วันนี้เป็นวันที่สองของคอร์สปฐมนิเทศ CMS และเราไปทัศนศึกษาที่ Point 5 มาครับ
สถานีควบคุม CMS ที่ 5 (CMS control point 5) หรือย่อว่า P5 คือสถานีควบคุมตัวเครื่อง CMS ซึ่งจะมีโรงงานไว้สำหรับอัปเกรดและซ่อมแซมตัวเครื่อง พร้อมกับเครื่องมือเพื่อลำเลียงตัว CMS ลงใต้ดิน (อย่าลืมนะครับว่าเครื่องพวกนี้ต้องอยู่ใต้ดิน เพราะท่อ LHC อยู่ใต้ดิน และอนุภาคก็จะเคลื่อนที่ไป ๆ มา ๆ ในท่อใต้ดิน ดังนั้นเราต้องหาทางวางเครื่องพวกนี้ใต้ดิน) ที่นี่ยังมีเครื่องปั่นไฟ แท็งก์หล่อเย็นไว้ควบคุมอุณหภูมิเครื่อง ปั๊มอากาศที่จะส่งอากาศลงข้างล่างให้คนที่ทำงานข้างล่างหายใจได้ และ trigger farm ซึ่งเป็นฟาร์มซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเครื่อง เพื่อคัดกรองข้อมูลที่ไม่ต้องการขั้นแรกออกไป ก่อนจะส่งออกไปยังที่อื่น
ก่อนจะลงไปทัวร์กันข้างล่าง เราก็ต้องเข้าฟังบรรยายเกี่ยวกับความปลอดภัยกันนิดหน่อย งานบรรยายนี้เล่าเกี่ยวกับการวางตัวในที่ทำงาน เราควรทำอะไร เราไม่ควรทำอะไร โดยเฉพาะถ้าที่ทำงานคุณมีสนามแม่เหล็กแรง ๆ เลเซอร์ ไฟฟ้าแรงสูง ก๊าซที่หายใจเข้าไปไม่ได้ และกัมมันตภาพรังสี
และเนื่องจาก P5 มันมีทุกอย่างที่ผมได้บอกไว้ทั้งบนดินและใต้ดินเลย ดังนั้นมันก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดความฉิบหายในรูปของอุบัติเหตุบ้างเป็นธรรมดา และมันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ ครับ แต่ตลอด 25 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีตัวเครื่อง CMS ขึ้นมาก็เกิดอุบัติเหตุน้อยมากจนนับครั้งได้ ที่นี่มีระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินที่สุดยอดมากครับ หนึ่งในเครื่องมือที่เขาใช้คือโทรศัพท์แดงหรือ Red phone ซึ่งมีสีแดง (แหงล่ะวะ ไม่งั้นเขาจะเรียก red phone เหรอ) และเป็นระบบใช้สายโทรศัพท์ ดังนั้นต่อให้ไฟตกไปแล้ว เราก็ยังโทรแจ้งเขาได้ว่า "ไฟตกนะ" ข้อดีอีกอย่างนึงคือเมื่อยกหูโทรศัพท์แล้ว เจ้าหน้าที่จะรู้ได้ทันทีว่าโทรมาจากไหนโดยไม่ต้องบอกอะไรสักคำ ถ้าเราบอกไม่ได้ เช่น กำลังขาดอากาศหายใจ ก็ไม่ต้องฝืนพยายามบอกครับ เจ้าหน้าที่จะตามหาเราจนเจอเอง
ทุกอย่างใน P5 เป็นอันตรายได้หมดครับ เช่นน้ำ ก๊าซรั่ว สายเปลือย กัมมันตภาพรังสีรั่ว ไฟตก หรือแม้กระทั่ง
ตัววีเซิลหน้าโง่ที่หลงเข้ามายังท่อ LHC ในเมื่อเขาบอกว่าทุกอย่างเป็นอันตรายได้ ผมเลยถามเอาฮาไปว่า "เพื่อนร่วมงานล่ะครับ เป็นอันตรายด้วยรึเปล่า"
ตอนนั้นผมคิดว่าผมถามไปแล้วทุกคนในห้องจะฮา แต่ไม่ครับ เกือบทุกคนเงียบกริบ ผู้บรรยายที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย (ที่ไม่ใช่ยาม) สำหรับพนักงานทุกคนที่นี่ก็ยอมรับว่าเคยมีเพื่อนร่วมงานทะเลาะกันมาแล้ว แต่กรณีนั้นผ่านมานานมาก ผมจึงพออนุมานได้ว่าคนที่นี่ไม่ต่อยกันมานานมากแล้วตั้งแต่ "อุบัติเหตุ" ในครั้งนั้น
พอมาคิดดูแล้ว เซิร์นก็มีนักฟิสิกส์ วิศวกร และพนักงานในภาคส่วนอื่น ๆ จากทั่วโลก ร้อยพ่อพันแม่ มีวัฒนธรรม จารีต ประเพณีต่าง ๆ กัน แต่กลับอยู่ร่วมกันได้ พอได้มาเห็นมวลมหาประชาชนที่มีความหลากหลายอย่างสุดโต่ง สูงต่ำดำขาวต่าง ๆ กัน และมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถทำงานร่วมกันเป็นองค์กรเดียวกันได้ และยังสามารถค้นพบความลับของจักรวาลด้วยกันได้อีก มันน่าทึ่งนะครับ
แหม อยากให้การเมืองบ้านเราเป็นแบบนี้บ้างจริง ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in