เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แดดเผาที่มัลดีฟส์Ekk
แค่ก้าวเท้าออกไปเผชิญโลก
  • ทุกการเดินทางมีเรื่องราวเฉพาะที่เป็นความทรงจำในแบบของตัวเอง และแต่ละคนถึงแม้ว่าจะเดินทางไปด้วยกันต่างก็มีความทรงจำที่เป็นเรื่องราวในมุมมองเฉพาะของแต่ละคนที่แตกต่างกัน  ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าใคร เมื่อได้ออกเดินทางแล้วเราจะกลายเป็นคนละคนกับคนที่เราเป็นก่อนการเดินทาง  ไม่แต่เฉพาะตัวเองเท่านั้น การเดินทางยังทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเพื่อนร่วมทางที่เดินทางไปกับเรามากยิ่งขึ้น เมื่อกลับมาจากการเดินทางแต่ละครั้ง ความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนร่วมทางก็จะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนออกเดินทางไม่ว่าในแง่ไหนก็ตาม


    ขอบคุณที่โลกทุกวันนี้ที่เอื้ออำนวยให้การเดินทางท่องเที่ยวตามจุดหมายปลายทางต่างๆ เป็นสิ่งที่นักเดิินทางสมัครเล่นแบบเราสามารถทำได้แบบไม่ยากเย็นนัก  จากที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วการเดินทางของคนบนโลกนี้น่าจะน้อยกว่าปัจจุบันเป็นอย่างมาก
    ต้องขอขอบคุณการเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางของเราโดยสายการบินที่เรียกว่า Low cost airline เพราะสายการบินเหล่านี้เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางให้เราสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น เดินทางไปสู่จุดหมายที่ไกลมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือในราคาที่คนทั่วไปสามารถจ่ายได้
    เราจึงได้มีโอกาสในการเดินทางมากขึ้น และพบเห็นเพื่อนนักเดินทางแบบเรามากขึ้น   นักเดินทางสมัครเล่น ที่ใช้เวลาวันหยุดพักผ่อนอันมีค่าออกเดินทางเพื่อค้นหาจุดหมายที่แตกต่างกันไป
  • ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองครั้งแรก ผมเองไม่เคยใช้บริการการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์เลย เพราะผมเข้าใจตัวเองว่าเป็นคนที่อินดี้ ไม่ชอบทำอะไรอยู่ในกฏเกณฑ์ที่มีคนขีดเส้นเอาไว้ ชอบที่จะแหกกฏเกณฑ์ที่ตัวเองคิดว่าไร้สาระ ไม่ชอบทำอะไรตามๆกัน  และเวลาออกไปเที่ยวที่ไหนก็ชอบที่จะใช้เวลากับการซึมซับพลังของสถานที่นั้นๆ ชอบที่จะสังเกตวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวหลากหลายที่เดินทางมาท่องเที่ยวตรงที่จุดหมายปลายทางนั้น
    ถ้าใครอยากท่องเที่ยวอย่างอิสระ อย่างซึมซับความงดงามของการท่องเที่ยวอย่างเต็มอิ่ม ผมแนะนำให้ลองมาเที่ยวด้วยตัวเองกันครับ ลองสักครั้งแล้วจะติดใจครับ



    หนึ่งในกิจวัตรที่ผมมักจะทำในเวลาว่างๆ จากการทำงาน คือการเปิดเว็บไซด์ เปิดแอพพลิเคชั่น เพื่อมองหาตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นที่ราคาเย้ายวนใจ ในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ  ถ้าหากเจอว่าช่วงเวลาที่ตั๋วราคาถูกนั้นสามารถจัดการตารางเวลางานได้ก็จัดการซื้อตั๋วที่ราคาเย้ายวนใจนั้นไป
    เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งผมรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ฉลองปีใหม่ที่เมืองไทยเพราะปีนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานรื่นเริงแบบไทยๆ ไม่อยากเมา ไม่อยากฉลองสนุกสนานแบบเลื่อนลอยก็เลยลองหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปเรื่อยๆ  ปรากฏว่าดูไปดูมาก็ได้จัดการสอยตั๋วไปกลับ กรุงเทพ-ฉงชิ่ง เมืองที่ไม่เคยปักหมุดไว้ในหัวมาก่อนว่าเป็นเมืองที่อยากไปเที่ยว เมืองที่ไม่เคยอยู่ในสายตามาเลยก่อนการจองตั๋วครั้งนั้น  แต่การไปเที่ยวครั้งนั้นทำให้ผมเห็นความเป็นจีนและเข้าใจวิถีชีวิตของชาวจีนมากขึ้นกว่าก่อนหน้าที่จะเดินทางไปเผชิญด้วยตัวเอง  แถมยังได้ไปชิม มะหล่า หรือ หมาล่า สูตรต้นตำรับที่มีขายในเมืองนี้ก่อนที่จะเห็นขายกันเกลื่อนในเมืองไทย  ที่เห็นๆคือคนไทยมักจะขายอะไรตามๆกัน ถ้าเห็นใครขายอะไรแล้วขายดีก็มักจะทำตามๆกันโดยไม่เคยได้ศึกษาให้ถึงรากเหง้าของสิ่งที่เขากำลังทำอยู่จริงๆ
    น่าเสียดายที่คนไทยเราไม่ค่อยคุ้นชินกับการสร้างสตอรี่ให้กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ไม่คุ้นชินกับการศึกษาให้ลงลึกถึงรากเหง้า แต่เรามักจะทำอะไรตามๆกันแบบเห็นใครทำอะไรแล้วมีคนว่าดีในแบบของผู้ตามที่ดี ซึ่งก็จะโทษใครไม่ได้นอกจากระบบการศึกษาที่สร้างเราให้เป็นผู้ตามที่ดีและสร้างสตอรี่ไม่เป็นเพราะเราประมวลผลความคิดออกมาเป็นข้อสอบแบบเลือกกากบาทแทนที่จะประมวลผลความคิดออกมาเป็นเรื่องราวจากการเขียนคำตอบแบบอัตนัย

  • สำหรับการเดินทางสู่มัลดีฟส์ หนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของผมที่เคยฝันอยากจะมา #นั่งโง่ๆริมทะเล ที่มัลดีฟส์สักครั้งในชีวิต 
    การเดินทางครั้งนี้พวกเราวางแผนจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในช่วงค่าเฉลี่ยที่คนทั่วๆไปในปัจจุบันใช้ในการวางแผนจองตั๋วสำหรับการเดินทางล่วงหน้า เพราะนักเดินทางอย่างเราเรียนรู้ว่าถ้ารอจองตั๋วเครื่องบินหรือจองที่พักใกล้ๆวันเดินทางส่วนใหญ่เราจะได้ราคาที่แพงกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่การเดินทางท่องเที่ยวจึงมักจะทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางหลายๆเดือน  และอาจมีบางครั้งที่บังเอิญได้ตั๋วโปรโมชั่นจำพวกลดแหลก หรือโปรฯ 0 บาท ทำนองนี้ก็จะจองกันข้ามปีจนลืมไปว่าเคยจองตั๋วเครื่องบินไว้ก็มี


    หลังจากที่ได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้วก็เริ่มขั้นตอนการหารีสอร์ทสวยๆที่เราจะต้องไปอยู่ที่นั่นกัน การมานอนชิลๆริมทะเลที่มัลดีฟส์นั้นผมแนะนำว่าต้องมาสัก 3 คืน 4 วันกำลังเหมาะครับ เพราะวันแรกกว่าเราจะถึงที่พักก็บ่ายแก่ๆจนเกือบเย็นแล้วครับ และวันเดินทางกลับเราก็จะต้องเก็บข้าวของออกเดินทางไปสนามบินตั้งแต่สายๆของวันนั้น การเลือกมาอยู่อย่างน้อย 4 วันทำให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและความสวยงามของธรรมชาติถึงสองวันเต็มๆ
  • สำหรับการเดินทางไปครั้งนี้ผมมีโจทย์ใหญ่ๆ ที่ใช้สำหรับเลือกรีสอร์ทที่จะไปพัก คือ 
    ข้อแรก ราคาต้องไม่แรงเว่อร์เกินไป
    ข้อสอง ต้องได้นั่ง Sea plane เจ้าเครื่องบินที่บินขึ้นลงในทะเล

    ส่วนการนอนบน Water villa หรือนอนในห้องพักที่ยื่นออกไปกลางทะเลซึ่งถือเป็น signature ของการมาเที่ยวมัลดีฟส์ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเราๆ ชื่นชอบและต้องการไปสัมผัสบรรยากาศนั้น แต่สำหรับผมแล้วโดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับการนอนในห้องพักแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแต่ขอให้ได้ที่พักในราคาเหมาะสมในงบประมาณที่เตรียมไว้ก็เพียงพอแล้ว
    เพราะประสบการณ์การท่องเที่ยวของผมส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นที่ห้องพักหรูหราราคาแพงเพราะการใช้งานของโรงแรมสำหรับการท่องเที่ยวในแบบของผมคือใช้เป็นที่ซุกหัวนอน พักผ่อนเอาแรงเพื่อเตรียมการท่องเที่ยวในวันถัดไป

    การวางแผนท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มีแอพพลิเคชั่นหลายตัวที่ใช้ค้นหาและจองโรงแรม รีสอร์ทที่เราจะเข้าพักได้ครับ
    ที่มัลดีฟส์มีระดับราคาของรีสอร์ทให้เลือกตั้งแต่ราคาที่คุณเอื้อมถึงไปจนถึงระดับราคาที่คุณอาจต้องปีนบันไดหรืออาจต้องใช้กระเช้าลอยฟ้าเพื่อให้เอื้อมถึงราคาที่แสนหฤโหดพวกนั้น
    การค้นหาโรงแรมนอกจากจะดูราคาและรีวิวในแอพพลิเคชันของเอเจนซีที่รับจองโรงแรมแล้วผมอยากจะแนะนำให้ใจเย็นๆลองหาดูรีวิวที่มีคนทำไว้ทั้งในพันทิป ยูทูป รวมทั้งพวกทริปแอดไวเซอร์ด้วยครัับ  เราจะได้ข้อมูลความเห็นจากคนร้อยพ่อพันแม่ที่มีความต้องการต่างๆกันเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจจองห้องพัก
    สำหรับการไปมัลดีฟส์ครั้งแรกของเราครั้งนีี้หวยออกที่ Safari island resort ครับ ด้วยการจองห้องพักแบบ Semi-water villa ที่ราคาถูกกว่าห้องแบบ Water villa แต่ก็ได้อารมณ์ของการพักบนน้ำแบบมัลดีฟส์อยู่เพราะห้องพักนี้จะมีทางเข้าอยู่บนชายหาดแต่มีหลังห้องพักยื่นออกไปในทะเล
    ได้ครบในความต้องการที่ตั้งไว้ แบบ all inclusive ที่สามารถดื่มกินได้ทุกอย่างในรีสอร์ทตลอดเวลา รวมทริปพาไปดำน้ำดูปะการังและธรรมชาติกลางมหาสมุทรอินเดีย
    รวมทั้ง เราจะได้นั่ง Sea plane สมความตั้งใจอีกด้วย





  • ที่มัลดีฟส์เราอาจไม่ต้องเดินทางไปท่องเที่ยวตะลอนๆ เหมือนการไปเที่ยวที่อื่น แต่ก็ใช่ว่าการไปมัลดีฟส์จะแค่ไปนั่งๆนอนโง่ๆ ในห้องพักริมทะเลเท่านั้น แต่ที่มัลดีฟส์ยังมีกิจกรรมหลายๆอย่างให้ทำในช่วงเวลา 3-4 วันที่เราต้องไปติดเกาะอยู่ที่นั่นให้ได้รู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าเกินไป  ทั้งการดำน้ำรอบๆบริเวณรีสอร์ทดูฝูงปลาที่สวยงามแปลกตา หรือจะนั่งเรือออกไปดำน้ำดูปะการัง ดูปลาในเกาะเล็กๆกลางมหาสมุทรที่ยังไม่มีใครมาจับจองเป็นเจ้าของ และอีกหนึ่งกิจกรรมหากใครไปเที่ยวกันเป็นคู่ คือ กิจกรรมถ่ายรูป ที่คุณผู้ชายทั้งหลายจะต้องสวมวิญญานตากล้องฝีมือขั้นเทพทำการถ่ายรูปให้พวกคุณผู้หญิงทั้งหลาย
    “เอาแบบไม่อ้วนนะ”
    “ขอขายาวๆนะ”
    “อี้... หลับตาเนี่ยยยย เอาใหม่ๆ”
    “ขอแบบฟรุ้งฟริ้งนะ”
    “มาๆๆๆๆ ตรงนี้สวย มาเซลฟีกันหน่อย”
    .
    .
    .
    รับรองเลยครับว่าตลอด 4 วัน 3 คืนที่มัลดีฟส์แทบจะไม่มีเวลาที่คุณจะได้ #นั่งโง่ๆริมทะเล เลยครับ


    การไปมัลดีฟส์ได้ทำให้เรารู้ว่ามนุษย์เราเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กในธรรมชาติที่กว้างใหญ่ของโลกใบนี้ ถ้าหากเราอยู่กับธรรมชาติแบบให้เกียรติและทะนุถนอมธรรมชาติ ธรรมชาติจะตอบแทนเราให้ได้พบกับความสุข ความสวยงามของธรรมชาติ

    การไปมัลดีฟส์คงไม่ใช่การไปนั่งโง่ๆริมทะเล แต่ การไปมัลดีฟส์คือการกลับคืนสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ และกลับสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของ “แม่” ที่เราเรียกว่า “โลก” นั่นเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in