ภายใต้อากาศที่ร้อนระอุและแสงแดดที่มีอนุภาพขั้นสูงในการทำลายผิวหนังถึงแม้จะเป็นปัญหาที่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับปัญหาปากท้องแต่ก็สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ และคุณต้องไม่อยากได้ยินชื่อมันอย่างแน่นอนนั่นก็คือ มะเร็ง....
การที่ผิวหนังของเราสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเท่ากับว่าเราได้รับรังสี Ultraviolet (UV) ซึ่งก็มีทั้ง UVA และ UVB โดยรังสี UV ทั้งสองชนิดเมื่อเราได้รับในปริมาณที่มากพอจะทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนังและทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา ( Melanoma ) ในส่วนของ UVB หลังจากได้รับรังสีเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผิวของเรามีสีที่เข้มขึ้น ส่วน UVA นั้นมีความสามารถในการเข้าสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า UVB จึงทำให้เกิดการทำลาย DNA ของผิวหนังชั้นที่ลึกลงไป รวมทั้งสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นมาทำให้เกิดเป็นริ้วรอยของผิวหนัง ผิวดูแก่กว่าวัย รวมทั้งมีการกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและสุดท้ายจึงพัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนัง
การลงทุนที่นอกจากจะคุ้มค่าทั้งต่อสุขภาพและทั้งเงินในบัญชี (ที่อาจต้องแบ่งไปให้กับคลีนิคเสริมความงามในอนาคต) ก็คงหนีไม่พ้นการลงทุนในการซื้อครีมกันแดดดีๆมาครอบครองและใช้เป็นประจำทุกวัน
การเลือกซื้อครีมกันแดด
เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อครีมกันแดดแต่ละคนย่อมมีปัจจัยที่ช่วยในการเลือกซื้อต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อโดยดูจากราคา ยี่ห้อ รีวิวจากผู้ใช้จริง หรือเลือกดูจากปริมาณ SPF
SPF หรือ Sun Protection Factors เป็นค่าที่ใช้บอกปริมาณเวลาที่เราสามารถอยู่ภายใต้แสงแดดได้โดยที่ผิวไม่ถูกทำลายจาก UVB เช่นเมื่อเราทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 นั่นหมายความว่าเราจะสามารถทำกิจกรรมนอกร่มได้โดยไม่ถูก UVB ทำลายผิวได้นาน 50 เท่ามากกว่าคนที่ไม่ทาครีมกันแดด มาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าถ้าอย่างนั้นยิ่ง SPF สูงก็ยิ่งดีน่ะสิ แต่ต้องช้าก่อนเพราะมีรายงายที่น่าเชื่อถือโดย EWG ประเทศสหรัฐอเมริกาชี้แจงว่า สำหรับผู้ที่ต้องเจอแดดเป็นประจำรวมทั้งผู้ที่มีผิวเซนซิทีฟต่อแสงแดดมาก SPF 30-50 ก็เพียงพอแล้ว โดย SPF 50 มีความสามารถในการป้องกัน UVB ถึง 98% (เมื่อทาอย่างถูกต้อง) และผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF 100 มีความสามารถในการป้องกัน UVB 99% นั่นหมายความว่าปริมาณ SPF ที่มากกว่า 50 มีความสามารถในการป้องกันรังสี UVB มากขึ้นไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
นอกจาก SPF แล้วการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดโดยดูจากประเภทและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นั้นๆก็จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้กันแดดที่เหมาะสมกับตัวเราเองและทำให้เราพึงพอใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์นั้นต่อไปได้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ที่เราใช้มีผลอย่างมากในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ทุกวันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันผิวของเราจากแสงแดด ผลิตภัณฑ์กันแดดแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
- Physical sunscreen กันแดดแบบฟิสิคัลจะทำหน้าที่ในการสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนังโดยกันแดดแบบฟิสิคัลจะมีส่วนประกอบสำคัญคือ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นที่ยอมรับโดยองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ว่าผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนประกอบของสารทั้งสองชนิดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ “ Safe and Effective” คือทั้งปลอดภัยในการใช้และมีคุณสมบัติในการป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ได้ดีมาก ข้อเสียอย่างเดียวที่พบได้จากผู้ที่ใช้ Physical sunscreen ก็คือคราบสีขาวที่อาจพบได้บ่อยจาก nanoparticle หรืออนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide
- Chemical sunscreen ผลิตภัณฑ์กันแดดแบบเคมีจะทำหน้าที่ในการดูดซับรังสี UV ไว้จึงจำเป็นที่จะต้องมีส่วนประกอบที่เรียกว่า UV filter ซึ่งก็จะมีทั้ง UVB filter และ UVA filter ตัว filter นี้ก็จะเป็นสารเคมีต่างๆเช่น UVB filter : Octinosate, Octisalate, Octocrylene ส่วนของ UVA filters ก็มีตัวอย่างเช่น Oxybenzone, Avobenzone, Bisdisulizole disodium, Ecamsule เป็นต้น อย่างไรก็ดีจากการศึกษาทำให้มีความกังวลต่อการใช้ chemical sunscreen เนื่องจากส่วนประกอบของกันแดดชนิดนี้ส่วนมากโดยเฉพาะ Oxybenzone สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ที่บริเวณผิวหนัง ( Rodrigue 2006 ) อีกทั้งยังสามารถถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด และถูกตรวจพบในน้ำนมของหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่าการใช้กันแดดที่มีส่วนประกอบของ Ocxybenzone ในระยะยาวจะส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพของผู้ใช้แต่จากงานวิจัยของ Krause, 2012 พบว่า Oxybenzone มีความเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนอ่อนๆ จึงอาจมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศได้ นอกจาก Oxybenzone แล้ว Octinoxate, Octisalate , Homosalate และ Octocrylene ก็สามารถตรวจพบในกระแสเลือดได้เช่นกัน
ก็เหมือนกับการซื้ออาหารที่เราต้องพลิกหลังซองเพื่อดูปริมาณโภชนาการที่จะได้รับ กันแดดก็เช่นกันเราจำเป็นที่จะต้องดูส่วนประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และอันตรายต่อผิวและร่างกายเรา นอกจากนี้แล้วการใช้กันแดดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันทั้ง UVA และ UVB ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อกันแดด เนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ที่ขายตามท้องตลาดในปัจจุบันถึงแม้จะมีการจ่าหน้าว่าเป็น Broad spectrum คือป้องกันทั้ง UVA และ UVB แต่ก็พบว่าความสามารถในการป้องกัน UVA นั้นมีน้อยกว่ามากทั้งที่ปัญหาของผิวพรรณที่เกิดจาก UVA เป็นปัญหาที่รุนแรงกว่า
ถ้า SPF เป็นตัวชี้วัดเวลาที่ UVB สามารถทำร้ายผิวเราได้ PA หรือ Protection Grade of UVA ก็เป็นตัวชี้วัดที่บอกเราว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆสามารถป้องกันรังสี UVA ได้ในระดับไหน โดยตัวชี้วัดนี้ถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น แบ่งได้เป็น 3 ระดับคือ
- PA+ คือ ระดับการป้องกัน UVA ต่ำ
- PA++ คือ ระดับการป้องกัน UVA ปานกลาง
- PA+++ คือระดับการป้องกัน UVA สูง
นอกจากเราจะเลือกซื้อกันแดดจากระดับ PA แล้วส่วนประกอบของกันแดดที่เป็นที่ยอมรับว่าสามารถป้องกันรังสี UVA ได้ดีมาก ก็คือ Avobenzone และ Zinc oxide
วิธีการใช้ครีมกันแดด
คุณคิดว่าใครควรจะใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดมากที่สุด.....คำตอบที่ถูกต้องคือ ทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะเพศไหนก็ควรใช้กันแดดเพราะเราทุกคนต้องพบเจอกับแสงแดดในทุกวันและกันแดดสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เด็กที่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดป้องกันแสงแดดเมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมนอกร่มและหลีกเลี่ยงการอยู่ภายใต้แสงแดดเป็นเวลานาน
ปริมาณกันแดดที่เหมาะสมในการใช้นั้น Skin Cancer Foundation ได้แนะนำว่าให้ใช้กันแดดปริมาณ 1 ออนซ์สำหรับการทาทั่วร่างกาย แต่เนื่องจากการตวงอาจทำได้ยากในชีวิตจริงผู้เขียนเลยขอแนะนำว่าสำหรับผิวหน้าให้ใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้วทาทั่วใบหน้าและทาซ้ำ 2 ครั้งอย่าลืมทาบริเวณหู และหลังคอ ส่วนผิวกายก็เน้นทาให้ทั่วครบทุกส่วนและควรทาซ้ำ 2 ครั้งเช่นกัน
อย่าลืมว่ากันแดดมีเวลาในการทำงานของมันและในชีวิตจริงเราเจอทั้งแสงแดดรุนแรง เหงื่อที่ไหลก็ชะล้างกันแดดเราออกไปได้จึงมีการแนะนำจาก FDA ว่าผู้ที่ใช้กันแดดควรทากันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้หรืออาจจะรู้แล้วเกี่ยวกับกันแดด
- ผลิตภัณฑ์กันแดดแบบสเปรย์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการหายใจเอาสารกันแดดเข้าไปในทางดินหายใจและผลิตภัณฑ์กันแดดแบบสเปรย์อาจจะให้การป้องกันแสงแดดได้ไม่ครอบคลุมพื้นผิวเท่ากับกันแดดแบบครีม
- ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ ( Retinyl palmitate, Retinyl acetate, Retinyl linoleate และ Retinol) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เนื่องจากวิตามินเอมีความสามารถในการเพิ่มการเจริญของเซลล์ผิวหนัง (Hyperplasia) และเมื่อวิตามินเอสัมผัสกับแสงแดดจะทำให้เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระที่สามารถทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนังได้ จึงควรหลีกเลี่ยงกันแดดที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ
- ผลิตภัณฑ์กันแดดแบบกันน้ำหรือ Waterproof sunscreen ในความเป็นจริงแล้วไม่มีกันแดดชนิดไหนที่ สามารถกันน้ำได้ 100% มีการทดสอบผลิตภัณฑ์กันแดดที่เขียนว่าสามารถกันน้ำได้พบว่าอันที่จริงแล้วสามารถกันได้เพียง 40 นาทีของการว่ายน้ำหรือดีที่สุดคือ 80 นาที
โดยสรุปแล้วผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นเพียงหนึ่งในตัวช่วยในการถนอมผิวเราที่สำคัญคือการใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวเราจากแสงแดดและไม่ทำกิจกรรมนอกร่มนานจนเกินไป ผู้เขียนแนะนำให้ทุกท่านมีกันแดดติดบ้านไว้เหมือนยาสามัญประจำบ้านและใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันอันตรายต่อผิวดังที่กล่าวมาข้างต้น
Source :
Ewg. (n.d.). EWG's 2019 Guide to Safer Sunscreens. Retrieved March 6, 2020, from https://www.ewg.org/sunscreen/report/imperfect-protection/
Richard, E. G. (2019, June). Sunscreen. Retrieved April 30, 2020, from https://www.skincancer.org/skin-cancer-prevention/sun-protection/sunscreen/
Harvard Health Publishing. (2018, July). The science of sunscreen. Retrieved April 30, 2020, from https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/the-science-of-sunscreen
Matta, M. K., Zusterzeel, R., Pilli, N. R., Patel, V., Volpe, D. A., Florian, J., … Strauss, D. G. (2019). Effect of Sunscreen Application Under Maximal Use Conditions on Plasma Concentration of Sunscreen Active Ingredients. Jama, 321(21), 2082. doi: 10.1001/jama.2019.5586
Autier, P., Dore, J.-F., Negrier, S., Lienard, D., Panizzon, R., Lejeune, F. J., … Eggermont, A. M. M. (1999). Sunscreen Use and Duration of Sun Exposure: a Double-Blind, Randomized Trial. JNCI Journal of the National Cancer Institute, 91(15), 1304–1309. doi: 10.1093/jnci/91.15.1304
Latha, M. S., Martis, J., Shobha, V., shinde, R. sham, Banger, S., Krishnankutty, B., … Kumar, N. (2013). Sunscreening Agents. Sunscreening Agents, 6. Retrieved from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3543289/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in