ก่อนอื่นต้องขอกราบขอโทษทีมงาน animation เรื่อง
Stand by Me อย่างสุดหัวใจเพราะเมื่อวานนี้เราได้ดู animation เรื่องนี้จากช่องทางที่มันไม่ถูกต้องนัก
“watachiwa Gomennasai”
ทุกคนไม่ว่าวัยไหน จะเป็นคุณลุงวัย 50 ปีที่กำลังดูแลลูกหลาน หรือ คุณน้าวัย 35 ปีที่กำลังปั่นงานในออฟฟิตอย่างเคร่งเครียด อาจจะเป็นวัยเฮ้วอายุ 26 ปีที่กำลังเตรียมตัวไปโยกที่ผับ หรือจะเป็นสาวน้อยวัย 5 ขวบที่ให้คุณแม่ถักเปียเพื่อไปโรงเรียน พวกเขาเหล่านี้ต่างต้องรู้จักกับเจ้าแมวหุ่นยนต์ไร้หู ตัวกลม สีฟ้าที่มาจากโลกอนาคตรพร้อมกระเป๋าวิเศษที่มีของมากมายสารพัดประโยชน์ในนั้น “โดราเอม่อน” เพื่อนแท้สุดแสนใจดีที่คอยช่วยเหลือเด็กไม่เอาไหนอย่าง “โนบิ โนบิตะ” เราเคยได้ยิน หรือ ได้อ่านจากที่ไหนมาสักทีว่า Stand by Me คือเนื้อเรื่องดั่งเดิมแต่แรกและเป็นตอนจบของโดราเอม่อนที่อาจารย์ฟุจิโกะ ฟุจิโอะวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ได้เสียชีวิตไปก่อนที่เราจะได้เห็นตอนจบจริง ๆ ในแบบที่อาจารย์เป็นคนทำเองกับมือ
พูดถึงเรื่องโดราเอม่อน ตัวละครเด่นที่สุดในเรื่องจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กประถมที่ชอบนอนกลางวัน แถมสอบได้ 0 เป็นประจำ คือ โนบิตะ แต่เรื่อง Stand by Me เรากลับเห็นโดราเอม่อนเด่นชัดขึ้นจากการ์ตูนตอนสั้นหลายตอนที่ผ่านมา แม้เราจะรู้มาคราว ๆ แล้วว่าตอนจบเรื่องจะไปไหนทางไหนก็แอบทำเอาเราเงิบเบา ๆ แหะ
“เราเกลียดโนบิตะ”
นี่คือคำพุดที่เราพูดตลอดเวลาตอนที่เรากำลังนั่งดูเรื่องนี้กับพี่ชาย โนบิตะเป็นตัวละครที่ทำให้เรารำคาญมาก ทั้งอ่อนแอ ท้อแท้ ขี้เกียจ ไม่สู้ ไม่รอบคอบ เห็นแก่ตัว ค่อยเพิ่งพาแต่คนอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่เคยได้ลงมือทำ ตอนที่เราดูเราไม่คิดว่าโนบิตะจะพัฒนาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่เราคิดผิด การ์ตูนปูทางให้เราเห็นความล้มเหลว ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของโนบิตะและเขาไม่เคยคิดเรียนรู้จากมัน แต่ในที่สุดเหตุการณ์เล็ก ๆ เหตุการณ๋หนึ่งกลับทำให้เด็กอย่างโนบิตะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง นั้นเป็นครั้งแรกที่เราเห็นโนบิตะจับหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านด้วยเอง พยายามอย่างหนักและตั้งใจมาก แต่แล้วผลตอบแทนมันกลับตรงข้ามกันไปหมด เป็นซีนที่มันเจ็บซะจนจุกถึงแม้ว่ามันจะเกิดเหตุกลับตาลปัตรเพราะความผิดพลาดของโนบิตะเอง แต่มันเป็นซีนที่เราคิดว่า เราเห็นและจับต้องมันได้ในชีวิตทุก ๆ วัน อย่างเช่นพนักงานออฟฟิตที่ต้องอยู่คิดงาน สร้างสรรค์งานซะจนดึกดื่นเพื่อที่จะเห็นผลแห่งการพยายามที่สวยงาม แต่สุดท้ายและหัวหน้ากลับเอาความดีความชอบนั้นไม่หมดคนเดียว
“โดราเอม่อน” เพื่อนที่แสนดีของโนบิตะ ความจริงเราก็แอบโทษโดราเอม่อนลึก ๆ นะที่ทำให้โนบิตะเป็นคนที่คอยร้องหาความช่วยเหลือเสมอ เพราะโดราเอม่อนปล่อยให้โนบิตะพักพิงเขามากเกินไป แต่โดราเอม่อนก็เป็นคนที่ทำให้โนบิตะลุกขึ้นและต่อสู้กับความเป็นตัวเองเหมือนกัน
ในท้ายที่สุดแล้วโนบิตะทำให้เราเข้าใจคำเปรียบเทียบว่า “นักมวยที่แข็งแกร่งไม่ใช่นักมวยที่หมัดหนักที่สุด แต่เป็นนักมวยที่ถูกต่อยด้วยหมัดที่หนักที่สุดไม่ว่าจะกี่ครั้งแต่ยังลุกขึ้นยืนได้ไหว” ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ใช่คนที่ชนะ แต่เขาก็ชนะใจตัวเอง เราเห็นได้ชัดเลยว่าพลังการจากลามันยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของ 1 คน และ 1 หุ่นยนต์มาก ถ้าไม่มีจากลาของโดราเอม่อนเราคงไม่ได้โนบิตะที่เท่ขนาดนี้ก็ได้
ถึงแม้ว่าเราจะแอบขัดใจตอนจบแต่เราก็เข้าใจได้ว่าผู้สร้างคงไม่อยากทำลายความทรงจำในวัยเด็กของใคร ให้มันเป็นความสวยงามของวัยเด็ก ให้ทุกคนได้มองย้อนมาแล้วยิ้มทั้งน้ำตาไปกับตอนจบแบบนี้มันคงดีกว่าที่จะจบแล้วสลัดความเป็นเด็กนั้นทิ้งไปเลย
ความจริงแล้วโนบิตะที่ยืนอยู่ตัวคนเดียวในสนามข้างบ้าน เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลจากการต่อยของไจแอนท์ โดยไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือจากโดราเอม่อนแม้แต่แอะเดียวนั้นคือโนบิตะที่เราชอบที่สุดในชีวิตที่เราดูมาเลย
ขอบคุณที่โดราเอม่อนจากไป ขอบคุณโนบิตะที่เข้มแข็งขึ้นและเข้าใจ และสุดท้ายขอบคุณโดราเอม่อนที่กลับมา ...
12.05 PM
9/11/2015
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in