ในฐานะที่เราเป็นคนไทย แน่นอนว่าการ "เม้าท์มอย" เป็นของคู่กันค่ะ หากเราลองสังเกตบทสนทนาการเล่าเรื่องของคนไทย จะเห็นได้ว่าเรื่องราวมักจะออกรสออกชาติเสมอ เพราะภาษาของเรามีคำแสลง คำอุปมาอุปไมยอะไรพวกนี้เยอะม้ากกกก แต่พอเราอยากลองเล่าเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง ทำไม๊ทำไมเรื่องราวมันกลับดูจืดชืดเหมือนแกงจืดที่วางตากแอร์ทิ้งไว้สามชั่วโมงแบบนี้ละคะซิสสสสส
บล็อกครั้งนี้เป็นการ Recap เนื้อหาจากในคาบเรียนแสนสนุก โดยจะรวมทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ้าหากลองนำไปใช้แล้วจะช่วยให้เรื่องราวที่เพื่อน ๆ เล่า
มีสีสันมากขึ้น แน่นอนค่ะ + พิเศษสุด ๆ บล็อกครั้งนี้ยังมีตัวอย่างเรื่องที่ใช้ภาษาไม่ยากและน่ารักด้วยนะ ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเล้ย
?"แค่เปลี่ยนคำ ชีวิตก็เปลี่ยน"?
หากเราอยากเล่าเรื่องเป็นภาษาญี่ปุ่นให้มีอรรถรส แน่นอนค่ะว่าสกิลที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ "ภาษาญี่ปุ่น" นั่นเองค่ะ (อ้าว แล้วอย่างนี้คนที่ไม่เก่งจะเล่าออกมาได้ไหมคะ) ไม่ต้องกังวลไปค่ะ จริง ๆ แล้วแค่การเปลี่ยนหรือเพิ่มคำนิด ๆ หน่อย ๆ เข้าไปก็จะช่วยให้เรื่องราวของเราเปลี่ยนไปอย่างมากเลยทีเดียว
Tips 1 : คำเชื่อมไม่ได้มีแค่ そして
Learn Japanese dokidokicomics (@dokidokicomics) on Instagram
ถึงแม้คำเชื่อม そして จะเป็นคำที่ง่ายและใช้ได้บ่อย แต่หากใช้มากเกินไป ก็ทำให้เรื่องราวของเราขาดความหลากหลายของคำไปได้ เหมือนการใช้คำว่า "และ...แล้วก็...และ" ซ้ำ ๆ กันนั่นแหละค่ะ นอกจากนี้คนที่ฟังยังรู้สึกว่าเรื่องราวมันช่างดูราบเรียบ monotone ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นจุดพีค ตรงไหนควรตกใจ ดังนั้นเราลองไปดูลิสต์คำเชื่อมช่วยชีวิต ที่ท่านปรมาจารย์แห่ง App Jp Ling ได้รวบรวมมากันค่ะ ไม่แน่ว่าเพื่อน ๆ อาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาแล้วก็เป็นได้
- すると (ทันใดนั้นเอง, จู่ ๆ ก็) : คำเชื่อมที่บอกถึงผล หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นอย่างทันทีทันใด
เช่น「雷が近くに落ちてドーンっと鳴った。すると、子供が泣き出した。」
(ฟ้าผ่าดัง "เปรี้ยง" ลงมาใกล้ ๆ ทันใดนั้น เด็กน้อยก็เริ่มร้องไห้ออกมา)
- そこで (ด้วยเหตุนั้นเอง, ดังนั้น) : ประโยคก่อนหน้าจะบอกถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้ประโยคต่อมาบ่งชี้ถึงการตัดสินใจลงมือทำของตัวละครนั้น
เช่น 「クマが近づいてきた。そこで、死んだふりをした。」
(เจ้าหมียักษ์เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว ด้วยเหตุนั้นเองฉันจึงตัดสินใจแกล้งตาย)
- ところが (ทว่า, ปรากฎว่า) : เป็นคำเชื่อมประเภทเดียวกับ でも しかし ที่แปลว่า "แต่" นั่นเองค่ะ แต่! คำนี้จะบอกถึงระดับที่ตกใจมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความคาดหมาย หรือต่างจากที่คิดไว้นั่นเอง มักจะใช้ตอนเรื่องถึงจุด Climax หรือตอนที่หักมุม
เช่น 「猫は魚が好きなものだ。ところが、家の猫は魚がきらいだ。」
(แมวนั้นเป็นสัตว์ที่ชอบกินปลา ทว่าแมวที่บ้านกลับไม่ชอบปลาซะอย่างงั้น)
Tips 2 : ฝึกใช้คำลงท้ายเพิ่มอารมณ์ "〜てしまう"
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องเคยได้ยินคนญี่ปุ่นชอบอุทานว่า "しまった" กันใช่ไหมคะ หากแปลเป็นไทยก็จะได้ว่า "ตายจริง แย่แล้ว" ซึ่งคำนี้นั้นยังสามารถนำไปต่อท้ายคำกริยาเพื่อบอกถึงความเสียดายได้อีกด้วย เช่น 「なくしてしまった」(ทำหายไปซะแล้ว TT)
ถึงแม้วิธีการใช้คำนี้จะไม่ยาก แต่พบว่าชาวต่างชาติที่เรียนภาษาญี่ปุ่นจะใช้คำนี้กันน้อยมากค่ะ เนื่องจากเราพูดด้วยความเคยชินของภาษาตัวเอง ซึ่งไม่มีการใช้คำต่อท้ายแบบนี้นี่เอง
Tips 3 : เล่าโดยเอามุมมองไปอยู่ที่ตัวละครนั้น "〜ていく" และ "〜てくる"
การใช้คำสองคำนี้ให้อิมเมจเหมือนกับคำว่า "ออกไป" และ "เข้ามา" ค่ะ ถ้าถามว่าสำคัญยังไง คือในภาษาไทยเราอาจจะไม่ได้เน้นการต่อท้ายคำลักษณะนี้มาก แต่ถ้าเรานำมาใช้ในการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นแล้ว จะช่วยให้ผู้ฟังเห็นภาพ ทิศทางการเคลื่อนไหว เหมือนกับเป็นตัวละครนั้นเองเลยค่ะ
เช่น 「彼女はすぐに歩いて行ってしまった。」(เธอเดินออกไปเสียแล้ว)
「知らない男が、私のほうへ走ってきた。」(ผู้ชายแปลกหน้าวิ่งเข้ามาหาฉัน)
แมวไม่เกี่ยว รูปกันว่างค่ะ
Tips 4 :ใช้คำขยายนาม คำวิเศษณ์หรือคำเลียนเสียงต่าง ๆ
คนญี่ปุ่นนั้นมักจะใช้คำขยายคำนามยาว ๆ เนื่องจากมีการเรียงลำดับประโยคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เวลาที่จะขยายลักษณะของคำนาม เช่น เด็กที่กำลังร้องไห้อยู่ ก็จะเขียนในลักษณะนี้แทนค่ะ「泣いている子供」ตรงข้ามกับภาษาไทยที่มักจะพูดไปเลยว่า "เด็กกำลังร้องไห้" การกลับคำแบบนี้ก็ช่วยให้ภาษาญี่ปุ่นของเราเป็นธรรมชาติมากขึ้นได้นั่นเอง (^^)/
「感じ」が伝わるふしぎな言葉 擬音語・擬態語ってなんだろう (ちしきのもり)
นอกจากคำขยายนามยาว ๆ แล้ว คนญี่ปุ่นยังชอบใช้คำเลียนเสียงหรือ オノマトペ มากค่ะ คำเลียนเสียงในญี่ปุ่นนั้นมีเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงสัตว์ เสียงข้าวของ เสียงบรรยากาศ เสียงการเคลื่อนไหว และอีกมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว (หากสนใจตามไปอ่านกันได้ที่
ドキドキ ตึกตักๆ คำพวกนี้คืออะไรกันนะ?)
เรื่องเล่าเช้านี้ : 森のくまさん
เอาละค่ะ หลังจากอ่าน Tips มาทั้งสี่ข้อแล้ว คิดว่าเพื่อน ๆ น่าจะเริ่มปวดหัวตุ้บ ๆ แต่จริง ๆ แล้วการนำไปใช้ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ เราลองไปดูตัวอย่างจากในนิทานเรื่อง 森のくまさん หรือ คุณหมีในป่า สั้น ๆ เพียงแค่สองนาที และลองสังเกตว่าเขาใช้ Tips ที่เราบอกกันไปบ้างหรือเปล่าดีกว่าค่ะ
Q : ทำได้หรือไม่ ช่วยผมตามหาสไวเปอร์สี่ตัวหน่อยครับ
ตัวที่ 1) คำเชื่อม
ตัวที่ 2) คำลงท้าย เพิ่มอารมณ์ "〜てしまう"
ตัวที่ 3) มุมมองตัวละคร "〜ていく" และ "〜てくる"
ตัวที่ 4) คำขยายนาม คำวิเศษณ์หรือคำเลียนเสียงต่าง ๆ
? ? ? ? ? ? ?
A : เป็นยังไงบ้างคะ หาเจอกันเยอะไหมเอ่ย เราลองไปดูเฉลยกันค่ะ (ใครแอบดูก่อนขอให้ฝันเห็นหมี)
1) คำเชื่อม
00.56 ところが くまさんが後からついてくる (ทันใดนั้นเอง คุณหมีก็ตามมาด้านหลัง)
2) คำลงท้ายเพิ่มอารมณ์ "〜てしまう" :ไม่มีจ้า
3) มุมมองตัวละคร "〜ていく" และ "〜てくる"
1.00 くまさんが後からついてくる (คุณหมีกำลังตามมาทางด้านหลังของฉัน)
4) คำขยายนาม คำวิเศษณ์หรือคำเลียนเสียงต่าง ๆ
00.24 花咲く森の道 (ทางเดินภายในป่า ที่มีดอกไม้บานอยู่รอบ ๆ )
00.40 スタコラ サッサッサ (เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว)
1.05 トコトコ トッコトッコト (เสียงเดิน)
1.21 白い貝柄の 小さなイヤリング (ต่างหูอันเล็กรูปเปลือกหอยสีขาว)
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ Tips เล็ก ๆ สี่ข้อของเรา พอจะจำได้กันบ้างรึยังเอ่ย การเล่าเรื่องถือเป็นหนึ่งในสกิลที่สำคัญค่ะ เพราะถึงจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่หากเราใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ทำให้สนุกเร้าใจลงไป เรื่องราวก็อาจออกมาคนละแบบได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเล่าเรื่องคือ "อารมณ์ร่วม" นั่นเองค่ะ เพื่อให้เรื่องราวของเรามีมิติ และให้ผู้ฟังเหมือนได้เข้าไปในนั้นจริง ๆ นั่นเอง หากใครยังไม่จุใจ และสนใจวิธีการเล่าเรื่องสนุก ๆ แบบนี้อีกสามารถเข้าไปอ่านบล็อกของเพื่อนเราที่อธิบายถึงลำดับการเล่าเรื่องที่ดีไว้อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายม้าก ในบล็อกนี้ได้เลยค่ะ >>>
Storytelling ① : การเล่าเรื่องที่ดี // ขายของ
ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้า จะรีบมาอัพนะคะ อันย๊องคุมะะะะะะะะะ ?
อ้างอิง
หนังสือ 「感じ」が伝わるふしぎな言葉 擬音語・擬態語ってなんだろう (ちしきのもり)
https://www.amazon.co.jp/%E3%80%8C%E6%84%9F%E3%81%98%E3%80%8D%E3%81%8C%E4%BC%9D%E3%82%8F%E3%82%8B%E3%81%B5%E3%81%97%E3%81%8E%E3%81%AA%E8%A8%80%E8%91%89-%E6%93%AC%E9%9F%B3%E8%AA%9E%E3%83%BB%E6%93%AC%E6%85%8B%E8%AA%9E%E3%81%A3%E3%81%A6%E3%81%AA%E3%82%93%E3%81%A0%E3%82%8D%E3%81%86-%E3%81%A1%E3%81%97%E3%81%8D%E3%81%AE%E3%82%82%E3%82%8A-%E4%BD%90%E8%97%A4-%E6%9C%89%E7%B4%80/dp/4879816582
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in