เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Nice n' NiteMister Tok
#แปลเพลง I Still Haven’t Found What I’m Looking For - U2 / อันเนื่องมาจาก…Sing 2 ร้องจริง เสียงจริง 2



  • #ผมเองรีวิวแบบพยายามไม่สปอยล์จนถึงที่สุดแล้ว 


    “ผมเป็นแฟนหนังการ์ตูนค่าย Illumination ครับ

    (ที่เจ้ามินเนี่ยนจะมาออกแขกผู้ชม

    เหมือนเจ้าโคมไฟพิกซาร์ที่เราคุ้นเคยนั่นแหละ

    แค่ไม่ซ้ำแพทเทิร์นในทุก ๆ เรื่อง

    และอมยิ้มไปกับเจ้าสิ่งมีชีวิตสีเหลืองตัวนี้)”


    จุดขายของหนังค่ายนี้

    คือเนื้อหาที่ดูเพลิน ตัวละครน่ารัก

    และได้กำไรเป็นร้อยล้านเหรียญ

    จากทุนสร้างหลักสิบล้านเหรียญ “ทุกเรื่อง”

    บางเรื่องทะลุพันล้านเหรียญก็มีเลย


    แต่จะมีหนังเรื่องไหน

    ที่ทำให้คอเพลงอย่างผม

    รู้สึกใจฟูขึ้นมาเหมือนกับเรื่องนี้


    “Sing ร้องจริง เสียงจริง”


    จากภาคแรกที่ฉายปี 2559

    ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

    ที่สัตว์แต่ละตัวต่างมีความฝันยิ่งใหญ่

    โดยมีการประกวดร้องเพลงชิงเงินแสนเป็นเดิมพัน

    ซึ่งมีเจ้าโคอาล่าเจ้าของโรงละคร

    เป็นโต้โผใหญ่ของเรื่องนี้


    ด้วยตอนนั้นกับวัย 18 และกำลังจะมีที่เรียนแล้ว

    ความรู้สึกที่ดูสดในโรง

    ในวันสิ้นปี 59 ครั้งนั้น

    มันอิ่มเอมใจมาก และชัดเจนตลอดมา

    คือเพลงที่ผมคุ้นหูและชอบฟัง

    ปรากฏมาให้เราได้ยลยิน

    และตราตรึงใจหนังเรื่องนั้นจนวันนี้

    “เส้นเรื่องและภูมิหลังตัวละครก็เช่นกัน”


    เวลาผ่านไป…

    แม้จะมีเรื่องโรคระบาดอันหนักหนาไปทั่วโลก

    ผมก็รอได้เสมอสำหรับภาค 2 นี้

    “แค่ไม่มีเวลาดูในโรง เพราะเกรงใจโควิด

    และร้านขายแผ่นซบเซามาก

    (จนกลายเป็นความทรงจำไปแล้ว)”



    แต่แล้ว แอป Google TV ในมือถือ

    “มีหนังเรื่องนี้ให้เช่า/ซื้อ”

    จ่ายเงินผ่านการตัดบัตร ATM เดบิต

    ในราคาที่กำลังดี

    ตามมาตรฐานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั่วไปเลย

    “ในที่สุดผมก็ได้ดูหนังเรื่องนี้จริง ๆ”


    (ถึงตรงนี้

    มีเพื่อนบอกเพื่อน มีญาติบอกญาติ

    ช่องทางถูกลิขสิทธิ์อยู่ที่ Google TV แล้วค้าบ)


    จากประกวดร้องเพลงในภาคแรก

    สู่ฝันที่ใหญ่ขึ้นในภาคสอง

    นั่นคือ “การแสดงโชว์ละครเวทีในเมืองใหญ่”


    โดยจะมีเพลง ๆ นึง

    ที่ตัวละครตัวหนึ่ง

    เป็นถึงอดีตร็อกเกอร์รุ่นใหญ่

    แต่ด้วยเหตุการณ์ที่หนักหนาในชีวิต

    เขาเองจึงหายไปจากพื้นที่สื่อเป็นเวลา 15 ปี


    และเพลงนี้ “ประกอบหนังภาคนี้ด้วย”


    นี่คือเพลงของวงร็อกสัญชาติไอริซชื่อ U2

    ที่กลายเป็นไอคอนเพลงสากลช่วงปลายยุค 80s

    จากเพลงฮิตเลขตัวเดียวเพลงแรกของวง

    “และเป็นอันดับ 1 ในอเมริกา”

    อย่าง With or Without You เมื่อปี 2530

    และในปีเดียวกัน วงก็ได้ปล่อยซิงเกิลนี้

    ที่มีชื่อว่า…

    “I Still Haven’t Found What I’m Looking For”

    ซึ่งก็ได้อันดับ 1 Billboard Hot 100 เช่นกัน


    เพลงนี้มีความหมายต่อชีวิตใครหลาย ๆ คน

    “รวมถึงผมด้วยนะ”


    Let’s Check It Out


    -


    I Still Haven't Found What I'm Looking For - U2

    แปลเมื่อ 4 กรกฎาคม 2566

    โดย Mister Tok


    Please Take out with full credits and/or permission

    กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมดด้วยนะครับ

    (ถ้าทักหลังไมค์ขออนุญาตนำไปใช้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลย)


    I have climbed highest mountains

    เคยข้ามผ่าน ภูผาสูงชัน


    I have run through the fields

    ทุ่งหญ้าใหญ่ ฉันท้าผจญ


    Only to be with you

    เพียงเพื่อจะได้พบเธอ


    Only to be with you

    เพียงเพื่อจะได้พบเธอ


    I have run, I have crawled

    ไปข้างหน้า ไม่เคยหวั่น


    I have scaled these city walls

    แดนศิวิไลซ์ วาดไว้อย่างดี


    These city walls

    หมายจะข้ามไป


    Only to be with you

    เพียงเพื่อจะได้พบเธอ


    But I still haven't found what I'm looking for

    แต่ว่าฉัน…ยังไม่เจอสิ่งที่ใฝ่หา


    But I still haven't found what I'm looking for

    ไกลเกินคว้า….ล้าแรงอ่อนจนหมดกำลัง


    I have kissed honey lips

    เคยมีสุข....จนล้นใจ


    Felt the healing in her fingertips

    กับรสสัมผัส แม้โรยหน้า


    It burned like fire

    ช่างร้อนแรงดั่งไฟ


    This burning desire

    จนหมายปองลองอีกครา


    I have spoke with the tongue of angels

    บนบานศาลกล่าว ถึงเบื้องบนนั่น


    I have held the hand of a devil

    และฝ่าประจัญเงื้อมมัจจุราช


    It was warm in the night

    แม้จะอบอุ่นหัวใจ


    I was cold as a stone

    แต่ดูเหมือนยังเย็นชา


    But I still haven't found what I'm looking for

    เพราะว่าฉัน…ยังไม่เจอสิ่งที่ใฝ่หา


    But I still haven't found what I'm looking for

    ใจมันล้า…เสียซะจนไม่อยากจะเจอ


    I believe in the Kingdom Come

    อยากจะดังเด่นและเป็นยิ่งใหญ่


    Then all the colours will bleed into one

    ใคร ๆ พายกย่อง จนใจฉันพองโต


    Bleed into one

    เหมือนว่ามีค่า


    But yes, I'm still running

    แต่ว่ายังคงว่างเปล่า


    You broke the bonds and you loosed the chains

    แม้ไม่นานก็เลยไป ไม่เหลือใคร


    Carried the cross of my shame

    คงหมดพันธะอันละอาย


    Of my shame

    จำขึ้นใจ…


    You know I believe it

    ขอให้เธอจงเข้าใจ


    But I still haven't found what I'm looking for

    ความจริงฉัน…ยังไม่เจอสิ่งที่ใฝ่หา


    But I still haven't found what I'm looking for

    ไกลเกินคว้า…ล้าแรงอ่อนจนหมดกำลัง


    But I still haven't found what I'm looking for

    อีกไม่นาน…ฉันคงเจอสิ่งที่ใฝ่หา


    But I still haven't found what I'm looking for

    ได้สบตา…คนใกล้ตัวต้องการจริง ๆ


    -


    ความจริงของชีวิตสำหรับคนบางคน “รวมถึงผมด้วย”

    คือเราต่างเป็นคนล่าฝันก็จริง

    ชอบที่จะอยากทำตามฝันให้เป็นจริง

    เพื่อให้คนอื่น (ที่รู้จักเราโดยผิวเผิน) ยอมรับและชื่นชม


    แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

    และสิ่งแวดล้อมสังคมที่ไม่เอื้ออำนวย

    แบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือน ปีต่อปี


    คุณค่าที่เราเคยยึดถือในแต่ละสมัยเก่า

    “จะกลายเป็นเรื่องคนละยุคทันที”

    หรือต้องเรียกแบบแม่ตี๊นาว่า

    “โลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว”


    คนใกล้ตัวในชีวิต กลับโดนมองข้ามแบบไม่ได้ตั้งใจ

    เพียงเพราะว่ามีภูมิหลังที่ไม่อยากจำ


    แต่ความจริงแล้ว ถ้าล้มมาจากนอกบ้าน

    เมื่อมาถึงบ้านเมื่อไหร่…

    และได้รับการโอบกอดจากคนในบ้านเมื่อไหร่….

    ”เราจะเป็นผู้ชนะเสมอ”


    กล่าวคือ…ถ้ายังคงไล่ล่าความฝันดันทุรังต่อไป

    จนกระทั่งมารู้ว่า…

    “ขอบฟ้าไม่มีจริง และฉันเป็นคนตาบอดในโลกความจริง”

    ถ้ากลับลำทันได้ ก็จะมีสิทธิ์ที่จะฟื้นตัวไว

    เพราะมีบางคนเจอประสบการณ์ที่ “สายเกินไป” ก็มี


    เช่นเดียวกับเจ้าสิงโตร็อกเกอร์ตัวนี้

    แค่มีใครสักคนที่ชื่นชมในวันที่เหมือนไม่เหลือใคร

    เปลวไฟแห่งความฝันก็จะค่อย ๆ ลุกโชน

    จนกลับมามีตัวตนใหม่อีกครั้งในที่สุด


    ค่ายมินเนี่ยนออกแขกนี้

    “ก็ทำอะไรที่ขยี้ดราม่าและเรียกน้ำตาเป็น”

    แบบว่าดูครั้งเดียวประทับใจไปตลอดชีวิต


    แน่นอนว่าถ้าใครเป็นคอเพลงสากล

    ไม่ว่าจะเป็นคนยุคไหนก็ตาม

    เมื่อได้ยินเพลงที่คุ้นเคยจากเรื่องนี้

    ไม่ว่าจะเป็นฉากใดก็ตาม

    “คุณคงจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษแน่แท้”

    ใช่แล้ว…บทเพลงมันเชื่อมโยงผู้คนและยุคสมัยได้จริง ๆ


    ภาคแรกให้ความประทับใจยังไง

    “ภาคสองนี้ก็มาแบบนั้นเล้ย”


    ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้

    ขอขอบคุณทีมงานพากย์ไทยดังต่อไปนี้


    -




    รายชื่อผู้ให้เสียงภาษาไทย : Sing 2

    (อ้างอิงจากเครดิตท้ายเรื่องใน Google TV)


    บัสเตอร์ มูน - นิมิตร ลักษมีพงศ์

    จิมมี่ คริสตัล - สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล

    จอห์นนี่ - ณัฐพร มณีสงฆ์

    กุนเทอร์ - จักรรัตน์ ศรีรักษ์

    มีน่า - สุชัญญ์ญา นรปฏิพัทธิ์

    โรสิต้า - นภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา

    มิสครอว์ลี่ - นิรมล กิจภิญโญชัย

    แอช - ชิดชนก แย้มมา

    พอร์ช่า - นพวรรณ เหมะบุตร 

    เคลาส์ - ธานี พูนสุวรรณ

    แดเรียส - อภิชาติ สมุทคีรี

    เคลย์ - จักรกฤษณ์ หาญวิชัย


    ตัวละครเสริม

    ขวัญกมล ขาวไพศาล

    เกษณีย์ สำราญรมย์

    ทัดณ์เพลิน ตันเสรีสกุลภัช

    วรวุฒิ วรเนตร

    ทัตพล วงศ์กระจ่าง

    รัตนชัย เหลืองวงศ์งาม

    คมสรร รัตนกรบดี

    ปัณฑิตา เล็กเจริญ

    โกสินทร์ ชัชวาลนนท์


    ทีมงานห้องพากย์ : Dubvantage Co., Ltd

    กำกับเสียงพากย์ - โกสินทร์ ชัชวาลนนท์

    ผู้แปลบท - ศิริกมล เชฏฐ์อุดมลาภ


    Note :

    - Sing ภาคแรกกำกับเสียงพากย์โดยพี่เจิ๋น สรรเสริญ โภคสมบัติ และคำแปลโดยพี่ธนัชชา ศักดิ์สยามกุล (บันทึกผ่านความจำสมัยดูเครดิตพากย์ไทยท้ายเรื่องในโรง “และอาศัยจำเอาผ่านหน้าจอในโรง”)

    - ผลงานแปลบทหนังเด่น ๆ ของคุณศิริกมลคือ “มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด (ทุกภาค)” คือ 1-2-Minions-3-The Rise of Gru นั่นเอง

    - จากย่อหน้าที่แล้ว กล่าวคือ ถ้าใครที่ดู Sing 2 แล้วมีน้ำตา อยากให้ได้พักกายพักใจซักหน่อย

    แล้วมาจูนอารมณ์สนุกสนานต่อกับ Minions The Rise of Gru ก็ยังได้นะ (ผมลองมาแล้วครับ ซะงัดนักจริ๊ง) เพราะเพลงยุค Express Song (ของอาแหบ วิทยา ศุภพรโอภาส) เพลงยุคหนังสือ Starpics-Supersonic เต็มไปหมดเลย เหมือนมิสเตอร์แสบ 3 ที่มีเพลงยุคไนต์สปอต Galaxy of Stars รายการเที่ยงวันอาทิตย์/บันเทิงคดี “เพียบ ! และโดนใจทุกเพลง” เพราะตัวโกงประจำภาค 3 อย่างบัลธาซาร์ แบรตต์ เป็นอดีตดาราเด็กที่หมกมุ่นฝังใจกับยุค 80s อยู่อย่างนั้น ว่าไปทุกวันนี้ประโยคที่คุณรุจน์ บ๊อบบี้ ที่พากย์เป็นวายร้ายหัวตั้งชุดม่วงที่ว่า “โทษทีเค้าเป็นแบ๊ด…บอย (I've been a bad boy!)” ยังก้องอยู่ในใจผมเสมอมา สำหรับหนังสไตล์ “วายร้ายที่รักเธอ” อย่างตระกูลนี้


    -


    ขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเช่าหนังเรื่องนี้

    ผ่านแพลตฟอร์มถูกลิขสิทธิ์ที่ชื่อ Google TV นะ


    และขอบคุณที่ทุกวันนี้ตัวเองอยู่กับโลกแห่งความจริง

    และมีลมใต้ปีกประคับประคอง

    จากครอบครัวและคนรอบข้าง

    จนเดินได้ด้วยตัวเองอย่างมั่นคงนะ


    “นายเก่งที่สุดแล้ว

    จากใจบล็อกเกอร์ที่พูดไม่ค่อยเก่งคนนี้”


    -


    ขออุทิศความดีจากบล็อกแปลเพลงและรีวืวหนังนี้

    ให้แด่ “พี่แหวน-ฐิติมา สุตสุนทร”

    ร็อกเกอร์สาวในดวงใจตลอดกาล


    เนื่องในวันที่ผมลงบล็อกนี้

    เป็นวันที่ครบ 6 ปี

    ที่เจ้าของไดอารี่สีแดงเล่มนี้ คนนี้

    ได้เดินทางไกลตลอดกาล


    ขอให้มีความสุขกับการเดินทางไกลนะครับพี่แหวน

    ผลงานของคุณจะอยู่ในใจเสมอ


    -

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in