นิโคติน (น.) ของเหลวข้น มีจุดเดือด เป็นพิษอย่างแรง
แอลกอฮอล์เริ่มซึมเข้าเลือดผมช้า ๆหลังจากผมกระแทกบรั่นดีเข้าไปไม่ยั้งเพราะคำยุยงจากเพื่อนร่วมโต๊ะ วันนี้เป็นวันธรรมดาดีๆ วันหนึ่ง เรารวมตัวกันระบายทุกข์หลังเลิกงานในถิ่นประจำท่ามกลางพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร แต่บรรยากาศของร้านร่ำสุราแห่งนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนอนที่บ้าน ต่างแค่มีเพื่อน มีสาว ๆ ให้ได้มองและคนวัยใกล้เคียงรายล้อม ดนตรีอะคูสติกคลอทำนองเบาๆ พาให้บทสนทนาลื่นไหล
แล้วหนังตาครึ่งตื่นครึ่งลืมของผมก็พลันเหลือบไปเห็นสาวร่างบาง สีผิวค่อนเหลือง ผมหยิกเป็นลอนน้ำตาลอ่อน กำลังเอามือป้องปากหัวเราะร่วน เสียงใส ๆ ปนแววตาที่ดูบริสุทธิ์ ช่างน่ารัก น่ามองเสียจริง
“ชอบก็จัดดิ” ผมไม่นึกว่าจะมีใครดูอาการผมตอนนี้ออกหรอกนอกจากหมอ ครับ หมอจริง ๆ
“ไอทศ” เพื่อนซี้โรงพยาบาล หนุ่มหน้าตี๋ สูงโปร่ง มาดยียวน เราสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม จนกระทั่งกำลังเข้าวัยกลางคนกันแล้ว ใคร ๆ ก็ว่าไอสองตัวบาทนี้เดี๋ยวได้หาพวกมารุมตีกันจนเลือดนองสักวันเพราะด้วยสันดานผมกับมันที่ต่างกันมาก และยินดีอย่างยิ่งที่พวกเขาคิดผิด
“มึงนี่แม่ง ตามกูทันอีกแล้ว”ผมพูดพลางส่ายหัวเบา ๆ
“โถ กูใคร น่ะ ถ้ามึงไม่เอา กูพุ่งนะ”
“เย็นไว้ไอชาย ขอเวลากูเดี๋ยว”
แม้จะสวมกางเกงยีนส์ คลุมด้วยเสื้อยืดขนาดใหญ่กว่าตัวเธอมากนักแต่นั่นไม่ได้ลดเสน่ห์เธอลงไปได้เลย ซ้ำยังทำให้ผมสนใจเธอมากกว่าเดิมเพราะเธอไม่เหมือนใคร
“เดี๋ยวกูมา” ผมลุกขึ้นพรวดแต่ลืมไปว่าสัมปชัญญะตนไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
“เอา ๆ ๆ ล้มแล้วมึง ไหวป่าววะ”
“กูแสดงเว้ย” อันที่จริงผมก็ดื่มไปหนักพอควร จึงต้องค่อย ๆขยับร่างกายช้า ๆ ให้มันรู้ตัวเองหน่อย
ว่ากำลังจะลงสนาม ไม่ทันได้หยิบรองเท้าสตั๊ด ดันมีโค้ชโผล่มากลางวง เหมือนเขาชูใบแดงให้ผมอย่างจังว่า เฮ้ย มึงไม่ต้องลงมา
“มารับแล้ว กลับบ้านกัน” เธอยิ้มพยักหน้ารับ โบกมือให้เพื่อน ก่อนจะเอะใจ หันมามองผมช้า ๆ
คงจริงอย่างที่นักจิตวิทยาเขาบอกกันว่า หากมีใครสักคนกำลังจ้องเรานาน ๆ เราจะรู้ตัวได้อัตโนมัติ แต่ผมคงหมดหวัง ไม่ได้ชมโฉมเธอในคืนนี้
“เข้าห้องน้ำก่อนนะ” เธอผละตัวออกจากวง ก่อนจะเลี้ยวไปตามทางเดิน สายตาคู่นั้นคล้ายชำเลืองมาที่ผมแล้วยิ้มกระชากเข้าให้ ถ้าเดาไม่ผิด นั่นเป็นสัญญาณเชิญชวน เข้ามาในถ้ำฉันสิ
แล้วผมจะไปรอช้าอะไร โค้ชที่เห็นนั่นอาจจะเป็นผู้เล่นเหมือนอย่างผมก็ได้
ผมเดินไปจนถึงทางด้านหลัง เธอนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่อยู่ ควันจาง ๆ ค่อย ๆ ลอยออกจากริมฝีปากเล็ก ๆ
“มีไฟแช็กมั้ยครับ" ประโยคในหนังน้ำเน่าที่ไม่น่าหลุดออกมาดันเป็นความไม่น่าประทับใจแรกที่ผมนึกออกแท้ ๆ
เธอหัวเราะเบา ๆ แล้วยื่นให้
“มาร์โบโลสีนี้ เป็นไงคะ” เธอจับจ้องด้วยความใคร่รู้ ระหว่างที่ผมกำลังย้ายมวนเข้าปอด
เรากำลังนั่งข้างกันบนม้าหินอ่อนตัวเล็ก รอบ ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอยู่เลย เงียบสงัด มีเพียงเสียงหัวใจผมที่เต้นรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก ผมว่าผมก็เชี่ยวประสบการณ์พอควร ทำไมกับเธอคนนี้ ผมถึงได้รู้สึกเหมือนเจอสาวในวัยแตกหนุ่มอย่างไงอย่างงั้น
ก่อนไฟถูกจุด เธอคาบสีขาวครึ่งท่อนจากผมไป
“ถ้าดีจริง ขอลองหน่อย” เธอจับคอผมลูบเบา ๆ แล้วจูบช้า ๆ
บุหรี่มวนนั้นไม่น่าเสียดายแม้ถูกขโมย
“ดีจริง ๆ ด้วยเนอะ" ผมกำลังเข้าถ้ำ ดูแล้วจะเป็นถ้ำเสือเสียด้วย
เธอยิ้มหยิ่ม
“เมาหรือเปล่าเนี่ย ฟุ้งเชียว”
“ก็..นิดหน่อยมั้ง”
เจ้าตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นช้า ๆ ดับขี้เถ้าในถังโลหะแล้วยื่นมวนบุหรี่เดิมคืนผม
“จะไปแล้วเหรอ”
“ถ้าอยากเจออีก ก็มาที่นี่อีกสิ”
เหมือนเธอจะรู้ว่าผมอยากได้ยินคำตอบอะไร
ประตูบานไม้หลังร้านถูกปิดลง ผมเหม่อค้างอยู่พักหนึ่ง ราวเมื่อครู่เป็นเพียงฝัน พอตื่นขึ้น ผมก็รีบหมุนตัวกลับไปในร้าน แต่เธอหายไปเสียแล้ว ผมมั่นใจว่านับจากนี้ผมจะมาที่นี่อีกบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะต้องปลดทุกข์กับเพื่อนเท่านั้น แต่เธอคือหนึ่งในปรารถนาที่ทำให้ผมอยากจะมาอีก
จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน ผมไม่ได้เฝ้ารอแค่เพียงชั่วครู่ ผมเจอเธอเมื่อมกรา
จนตอนนี้เข้าฤดูฝนในมิถุนา แม้ผมจะมา ผมก็ยังคงไม่ได้พบเธอ และคงไม่ได้พบเธออีกแล้ว
เธอไม่ได้มีนิยามเป็นเพียงน้ำเมาหรือบุหรี่ แต่เธอเป็นสารเสพติด ที่ทำให้ผมอยากเสพซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมจะทำอะไรได้ ชื่อเธอผมก็ไม่รู้ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย
รู้เพียงเธอบอกให้มาที่นี่อีก ผมจึงมา
ผมมันคงเป็นเพียงบุหรี่ ที่เธอแวะมาสูบชั่วคราว ควันจึงจางไปตามเวลาเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in