เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
( sf ) ; puppyttecha_
puppy ; vol.1 ( rewrite )


  • .


    “Jeno”  

     

    “What?”

     

    ไปไหน

     

    “School”

     

    บทสนทนานี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่เจโน่ขึ้นมหาวิทยาลัยมาจนตอนนี้ปีสอง ก็คงจะอาทิตย์ละสักสองสามครั้งได้ที่ต้องตอบคำว่า โรงเรียน ออกไป 

     

              นอกจากสองสามวันต่ออาทิตย์ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไป เพียงแต่แฮชานไม่ได้ถามก็เท่านั้น

     

    แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงมัธยม คำตอบของเขาเมื่อสามปีก่อนคงเป็น B10 ตามด้วย B11 และ B12 ในปีต่อมา

     

    “Of course, where else would YOU go.” แฮชานกรอกตาด้วยความระอา ก่อนจะหันหลังเดินออกไปพลางโบกมือลา อาจจะดูเหมือนไม่สนใจกันเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเพื่อนสนิทรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไปทำอะไรต่อต่างหาก

     

                .

     

                .

     

                .

     

     

    “G” 

     

                เฮ้ย!” ยังไม่ทันที่จีซองจะได้หันไปตามเสียงเรียก แขนของเพื่อนตัวเล็กก็กระแทกลงบนบ่าเสียก่อน

     

                “What the heck, Injun?” เด็กชายตัวสูงโวยวายก่อนจะดันแขนอีกคนออก แต่ก็โดนรั้งคอให้ก้มลงไปหาอีกฝ่ายที่ป้องปากจ่อที่หูของเขาเรียบร้อย

     

                “Tell you what, there’s a sad puppy at the gate.” จีซองเผลอเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่พอรู้ตัวก็กลับมาคุมท่าทางของตัวเองทันที “C’mon Park, enough with that poker face. I can see your tail wagging.” 

     

                “Shut the bloody hell up.” ตาคมกวาดมองไปถึงรั้วโรงเรียนด้านหน้าจนปะเข้ากับเจ้า ‘ลูกหมา ที่เพื่อนสนิทพูดถึง เรือนผมสีน้ำตาลที่สะท้อนเปลวแดดอ่อน ๆ ในช่วงเย็นยิ่งขับให้ใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวน่ามอง 

     

    อืม 

     

    จีซองเป็นคนปากแข็ง ถึงในใจจะกรีดร้องออกมาว่า น่ารัก ไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้วก็ตาม 

     

    ความจริงแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดสามปี

     

    สามปีที่รุ่นพี่อย่าง เจโน่ ลี ตามมาเฝ้ากันไม่หยุดหย่อน 

     

    .

     

    .

     

                3 years ago

     

                จีซองย้ายจากประเทศอังกฤษกลับมาที่เกาหลี เข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติชั้นนำแห่งหนึ่งกลางกรุงโซล โชคดีที่โรงเรียนเป็นระบบบริทิชเหมือนเดิมเขาจึงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก

     

               เขาถูกจัดให้อยู่บ้านที่ชื่อว่า Byron ที่ถูกตั้งชื่อตามนักกวีชื่อดังอย่าง Lord Byron 

     

                วันแรกของเขาผ่านไปด้วยการแนะนำตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าและการจดจำชื่อเพื่อนใหม่และคุณครู

     

               จนเลิกเรียน จีซองจึงตามเพื่อน ๆ กลับไปเก็บของที่ล็อคเกอร์ในห้องติวเตอร์ของตัวเอง เปิดประตูออกจากห้องมาก็มีคนที่ไม่คุ้นหน้ายืนอยู่แล้ว 

     

               คนตรงหน้าตัวสูงกว่าเขาสักหน่อย ใบหน้าเหมือนหมาพันธุ์อะไรสักอย่างที่จีซองเคยเห็นบ่อย ๆ แต่นึกชื่อไม่ออก เนคไทด์ที่มีสัญลักษณ์รูปสิงโตต่างจากนักเรียนซิกส์ฟอร์มคนอื่น บ่งบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกพรีเฟ็ค 

     

               จีซองหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างพิจรณา 

     

    ทำไมไม่พูด ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะมายืนดักทำไมกัน

     

    “Are you Jisung? Our new guy?” 

     

    ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่า แต่เจ้าเด็กคนนี้เดินออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้าย แถมเขาก็มั่นใจว่าตัวเองรู้จักรุ่นน้องเยอะพอสมควร อย่างน้อยก็น่าจะเคยผ่านตามาบ้างถ้าไม่ใช่เด็กใหม่

     

    เจโน่ยกมือขึ้นทักทายเด็กคนเดียวที่เขารู้สึกไม่คุ้นหน้า 

     

     

    “If you’re looking for Park Jisung, then yes.” เด็กน้อยคนนั้นจับสายกระเป๋าแบ็คแพ็คทั้งสองข้าง เงยหน้ามองเขาอย่างไม่ลดละ หน้าตาดื้อ ๆ ทำให้เจโน่อยากจะลองดึงจมูกรั้นนั่นดูสักที

     

    “Well, uh, I’m Jeno Lee from B12. I’ll be taking care of you from now on.”

     

    “Uh, why? If I may ask, of course.” จีซองรีบเติมประโยคที่สองเมื่อรู้ตัวว่าการถามออกไปแบบนั้นคงหยาบคายน่าดู แต่เจ้าคนตรงหน้ากลับหัวเราะกับความร้อนรนเล็ก ๆ ของเขา

     

    วินาทีนั้นจีซองถึงเห็น ว่า เจโน่ ลี คนนี้ มีตาที่ยิ้มได้

     

    For some reason those eyes make his smile so bright, 

     

    brighter than anyone he ever met in his 16 years of living. 

     

    “Because you’re a newbie, and I’m your deputy house captain.” 

     

    “I see.”

     

    “So, I heard that you live around here, …”

     

    And that very second the boy realized, 

     

    “…would you mind if I walk you home?”

     

    that his heart just throbbed at this smiley face. 

     

    “Not at all”

     

    วันนั้น สิ่งแรกที่จีซองทำหลังจากถึงบ้าน คือเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาแล้วเสิร์ชว่า ‘big white furry dog breed’

     

    แล้วก็จำมาตลอดว่าเจโน่หน้าเหมือนหมาซามอยด์

     

    And Samoyed is the cutest dog breed in the world.

     

    Don’t you dare arguing against that. 

     


    .


    .


    .

     

     

     

    นึกกลับไปแล้วตอนนั้นเขายังตัวเตี้ยกว่าเจโน่อยู่นิดหน่อย จนตอนนี้สูงแซงอีกฝ่ายขึ้นมาเกือบครึ่งคืบ

     

    คนที่ถูกมอบหมายให้ดูแลเขาตั้งแต่วันนั้นก็กลายเป็นไม่ใช่แฟน แต่เอาเป็นว่ากลับบ้านด้วยกันทุกวัน 

     

    ความจริงจีซองก็คิดว่าเป็นเขามากกว่าที่ดูแลเจโน่ เพียงแต่ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าเป็นฝ่ายดูแลเขามาตลอดก็เท่านั้น

     

              คนเขาก็อุตส่าห์รีบวิ่งมาบอก เดี๋ยวไม่เห็นแล้วมารู้ทีหลังก็โวยวายอีก อินจุนมุ่ยหน้า

     

                “ยูกลับบ้านไปได้แล้วไป พอคนตรงหน้ารั้วเงยขึ้นมาจากเท้าที่กำลังเขี่ยพื้นเล่น จีซองก็เอ่ยไล่แล้วดันเพื่อนสนิทที่ดูจะอยู่ใกล้กันเกินควรให้ออกให้ไกลตัวทันที 

     

                เออ ๆ ไปแล้ว—see ya” เพื่อนตัวเล็กเบะปากใส่เขาก่อนจะเดินนำออกไป ผ่านหน้าประตูรั้วก็ไม่วายทักทายเจ้าหมาที่กำลังทำหน้าหงอยเหมือนซามอยด์หูตก จีซองแอบคิดไม่ได้ว่าถ้ายกรูปเจ้าจินเจอร์ ลูกหมาตัวขาวที่กำลังรอเขากลับบ้านขึ้นมาเทียบ ก็คงเหมือนเจโน่ในตอนนี้ไม่มีผิด 

     

                คิดอะไรกัน 

     

                จีซองไม่ได้เลี้ยงหมาเพราะมันเหมือนเจโน่ 

     

              ไม่ได้เลี้ยงหมาเพราะคิดถึงเจโน่ด้วย 

     

               ซื้อมาเพราะมันน่ารักต่างหาก 

     

               จนอินจุนเดินไปลับตาแล้วจีซองเพิ่งจะออกมาถึงหน้าประตู แต่เจโน่ก็ไม่เคยว่าอะไร ถึงแม้เขาจะก้าวช้าเหมือนเดินจงกลมเพียงเพราะไม่อยากดูกระตือรือร้นจะเจออีกฝ่ายมากเกินไปก็ตาม

     

                 “Hi.” คนยืนรอยกมือขึ้นทักทาย ตาทั้งสองข้างยกยิ้มตามริมฝีปากอย่างน่าเอ็นดู แต่จีซองกลับจงใจไม่ยิ้มตอบ แถมมือทั้งสองข้างยังสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ไม่แปลกเลยที่โดนเพื่อนหาว่าขี้เก๊กเอาบ่อย ๆ 

     

              แต่ช่วยไม่ได้ 

     

     พอเขาทำเย็นชาทีไร เจโน่ก็จะชอบทำหน้าตางอแง 

     

              And he’s effing-adorable

     

              มาไม่เคยบอกเลย

     

              ก็ยูเคยตอบแชทเราที่ไหน เจโน่ย่นจมูกใส่คนเด็กกว่า

     

              ก็เรียน จีซองอยากถามว่า แล้วบอกเฉย ๆ ไม่ได้หรือ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ความเฉยชาทำให้ใบหน้าอารมณ์ดีของอีกฝ่ายเริ่มจะจืดลง แต่ก็เปลี่ยนหน้าเหวอเมื่อเด็กตัวสูงข้างหน้าดึงกระเป๋าอุปกรณ์ศิลปะของเขาไปถือไม่บอกไม่กล่าว

     

                ไม่ต้องถื—”      

     

                “Let’s go home” ยังไม่ทันที่เจโน่จะได้แย้ง จีซองก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน มือใหญ่กระชับกระเป๋าทั้งสองใบในมือก่อนจะเริ่มออกเดิน

     

                “You’re always like this, G.”

     

    ยิ้มแล้ว จีซองคิดในใจ

     

    เจโน่แทรกมือขึ้นเกาะแขนคนเด็กกว่า จีซองไม่ได้ว่าอะไร แถมกลับเป็นเขาเองที่ต้องกลั้นยิ้มเมื่อเผลอหันไปเจอกับใบหน้าร่าเริงของอีกฝ่ายเข้า

     

    ยิ้มเก่ง 

     

    น่ารักเก่งจนน่าตี

     

    “I drew too much today. My hands are all sore.” เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน คนตัวขาวมักจะมีเรื่องมาพูดเจื้อยแจ้วให้ฟัง จะว่าจีซองเป็นไดอารี่ที่เจโน่แวะมาเขียนทุกวันก็คงไม่ผิดนัก ถึงแม้ส่วนมากจีซองจะไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากรับฟังกับยอมให้อีกฝ่ายเกาะแขนไว้อย่างนี้ก็ตาม

     

     

    เราวาดมาตั้งแต่ต้นคาบ I was about to hand it in, but literally seconds before I stand up, Haechan just had to bumped into me and my hand slipped. Then tada, a big fat line right on my masterpiece. I was so, so pissed off.” เจโน่หายใจฟึดฟัด หัวทุยก้มลงซบที่ไหล่ของเขา ลำบากจีซองที่เผลอหลุบตาลงมองอีกคนต้องพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองยิ้มกว้างจนเกินไป

     

    มองจากตรงนี้ยังเห็นแก้มขาวที่พองออกมา แล้วเขาจะไม่เอ็นดูยังไงไหว 

     

    “what did you do then?”

     

    “What else could I do other than erase it? But yeah, I was glaring at him all day.”

     

    งอแงนัก คนถูกว่าหน้างออย่างที่จีซองคิด ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดต่อ 

     

    มันน่าหงุดหงิดนี่นา วันนี้เมทก็กลับบ้าน ไม่มีคนซื้อข้าวกลับมาให้แก้เซ็งเลย

     

    ทำไมไม่ไปซื้อเอง

     

    “Too far, ร้านที่อยากกินอยู่อีกฝั่งของม.เลย

     

    อยากกินอะไร

     

    “Remember that tonkatsu shop I showed you last week?”

     

    “Kinda” จีซองหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นตาใสวาวขึ้นกับคำตอบของเขา 

     

    “Yeah, that one.”

     

    “If it’s far then make them deliver it.”

     

    “You mean Grab? Nah, it’s always better eaten at the shop”

     

    “Well, if you say so.”

     

    จีซองมองถนนข้างหน้า หอของเจโน่อยู่ไม่ไกลแล้ว

     

    “Hey” เจโน่เรียก

     

    “What?”

     

    “It’s Friday.”

     

    “What about it?” ถึงคำถามจะไร้เยื่อใยเหมือนเดิม แต่เมื่อรู้อยู่แล้วว่าคนพี่จะถามออะไร การคุมตัวเองให้ตีหน้านิ่งกลับยากขึ้นเป็นเท่าตัว 

     

    “You can like, you know, stay and chill for a while.”

     

    เหงาหรือไง

     

    ไม่ได้หรือไงเล่า

     

    “I was just asking.” จบประโยคพวกเขาก็มาถึงหน้าหอพอดี เจโน่จึงผละตัวเองออกแล้วแบมือขอกระเป๋าจากอีกฝ่าย

     

    กลับดี ๆ แล้วกัน ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มกลับมาเง้างอนอีกครั้ง ถึงตอนนี้กลั้นยิ้มก็เกินความสามารถแล้ว จีซองยีหัวอีกฝ่ายจนไม่เป็นทรง ก่อนจะคว้ามือขาวมาจับไว้เสียเอง 

     

    นี่!”

     

    คนน่ารักโวยวายเสียงดังเมื่อถูกดึงให้เดินตาม แต่จีซองก็เพียงแต่หันไปยิ้มตอบเท่านั้น

     

    “I haven’t said I’m leaving, have I?”

     

     


    tbc.




    * effing = fu_king



    แหะ มารีไรท์ใหม่นะคะ ไม่ได้เปลี่ยนมากแต่ก็มีเพิ่มเติมนิดหน่อย ขอบคุณทุกคนมากๆที่สละเวลาเข้ามาอ่านใหม่นะคะ ;—;


    ps. สำหรับใครที่งงเรื่องห้องเรียนน้อง โรงเรียนที่ทั้งสองคนเรียนอยู่เป็นโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษ ปัจจุบันน้องจีซองอยู่ปีโตสุดคือ year 13 / ม.6 ส่วนเจโน่เรียนสถาปัตย์ปีสองนะคะ


    ส่วนในพาร์ท flash back ตำแหน่งต่าง ๆ ของเจโน่มี prefect/พรีเฟ็ค ก็คือคล้าย ๆ สภานักเรียนอย่างที่เรารู้จักกัน ส่วน deputy house captain ก็คือรองกัปตันของบ้านนี่เองค่ะ เป็นมันสองอย่างเลยพ่อเด็กกิจกรรม


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in