สำหรับการเดินทางไปครั้งนี้ผมมีโจทย์ใหญ่ๆ ที่ใช้สำหรับเลือกรีสอร์ทที่จะไปพัก คือ
ข้อแรก ราคาต้องไม่แรงเว่อร์เกินไป
ข้อสอง ต้องได้นั่ง Sea plane เจ้าเครื่องบินที่บินขึ้นลงในทะเล
ส่วนการนอนบน Water villa หรือนอนในห้องพักที่ยื่นออกไปกลางทะเลซึ่งถือเป็น signature ของการมาเที่ยวมัลดีฟส์ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเราๆ ชื่นชอบและต้องการไปสัมผัสบรรยากาศนั้น แต่สำหรับผมแล้วโดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับการนอนในห้องพักแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแต่ขอให้ได้ที่พักในราคาเหมาะสมในงบประมาณที่เตรียมไว้ก็เพียงพอแล้ว
เพราะประสบการณ์การท่องเที่ยวของผมส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นที่ห้องพักหรูหราราคาแพงเพราะการใช้งานของโรงแรมสำหรับการท่องเที่ยวในแบบของผมคือใช้เป็นที่ซุกหัวนอน พักผ่อนเอาแรงเพื่อเตรียมการท่องเที่ยวในวันถัดไป
การวางแผนท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มีแอพพลิเคชั่นหลายตัวที่ใช้ค้นหาและจองโรงแรม รีสอร์ทที่เราจะเข้าพักได้ครับ
ที่มัลดีฟส์มีระดับราคาของรีสอร์ทให้เลือกตั้งแต่ราคาที่คุณเอื้อมถึงไปจนถึงระดับราคาที่คุณอาจต้องปีนบันไดหรืออาจต้องใช้กระเช้าลอยฟ้าเพื่อให้เอื้อมถึงราคาที่แสนหฤโหดพวกนั้น
การค้นหาโรงแรมนอกจากจะดูราคาและรีวิวในแอพพลิเคชันของเอเจนซีที่รับจองโรงแรมแล้วผมอยากจะแนะนำให้ใจเย็นๆลองหาดูรีวิวที่มีคนทำไว้ทั้งในพันทิป ยูทูป รวมทั้งพวกทริปแอดไวเซอร์ด้วยครัับ เราจะได้ข้อมูลความเห็นจากคนร้อยพ่อพันแม่ที่มีความต้องการต่างๆกันเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจจองห้องพัก
สำหรับการไปมัลดีฟส์ครั้งแรกของเราครั้งนีี้หวยออกที่ Safari island resort ครับ ด้วยการจองห้องพักแบบ Semi-water villa ที่ราคาถูกกว่าห้องแบบ Water villa แต่ก็ได้อารมณ์ของการพักบนน้ำแบบมัลดีฟส์อยู่เพราะห้องพักนี้จะมีทางเข้าอยู่บนชายหาดแต่มีหลังห้องพักยื่นออกไปในทะเล
ได้ครบในความต้องการที่ตั้งไว้ แบบ all inclusive ที่สามารถดื่มกินได้ทุกอย่างในรีสอร์ทตลอดเวลา รวมทริปพาไปดำน้ำดูปะการังและธรรมชาติกลางมหาสมุทรอินเดีย
รวมทั้ง เราจะได้นั่ง Sea plane สมความตั้งใจอีกด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in