ดูเล่นเป็นธรรมชาติอะไรขนาดนั้นเนี่ย?’
ยุน : ตอนฉันดูการแสดงนายฉันก็คิดแบบนั้นนะ ภาพลักษณ์นายตอนออก SHOW ME THE MONEY น่าขนลุกมากจริงๆ
บ็อบ : ถ้างั้นฉันเป็นท็อปที่เท่าไหร่ของฮิพฮอพในประเทศเกาหลี?
ยุน : เอาจริงๆสำหรับฉันบ็อบบี้คือวันท็อปนะ ไม่มีใครทำการแสดงตามบ็อบบี้ได้อีกแล้ว
ดง : เห็นด้วย! มันไม่เรื่องที่คุยกันแค่ในหมู่เมมเบอร์ด้วยนะ แต่ผมคิดว่ามันสุดยอดระดับที่สามารถครองเวทีได้เลยจริงๆอะ
ยุน : ระหว่างที่ย้ายค่าย พวกเราก็แยกออกมาอยู่คนเดียวด้วยครับ น่าจะประมาณเดือนครึ่งได้แล้ว ตอนอยู่ด้วยกันมันก็ดี แต่อารมณ์ตอนอยู่คนเดียวมันก็แตกต่างกันนะครับ มีอะไรที่ต้องใส่ใจเยอะ เพราะงั้นก็เลยรู้สึกสนุกด้วยครับ จนถึงตอนนี้ผมก็พอใจมากเลยนะครับ
ยุน : แต่ละคนก็มีช่วงเวลาต่างกันนิดนึงแต่รวมๆก็ประมาณนั้นครับ แต่มีคนเคยพูดเอาไว้นะครับ ยิ่งสนิทกันเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีระยะห่าง อาจจะเพราะแบบนั้นเลยทำให้เวลามีตารางงานแล้วต้องมารวมตัวกันหรือเวลามีประชุมแล้วได้เจอกันมันจะดีใจมากกว่าเดิมแล้วก็มีเรื่องให้พูดคุยกันได้เยอะขึ้นครับ ก่อนหน้านี้เราใกล้ชิดกันมากจนแทบไม่จำเป็นต้องทักทายอะไรกันเลยครับ
ยุน : จากที่ผมดูดงฮยอกนี่ใช้ชีวิตได้ร่ำรวยมากเลยนะครับ บ้านก็อย่างดีเลยอะ
ดง : (หัวเราะ) โอ๊ย ไม่ใช่แบบนั้นครับ สำหรับผมการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือผมมีแพทเทิร์น(การใช้ชีวิต)ของแค่ผมด้วยครับ ก่อนหน้านี้ผมใช้ชีวิตตามแพลนการใช้ชีวิตของเมมเบอร์ที่อยู่ด้วยกันอย่างถ้าใครนอนดึก ผมก็จะนอนดึกด้วย แต่ตอนนี้ผมมีรูทีนเฉพาะตัวผมแล้วครับ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆก็ตาม แต่มันจะเป็นแพทเทิร์นแบบตอนเช้าตื่นมาแล้วก็ต้องไปซื้อกาแฟ ไปเดินเล่น มีการจัดระเบียบอย่างเวลาไหนต้องทำงานหรือดำเนินงานต่อด้วยครับ
จูน : ผมเขียนกลอนบ่อยอยู่แล้วครับ กลับกันพอได้อยู่คนเดียวผมก็ได้พักผ่อนมากขึ้นครับ มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก แต่รู้สึกแปลกใหม่อยู่เหมือนกันที่เห็นตัวเองเปิดยูทูปทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวแบบเต็มที่มันแปลกแต่ก็ชอบนะครับ ตอนอยู่หอ ผมมีห้องของตัวเองก็จริง แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวไงครับ
จิน : จริงๆตอนช่วงแรกๆจุนฮเวเหงามากเลยนะครับ ตอนนี้ปรับตัวได้แล้ว แต่ช่วงแรกๆเขาขอให้ไปหาที่บ้านตัวเองบ่อยมากเลยครับ
จูน : ตอนนี้ไม่ค่อยชอบให้เมมเบอร์มาบ้านเท่าไหร่แล้วครับ เพราะขยะล้นห้องเกิน (หัวเราะ)
จิน : ผมเคยไปหมดแล้วยกเว้นบ้านชานอูครับ
ยุน : ชานอูเขาซ่อนบ้านตัวเองครับ
ดง : ใช่ครับ มีแค่ผมที่เคยไป
ชาน : ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังหาบ้านใหม่อยู่ครับเลยยังไม่ได้ชวน เร็วๆนี้ถ้าย้ายเมื่อไหร่ ทุกคนก็มาได้นะครับ เดี๋ยวผมทำของอร่อยๆให้กิน แต่กลับกันก็ต้องเอาเหล้ามาด้วยนะครับ
ยุน : พวกเราอยู่กันแบบครอบครัวมาตลอด แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะมีด้านธุรกิจบ้างแล้วครับ
ดง : ไม่ใช่ว่าพอบอกว่าแง่ธุรกิจแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์มันห่างกันนะครับ พอได้ทำงานไปเรื่อยๆมันจะมีส่วนที่ต้องสุขุมบ้าง ตอนนี้พอแยกกันอยู่มันทำให้สงสัยและต้องคอยเช็คว่าเมมเบอร์กำลังทำอะไร สถานการณ์ตอนนี้เป็นแบบไหนมากกว่าเดิมถ้าพอมีไอเดียเราก็จะประชุมกันแบบทางการด้วยครับ
ดง : ผมอยากถ่ายรายการที่โชว์ให้เห็นภาพลักษณ์ของวงหรือไม่ก็ภาพลักษณ์ส่วนตัวของเมมเบอร์แบบสบายๆครับ ถ้าโชว์ให้เห็นภาพลักษณ์ของพวกเราทั้งวันอย่างรายการ I Live Alone ไม่ก็รายการ Point of Omniscient Interfere จะออกมาเป็นยังไงนะ ถ่ายออกโทรทัศน์ก็ดี หรือจะเป็นรายการที่พวกเราทำเองด้วยก็ได้ครับ
ชาน : ผมอยากไปแสดงที่เทศกาลมหาวิทยาลัยครับ! แค่คิดก็สนุกแล้ว ผมอยากลองไปแสดงที่งานเทศกาลมหาวิทยาลัยจริงๆครับ
จิน : ผมอยากถ่ายรายการท่องเที่ยวครับ หลายปีที่ผ่านมาด้วยกิจกรรมแล้วก็โควิดเลยทำให้ไปเที่ยวไม่ได้เลย ถ้ามีโอกาสแบบนั้นก็คงดีครับ
จิน : ถ้ามีโอกาสผมก็อยากแสดงมิวสิคัลต่อไปเรื่อยๆครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเวลาจะได้หรือเปล่า ก่อนอื่นเลยหลังจากปล่อยอัลบั้ม iKON แล้วตอนนี้กำลังมีแพลนจะปล่อยอัลบั้มโซโล่ครับ ผมตั้งใจโฟกัสกับอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองอยู่
ยุน : ถึงจะยังไม่ได้แพลนอะไรเป็นรูปเป็นร่าง แต่ผมก็อยากทำรายการโทรทัศน์หรือไม่ก็ลองท้าทายแขนงอื่นๆเหมือนพี่จินฮวานรับ พอดีเลย ผมก็อยากถ่ายนิตยสาร 1st Look เดี่ยวด้วยเหมือนกันนะครับ
ดง : โอ้ ทะเยอทะยานมาก (หัวเราะ) ผมเองอยากโชว์ให้เห็นว่านอกเหนือจาก iKON แล้ว คนที่ชื่อว่าคิมดงฮยอกชอบอะไร ชอบดนตรีแบบไหนบ้างครับ ผมอยากปล่อยอัลบั้มโซโล่เหมือนกัน ถ่าย documentary ก็ดีนะครับ ผมมีความสนใจในด้านแฟชั่นด้วย ถ้าได้ถ่ายนิตยสารก็ดี อยากลองประสบการณ์หลายๆอย่าง อยากให้ทัศนวิสัยมันกว้างขึ้นครับ
บ็อบ : ผมชอบเล่นเกมมากเลยครับ อยากลองทำ Twitch ไม่ก็เกมยูทูปแบบจริงๆจังๆดูบ้าง ได้แชร์งานอดิเรกแล้วพูดคุยกับผู้คนไปด้วยน่าจะสนุกดีนะครับ หรือลองท้าทายเกมที่ผู้ติดตามแนะนำให้เล่นตั้งแต่ช่วงแรกๆก็น่าจะดีเหมือนกันครับ
ชาน : ผมคิดว่าการแสดงกับดนตรี สองประเภทนี้เป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ถึงจะแน่ใจว่ามันจะมีเสน่ห์กันทั้งคู่ก็ตาม สำหรับด้านดนตรีมันมีความสนุกในช่วงที่ได้โชว์ให้ผู้คนมากมายได้เห็นโดยตรง ส่วนด้านการแสดงมันมีความสนุกที่ได้รับจากการเก็บภาพต่างๆไว้ในวิดีโอ มันยากนะครับแต่ก็รู้สึกสนุกดี
จูน : การแสดงมันสนุกมากๆเลยครับ มันเป็นความรู้สึกสดชื่น(แปลกใหม่)จากแขนงที่เราไม่เคยลองทำมาก่อน เหมือนได้เป็นคนอื่นภายในช่วงเวลาแค่แป๊ปเดียว ถ้เอาตามวิธีของผมก็คือได้จินตนาการ วิเคราะห์ แล้วก็ได้ทำตัวให้เหมือนใครบางคน มันรู้สึกเหมือนได้หลุดจากตัวตนที่แท้จริงของผม ชอบมากเลยครับ
ดง : อิสระ เป็นคำเดียวที่ผมนึกถึงตอนนี้เลยครับ ตอนนี้เราก็พยายามแสวงหาอิสระให้มากขึ้น แล้วผมก็คิดว่าตอนนี้ที่พวกเรารวมตัวกันอยู่ก็เพื่อที่จะได้เจอแฟนๆทุกคนด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นอิสระครับ ผมคิดว่าอิสระคือสิ่งที่เราอยากแสดงให้ทุกคนเห็นครับ
บ็อบ : ผมว่า iKON เป็นวงที่มีเพื่อนๆหลายคนที่ชื่นชอบศิลปะมารวมตัวกันเพื่อศิลปะครับ อาจจะเป็น long run หรืออาจจะไม่ใช่ แต่สถานการณ์ในตอนนี้คือพวกเรากำลังโฟกัสกับสิ่งที่อยากทำอยู่ กำลังพยายามอย่างไม่สิ้นสุด แล้วก็อยากหาจุดที่อยากจะก้าวไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆอยู่เสมอครับ
กรุณานำออกไปพร้อมเครดิต
kr - th translated by saran (@biQx_)
credits to 1stlook magazine, @ran2com_, @steppanyyy
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in