โลกิคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะสายเลือดโยธันที่ทำให้เขาขี้ร้อนเสียเหลือเกิน
เพราะถึงแม้จะสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆแต่เหงื่อก็ยังผุดพราวไหลผ่านไปทั่ว
ทั้งใบหน้า
แผ่นอก
อ้อยอิ่งบนหน้าท้องแบนราบ
เมื่อรวมกับความเหนอะหนะตามเนื้อตัวก็ยิ่งชวนให้รำคาญมากกว่าสำราญใจ
“ข้าร้อน”
โลกิว่า
สุ้มเสียงหงุดหงิดเสียเต็มประดาทว่าไม่ได้ผลักไสอ้อมกอดแสนกะทันหันจากเบื้องหลังนั้นออกไป
“ข้าก็ร้อน”
ธอร์ย้อนด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
โลกิได้ฟังแล้วก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
“ก็คลายอ้อมกอดไปเสีย”
“อย่างนั้นข้าจะร้อนใจยิ่งกว่า”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
เขาอยากกล่อมให้ตัวเองเชื่อว่าอากัปทั้งหมดเป็นผลพวงจากอากาศเสียก็แต่มุมปากมันเก็บอาการไม่อยู่เอาเสียเลย
แม้มีผิวกายสีฟ้าก็ไม่อาจปิดบังความรู้สึก
“อากาศร้อนจนเพี้ยนไปแล้วกระมัง”
ธอร์หัวเราะ
ด้วยรู้ดีว่าคำพูดนั้นก็แค่เบี่ยงบ่ายประเด็นที่ชวนขัดเขิน
“ลำบากหรือไม่”
เทพเจ้าสายฟ้าถาม
“สิ่งใดลำบาก”
โลกิขมวดคิ้วมุ่น
ไม่สู้จะเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อนัก
“ที่นี่”
ธอร์คลายอ้อมกอดลงคงกังวลว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายตัว
“พระมารดาท่านว่าชาวโยธันไม่ใคร่พึงใจฤดูร้อนของแอสการ์ดนักที่บ้านเมืองของเจ้าฤดูหนาวยาวนานกว่าโลกอื่นร่างกายจึงไม่คุ้นชินสภาพอากาศอย่างนี้”
“เป็นเช่นนั้น”
เขายิ้ม
พยักหน้ารับ
“อ้อ—“
อีกฝ่ายอึกอัก
โลกินิ่งเงียบ
ด้วยรู้ว่าธอร์ออกจะทื่อมะลื่อไปเสียหน่อยเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก
“เช่นนั้นเจ้าเสียใจหรือไม่ที่ตัดสินใจติดตามข้ามายังแอสการ์ด”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
หมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ท่านมันโง่”
ด่าทอด้วยน้ำเสียงรักใคร่
โลกิเอื้อมมือ
จัดการทัดปอยผมที่ตกปรกใบหน้าไว้หลังใบหูของอีกฝ่าย
“สิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าเสียใจไม่ใช่อากาศงี่เง่าที่นี่—”
เขาเว้นจังหวะ
“—เป็นท่านต่างหาก”
ธอร์ยิ้มกว้าง
ดูน่าโมโห
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ใจของเขาโลดขึ้น
“เป็นข้า”
“เป็นท่าน”
โลกิทวนคำ
“เช่นนั้นคงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
เขาเบ้หน้า
“ดูท่านมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน”
อดค่อนขอดตามประสาไม่ได้
“อย่างนั้นให้ข้าได้พิสูจน์”
ธอร์กระซิบผ่านริมฝีปาก
“—ดีหรือไม่”
กดจูบลงบนเขาโค้งสวยงามของยักษ์น้ำแข็ง
ก่อนเอื้อมมือปลดผ้าผืนบางออกจากหัวไหล่
มันร่วงหล่น
เราสองเปลือยเปล่า
ในอ้อมกอดอ่อนโยนของธอร์นั้นเอง—
เป็นครั้งแรกที่ความเหนอะหนะตามเนื้อตัวไม่ได้ทำให้โลกิรำคาญใจอีกแล้ว
-end-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in