ช่วงฝึกงานแรกๆ แม่ถามว่า ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างชีวิตฝึกงานกับชีวิตมหาลัย?
เราตอบอย่างไ่ม่คิดเลยว่าชีวิตฝึกงาน เพราะเรารู้สึกว่าระดับความเครียดของเราช่วงมหาลัยสูงกว่ามาก เราไม่ชอบการต้องมานั่งพะว้าพะวงเรื่องการบ้าน เอ๊ะ..วิชานี้มีงานมั้ย เอ๊ะ..รายงานส่งวันไหน เอ๊ะ..ควิซวันจันทร์นี้พร้อมหรือยัง?
เพราะเราเป็นคนเครียดเรื่องเกรดมากๆ เราเลยบอกแม่ว่าเราชอบชีวิตฝึกงานมากกว่าเพราะมันไม่มีการบ้าน อีกอย่าง..เราไม่จำเป็นต้องเครียดเพราะคณะเราไม่บังคับฝึกงานอยู่แล้ว เราแค่มาทำเอาประสบการณ์เท่านั้น
แต่นี่เราเองก็ฝึกมาได้เดือนกว่าแล้ว หากแม่มาถามอีกครั้งเราคงตอบไปว่าชีวิตมหาลัย แม้ชีวิตฝึกงานจะไม่ได้เครียดขนาดนั้นและไม่มีการบ้าน แต่มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเสียเวลาชีวิตและไม่มีอิสระ
เราต้องอยู่บริษัททั้งวัน จะออกไปข้างนอกก็แค่ช่วงพักเที่ยง กว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไปหกโมง กลับไปถึงห้องก็ไม่อยากทำอะไรแล้วนอกจากกินกับนอน
ต่างจากไลฟ์สไตล์มหาลัยที่บางวันเรียนเช้า บางวันเรียนบ่าย และถึงแม้จะเรียนเต็มวันก็ยังเลิกไม่เกินสี่โมง หลังเลิกเรียนเรายังมีเวลาไปเข้าฟิตเนสบ้าง ดูหนังกับเพื่อนบ้าง ทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง คาบไหนไม่อยากตั้งใจเรียนก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น คาบไหนง่วงก็หลับหลังห้อง คาบไหนอาจารย์ไม่เช็คชื่อก็ชิ่ง (อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)
แต่กับชีวิตทำงานเราทำแบบนั้นไม่ได้ ความรับผิดชอบมันต่างกัน เราจะโดดงานไม่ได้ เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรัวๆไม่ได้ และที่สำคัญเราหลับไม่ได้ (อันนี้เศร้ามาก เกือบหลับในที่ประชุมหลายต่อหลายครั้ง)
ที่เศร้าที่สุดคือ..เราไม่มีเวลาไปเข้าฟิตเนส!!!!!! (ขอกรีดร้องดังๆนะคะแม่)
ช่วงเปิดเทอมเราเข้าฟิตเนสแทบทุกวันเพราะเรากำลังลดความอ้วนจนเราลดได้ประมาณหกโล แต่พอมาฝึกงานเราไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย ปริมาณอาหารที่กินก็มากขึ้นเพราะเวลานั่งเฉยๆมันก็ชอบหยิบนั่นจับนี่มาเข้าปากตลอด
ผลลัพธ์คือ...อ้วนขึ้นมาสองโล ;-;
แม้ชีวิตฝึกงานจะน่าตื่นเต้นและสนุกแค่ไหนแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้องคิดถึงคลาสเต้นซุมบ้าวันพฤหัสมากๆ และคิดถึงชีวิตมหาลัยมากๆเช่นกัน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in