ก็เหมือนกรุงเทพฯบ้านเราเนี่ยแหละต้นไม้ใหญ่ถูกแทนที่ด้วยตึกสูง นกกระรอกที่เคยอาศัยกลับกลายเป็นผู้คนที่กระจุกตัวอยู่ในแนวดิ่งสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่ของเมืองนี้จึงไปกองกันอยู่ที่เมืองเก่ากันหมด
มีที่สำคัญๆไม่กี่ที่นะจริงๆแต่เป็นเมืองที่เที่ยวได้ทั้งเมืองเดินไปตามตรอกซอกซอยก็มีเสน่ห์ของเวียดนามเต็มไปหมด ตึกแถว ศาลเจ้า ร้านค้า ผู้คนเป็นใจให้ถ่ายรูปยิ่งหนักเป็นเมืองที่เดินเตร็ดเตร่แล้วไม่เบื่อเลยแต่ละซอยก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป
คนเวียดนามเริ่มทำงานกัน7โมง พักกลางวันตอน11โมงและเริ่มทำอีกทีบ่ายโมงเลยจร้าเพราะคนที่นี้เขานอนกลางวันกันจึงต้องเริ่มทำงานเช้าขึ้นมาหน่อย
ถนนที่นี่เลยคึกคักกันตั้งแต่เช้าร้านเสื้อผ้าร้านอาหารตั้งแผงกันเสร็จสรรพเพื่อรองรับความต้องการสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ได้เที่ยวกันตั้งแต่เช้าเลยเบื่อๆอาหารโรงแรมออกมาข้างนอกก็มีคุณป้าตั้งกระจาบขายอยู่ตามหัวถนนพร้อมกับเจ้าเก้าอี้ซักผ้าตัวเล็กๆล้อมรอบให้ลูกค้ามานั่งกินกันซึ่งก็เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของเวียดนาม
ใจกลางเมืองเก่าแห่งนี้มีทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่บริเวณโดยรอบถูกเนรมิตเป็นที่ออกกำลังกายในตอนเช้าของเหล่าอาม่าอากงเป็นที่พบปะทักทายในวันเสาร์-อาทิตย์ถนนถูกปิดเพื่อเป็นที่ปั่นจักรยานของหนุ่มๆยามแดดร่มลมตกก็เป็นสถานที่พลอดรักกันของหนุ่มสาวเมืองนี้โดยทั้งหมดถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุร้อยๆปี
ที่มาของชื่อนี้เท่าที่ฟังๆมาก็ประมาณพระเจ้าเลไทโตใช้ดาบไปรบชนะมาแล้วก็นั่งเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบให้เต่าศักดิ์สิทธิ์โดยตรงกลางทะเลสาบก็จะมีเกาะเล็กๆและมีเจดีย์ตั้งอยู่เรียกว่า Trap Ruaหรือหอคอยเต่า
บริเวณข้างๆสระก็จะมีวัด NgocSon จุดเด่นของที่นี่คือเจ้าสะพานแดงที่ไว้ข้ามไปยังวัดกลางน้ำ
ห่างจากทะเลสาบออกมาไม่ไกลก็พบกับโบสถ์คริสต์โบราณ
วิหารวรรณกรรม (Van mieu) เป็นโรงเรียนของพวกขุนนางและยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนามอีกด้วยโดยรูปแบบของสิ่งก่อสร้างภายในก็ได้รับอิทธิพลมาจากจีนและภายในก็ร่มรื่นย์มากๆมีต้นไม้สีเขียวบ่อน้ำขนาบข้างโอ้ยชอบบบ
*ใครที่กำลังจะสอบเขาก็มักจะมาขอพรกันที่นี่
Ho ChiMinh's Mausoleum เป็นอีกสถานที่นึงที่ไม่ควรพลาดก่อนเข้าต้องตรวจเช็คเสื้อผ้าให้ดีนะของติดตัวโทรศัพท์นี้ปิดได้ปิดเลยที่นี่เหล่าทหารคุมเข้มมากถ้าเข้าไปแล้วมีเสียงโทรศัพท์เข้ามานี้อาจโดนหิ้วไปได้ทุกคนเดินเป็นแถวตามเส้นทางเข้าไปบรรยากาศภายในแอบวังเวงนิดๆด้วยความไฟสลัวๆและอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศแม้จะมีคนต่อหน้าต่อหลังและมีคุณทหารยืนนิ่งอยู่ข้างๆตลอดทางก็ตามลุงโฮนอนหลับอยู่ภายในตู้แก้วใสล้อมรอบด้วยนายทหาร4คนตามมุมของตู้ภายในห้องไม่มีอะไรตกแต่งเป็นเพียงห้องโล่งๆห้องนึงคนที่นี่จะไม่พูดว่าลุงจากไปแล้วพูดแค่เพียงว่า ลุงหลับอยู่
แม้ความต้องการของลุงคือเมื่อลุงจากไปให้เผาและแยกอัฐิเป็นสามส่วนไว้ที่ภาคเหนือกลางและใต้เพื่อที่คนที่อยากมาเยี่ยมจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล
แต่ทุกวันนี้ร่างของลุงก็ยังคงไม่ถูกเผาและนำมาไว้ที่นี่ได้กว่า40ปีแล้ว
ข้างๆสุสานลุงโฮเป็นที่ทำการของผู้นำประเทศและไว้คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองสีเหลืองของอาคารถูกทาทับซ้ำใหม่ทุก3ปี ให้ยังคงความเหลืองอร่ามไว้
เป็นเพจท่องเที่ยวในfacebookที่เราทำร่วมกับเพื่อนอีก2คน ยังน้องใหม่อยู่ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยน้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in