เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ครูบ้าเที่ยวBird Thanapong
เขาช้างเผือก!!! ยอดเขาที่จองยากที่สุดในประเทศไทย-(1)
  • ถ้าพูดถึงยอดเขาที่คนส่วนใหญ่(หรือเปล่านะ) ต้องการจะไปพิชิตให้ได้สักครั้งในชีวิต คงต้องมีชื่อ "เขาช้างเผือก" ติดอันดับต้นๆ แน่นอน เป็นยอดเขาที่ถือได้ว่าโทรจองยากที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้
    สำหรับผม การพิชิตยอดเขามันคือ passion ในชีวิต ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน Passion นี้อาจจะเกิดหลังจากที่ผม และเพื่อนๆ ได้พิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิไปแล้วก็เป็นไปได้ เผื่อใครยังไม่ได้อ่าน ทั้ง 3 EP
           และสำหรับในประเทศไทย เส้นทางเดินป่าทั้ง 12 เส้นทาง พวกเราได้พิชิตกันมา 4 ยอดเขาแล้ว ซึ่งยอดเขาที่ 5 ที่กำลังจะพูดถึงก็คือ "เขาช้างเผือก" เป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่นักเดินป่า ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยความสูง 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดกาญจนบุรี

    ลักษณะเด่น:

    • สันคมมีด: จุดไฮไลท์ที่นักเดินป่าต้องไปสัมผัส เป็นสันเขาที่แคบและสูงชัน มีความสวยงามและน่าหวาดเสียว
    • เส้นทางเดินป่า: เป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า ทำให้การเดินป่าไม่เหนื่อยเกินไป และมีทัศนียภาพที่สวยงาม
    • ทัศนียภาพ: บนยอดเขาช้างเผือกสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิและผืนป่าโดยรอบได้อย่างงดงาม

    ข้อมูลสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว:

    • การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว: เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินป่าที่ได้รับความนิยม อุทยานฯ จึงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละไม่เกิน 60 คน
    • ช่วงเวลาเปิดให้เดินป่า: โดยปกติจะเปิดให้เดินป่าในช่วงฤดูแล้ง คือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประกาศของทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
    • การจอง: ต้องทำการจองล่วงหน้ากับทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิโดยตรง และสามารถจองล่วงหน้าได้ 7 วันก่อนวันเดินทางเท่านั้น
    • การเตรียมตัว: ต้องเตรียมความพร้อมทางร่างกายและอุปกรณ์เดินป่าให้พร้อม เนื่องจากเป็นการเดินป่าขึ้นเขาและต้องพักค้างคืนบนยอดเขา
    • สิ่งอำนวยความสะดวก: บนยอดเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ หรือร้านค้า นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ที่จำเป็นไปเอง
    • ข้อควรระวัง: เส้นทางเดินป่ามีความลาดชันและอันตราย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
    จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ต้องย้อนกลับไปประมาณ 2 ปีก่อน การจองขึ้นยอดเขาช้างเผือก ต้องใช้วิธีการโทรจอง ซึ่งอย่างที่บอกครับ จองยากมาก โทรไม่ติดเลย ผมจึงใช้วิธีการจอยกรุ๊ปกับทางทัวร์ โดยทางเจ้าหน้าที่ของกลุ่มทัวร์ จะทำการโทรจองให้กับพวกเรา และก็ไม่สามารถจองได้ เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ทั้ง 2 ปีก่อน จนกระทั่งปีนี้ 2567 ทางอุทยานฯ แจ้งผ่านทาง Facebook ว่าจะมีการเปิดจองขึ้นยอดเขาช้างเผือก โดยเปลี่ยนวิธีการจองจากเดิมใช้วิธีการโทรไปจอง ปีนี้ใช้วิธีการจองผ่าน Google form 
    แต่เงื่อนไขคือ การกรอก Google form ต้องกรอกได้ทีละคน และมีการอัพโหลดเอกสารต่างๆ ด้วย ดังนั้นในปีนี้ 2568 หากใครต้องการจองขึ้นยอดเขาช้างเผือก ต้องเข้าไปอ่านขั้นตอนต่างๆ ที่ทางอุทยานแจ้งไว้ให้ละเอียด ตัดมาที่ทีมเรา การจองยอดเขาในครั้งนี้ ทีมเรามีสมาชิกทั้งหมด 6 คน หลังจากทุกคนกรอก Google form เรียบร้อย ต้องรอประมาณ 1 สัปดาห์ ทางอุทยานฯ จะประกาศรายชืื่อผู้ที่ผ่าน ได้ไปเขาช้างเผือก พวกเราก็รอๆๆๆ .... จนกระทั่งผ่านไป 5 วัน อุทยานประกาศรายชื่อ ทีมเราสามารถไปเขาช้างเผือกครบ 6 คน อารมณ์ตอนนี้คือ โ   ค   ต   ร  ดีใจ หลังจากจองมา 2 - 3 ปี และแล้วการเดินทางไปพิชิตยอดเขาช้างเผือกก็เริ่มต้นขึ้น แต่ละคนก็เตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้า ชุดเดินป่า รองเท้า และอื่นๆๆ อีกมากมาย จนในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง แผนการเดินทางของเราคือ 3 วัน 2 คืน โดยเดินทางวันแรกไปพักที่หมู่บ้านปิล๊อก เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวไปตามเขาต่างๆ เราออกเดินทางประมาณ 13.00 น. จากเพชรบุรี เดินทางไปถึงที่พักก็พลบค่ำแล้ว ที่พักอยู่บริเวณที่ทำการหมู่บ้านอีต่อง ห่างจากตัวหมู่บ้านปิล๊อก ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อทำการ check in เรียบร้อย เราเดินทางเข้าไปในตัวหมู่บ้านปิล๊อก ตอนนี้ก็เริ่มหิวกันเต็มที่ 
    บรรยากาศยามค่ำคืนที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย 
    หลักจากกินอาหารเย็นเรียบร้อย (หมูกระทะ ลืมถ่ายรูป เพราะหิวมาก) เดินทางกลับลงมาที่พัก เพื่อเตรียมตัวพักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้  
    เช้าวันถัดมา เวลาประมาณ 06.00 น. พวกเราก็อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว เตรียมตัวออกเดินทางไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เราต้องไปลงทะเบียน และรับถุงขยะ จากนั้นเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านปิล๊อก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง trekking อันยาวไกล เรามาถึงจุดรวมพลประมาณ 8.30 น. จากนั้นเตรียมซื้อหมูปิ้ง เพื่อเป็นพลังงานให้เราระหว่างทางเดิน

    สำนักอุทยานแห่งชาติ - National Parks of Thailand

    ตามที่ป้ายบอกเลยครับ การ trekking ครั้งนี้ยาวไกลมาก 8 กิโลเมตร แต่ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่มีใครเดินกลับหลังได้ (จริงๆ ก็ได้นะ 555++) การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เวลา 09.00 น. จากจุดรวมพล ณ บ้านอีต่อง เราต้องเดินไปที่จุด Check Point อีกประมาณ 3 กิโลเมตร 
    เมื่อเจ้าหน้าที่นับจำนวนผู้ร่วมเดินทางจนครบ เราก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ไกลออกไป 8 กิโลเมตร โดยเส้นทางในช่วงแรก 3-4 กิโลเมตร จะเป็นทางเรียบ สลับขึ้น ลง ลัดเลาะไปตามแนวเขา 
     ในช่วงแรก พวกเราเร่งฝีเท้ากันอย่างเต็มที่ โดยต้องการที่จะให้ไปถึงจุดหมายก่อนเที่ยง แต่ก็สภาพอากาศที่ร้อน บวกกับร่างกายแต่ละคน ทำให้ต้องหยุดพักบ่อยๆ
    สภาพอย่างที่เห็นครับ นี่ยังไม่ถึงจุดพักแรกเลยนะครับเนี่ย เเวะพักกันสักเล็กน้อย เดินทางกันต่อไปยังจุดพักสถานี "ต้นส่าน" เราแวะดื่มน้ำกันเล็กน้อย แล้วเดินทางกันต่อไปสถานี "หุบคะเนียง" 
    cr: Story Tripper 
    ป้ายหุบคะเนียง บอกระยะทางเราว่า เหลืออีก 3.83 กิโลเมตรจะถึงยอดเขาช้างเผือก ไปกันต่อสถานี หุบกะเหรี่ยง เส้นทางจะเริ่มมีความยากลำบากมากขึ้น เส้นทางลัดเลาะไปตามริมเขา ไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้เราได้แอบยืนพักกัน เราจึงต้องอาศัยพุ่มต้นไม้ ที่สูงระดับศรีษะ แอบบังแดดกัน 
    ในที่สุดเราก็เดินมาถึงสถานี "หุบกะเหรี่ยง" ขอเเวะบันทึกภาพสักหน่อย เราเหลืออีก 3.41 กิโลเมตร จะถึงยอดเขาช้างเผือก keep going ไปกันต่อ สภาพแวดล้อมรอบๆ เส้นทางเดินป่า เราจะเห็นวิวภูเขา และบางครั้งเราจะเห็นยอดเขาช้างเผือกอยู่ไกลๆ 
    ซึ่งในความเหนื่อยล้า ความลำบากทำให้เราสามารถมองเห็นความสวยงามรอบข้างได้อย่างดี จากสถานีหุบคะเนียง เราเดินกันต่ออีกประมาณ 400 เมตร ก็มาถึงสถานี "หุบชะนี" 
    cr: Story Tripper 
    เส้นทางเริ่มมีความยากมากขึ้น ไต่เชือกขึ้น ไต่เชือกลง สลับกันไป แต่เราก็ยังไหว เป้าหมายอยู่ข้างหน้า 
    สภาพแต่ละคน เริ่มจะเหนื่อยล้า ขายกแถบไม่ไหว ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมปัง ที่พกมา เริ่มหมดไป ไหนจะน้ำดื่มที่เราจะต้องเก็บไว้ เพื่อเส้นทางที่เหลือและขากลับวันพรุ่งนี้อีก 
    ช่วงนี้เราเดินสลับนั่งพัก ระหว่างทางเราก็จะพบเจอกับลูกหาบที่แบกสิ่งของ สัมภาระต่างๆ ประมาณ คนละ 20 กิโลกรัม ทำให้เรามีกำลังใจในการเดินกันต่อ (ไม่จริง 55 หมดแรงมากกว่า) 
    เราเดินกันต่อจนเหลือระยะทางอีก 1.95 กิโลเมตร จะถึงจุดพักกางเต๊นท์ จากสถานีเขาช้างน้อย เส้นทางเริ่มลำบากมากขึ้น ไต่เชือกขึ้นลงเขามากขึ้น ต้องอาศัยพลังงานที่ซ่อนในรูปของไขมันในร่างกายอย่างมาก เพราะพลังงานจากข้าวเหนียวหมูปิ้ง น่าจะหมดไปนานแล้ว จากตอนเริ่มต้นเส้นทางเวลา 09.00 มาถึงสถานีเขาช้างน้อย ประมาณ 11 โมงกว่าๆ 
    จากนั้นกัดฟัน ไต่เชือกไปยังสถานีเขาลูกช้าง เวลาที่ใช้แต่ละสถานี เริ่มใช้เวลามากขึ้น จากความเหนื่อยล้า บวกกับความร้อน ความยากของเส้นทาง ทำให้พวกเราใช้เวลาค่อนข้างมาก เกือบ 12.00 น. เหลืออีกแค่ประมาณ 400 เมตร จะถึงจุดพักแรมกางเต๊นท์ของเรา 
    เราเริ่มมองเห็นจุดกางเต๊นท์ แต่เส้นทางจะเป็นทางลงเขาลาดชัน ต้องจับเชือกไต่ลงไป จากมุมนี้เราจะเห็นเต๊นท์ เรียงรายกัน กลุ่มส่วนใหญ่ไปถึงจุดพักแรมก่อนหน้าเรา พวกเราเกือบจะรั้งท้าย
    ใช้เวลาเกือบ 20 นาที จนในที่สุดเราก็มาถึงจุดพักแรม เวลา 13.30 น. เราถึงเต๊นท์ของเรา ซึ่งทางลูกหาบได้ช่วยกางไว้ให้เรียบร้อย 
    ห้องน้ำ ถือว่าดีมาก เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ 
    เมื่อถึงเต๊นท์ เราก็พักผ่อนเอาแรงกันสักหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า เวลา 15.30 น. จะเริ่มเดินทางกันต่อขึ้นไปยังบนยอดเขาช้างเผือก นี่ยังไม่ใช่จุดสูงสุดนะ ขอพักเอาแรงสักหน่อย
    ยอดเขาด้านบนที่เราจะต้องไปกันต่อให้ถึงจุดสูงสุด แค่เห็นก็หมดแรงแล้ว

    เตรียมตัวสำหรับขึ้นยอดเขาช้างเผือกของจริง เขาสันมีดที่อันตราย จะสมคําร่ำลือหรือไม่ ติดตาม EP2




     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in