เปิดประสบการณ์การเป็นเด็กฝึกงานบริษัทแฟชั่นชื่อดัง (รึเปล่านะ?)
VIDEO
ใครที่ดูคลิปนี้อาจจะรู้สึกคุ้นๆกันอยู่บ้าง หรือไม่ก็เคยเห็นผ่านตากันมาผ่านทางเฟสบุ๊คหรือช่องทางอื่นๆ
(แน่นอนสิ บริษัทเขาจ่ายค่าจ้าง influencer กับค่าโฆษณาไปแพงมากเลยนะแก)
ก่อนที่จะเข้าเรื่องฝึกงาน ขอเกริ่นและเล่าเรื่องบริษัทก่อนนิดนึงเนอะ
Pomelo เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงที่ขายเฉพาะออนไลน์เท่านั้น แรกๆเริ่มจากการไปรับเสื้อผ้าจากเกาหลีมาขายจนกระทั่งแบรนด์ขยายใหญ่ขึ้น มีงบประมาณพอที่จะจ้างดีไซน์เนอร์และผลิตเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งตอนนี้บริษัทเพิ่งมีอายุเพียงสี่ปีเท่านั้นนะจ๊ะ
บางคนอาจไม่รู้ว่า Pomelo แปลว่าอะไร...จะบอกให้ก็ได้ว่า มันแปลว่าส้มโอ! ที่ใช้ชื่อนี้เพราะส้มโอเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานซึ่งเหมาะกับลุคของแบรนด์เพราะแบรนด์นั้นเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งในไทยและต้องการตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บวกกับสไตล์เสื้อผ้าที่เปรี้ยวอมหวานนั่นเอง (CEO เขาบอกมาแบบนี้)
***
ทั้งนี้ทั้งนั้น...ด้วยความที่หลงใหลในแฟชั่นและบวกกับการเป็นคนชอบเขียน เราเลยตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้าฝึกงานที่นี้ในตำแหน่ง Editorial Marketing Intern - English (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Content Marketing Intern แล้วเรียบร้อย)
ใน Job Description บอกว่าเราจะได้เขียนอธิบายสินค้า ได้ร่วมเขียนโฆษณาแคมเปญต่างๆ พูดง่ายๆคือเข้าไปเขียนสิ่งดีๆให้แบรนด์เขาขายได้นั่นแหละ จบแยก
ซึ่งในตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า "ว้าววววว โคตรคูลลลลล..นี่แหละคือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝัน ฉันจะต้องทำได้ดีแน่ๆ นี่มันแนวทางของฉันชัดๆ" (ไม่ได้เล่นใหญ่ คิดแบบนี้จริงๆ)
เรายื่นใบสมัครไปสามที่ BK Magazine, Unilever, แล้วก็ที่ Pomelo โดยที่หวังไว้ว่าจะได้ที่นี่เพราะอยากฝึกงานที่นี่ที่สุด
แต่ชีวิตฝึกงานนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะแค่สัมภาษณ์ก็เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็นแล้วโว้ย!
ในวันสัมภาษณ์ ทันทีที่ขึ้นลิฟต์มาถึงออฟฟิศ...ตาเถร! ทำไมคนมันเยอะแบบนี้วะเนี่ย?
สรุปวันนั้นมีนักศึกษาไปสัมภาษณ์ฝึกงานประมาณ40คนได้ และเมื่อมองไปที่หน้าอกด้านขวาก็พบว่าเป็นเข็มกลัดพระเกี้ยวเกือบทุกคน ตู้หูว นี่มัน CU First Date รึเปล่า?
พอถามไถ่เพื่อนๆคนอื่นก็ได้ใจความว่าทุกคนมาจากคณะบริหาร/บัญชี/เศรษฐศาสตร์ เราเลยได้แต่ถามตัวเองในใจว่า "แล้วเด็กอักษรแบบกูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ?" และเพราะไม่มีประสบการณ์ด้านการตลาดเลย ตอนนั้นเลยคิดว่ายังไงก็นกแน่ๆ ไปทำBK Magazineก็ได้วะโถ่
เราต้องสัมภาษณ์สองครั้ง กับหัวหน้าแผนก content marketing ครั้งหนึ่งแล้วก็กับพี่ที่คุม content ภาษาไทยอีกครั้งหนึ่ง ตอนสัมภาษณ์ก็รู้สึกว่าไม่ได้โหดอะไร พี่ๆเป็นกันเองและน่ารักทุกคนแถมยังดูอยากได้เราเข้าฝึกงานมากๆ มันก็จะมีความหวังขึ้นมาหน่อยๆ
แต่!!! พี่ที่คุมคอนเท้นภาษาไทยบอกกับเราว่าถ้ารับเราเข้าทำงาน อยากให้เราเข้ามาช่วยก่อนปิดเทอมซักอาทิตย์ละครั้งได้ไหม เพราะตอนนี้ขาดคนเขียนคอนเท้นภาษาไทยเอามากๆ (มีพี่เขาคนเดียว) เราก็งงว่า.."เอ๊ะ กูอักษรอินเตอร์ แต่จะโดนจ้างเข้ามาเขียนภาษาไทยจริงๆเหรอวะ กูสมัครภาษาอังกฤษไปเอ่าะ"
แต่ด้วยความที่เราอยากเข้าทำงานที่นี่มาก..เราเลยตอบตกลงไป
สรุปสั้นๆ เราได้ที่BK นกยูนิลิเวอร์ แล้วก็ได้ที่นี่ตามที่หวังไว้ :-)
(และแล้วชีวิตฝึกงานของเราก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอม อีผี)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in