เราเดินข้ามถนนไปยังฝั่งของตลาดไพค์เพลส ร้านค้าแผงลอยกลางแจ้งตั้งท้าแดดอยู่เต็มไปหมด แต่แสงแดดเองก็คงจะไม่ส่องประกายเท่าข้าวของมากมายที่วางขายอยู่ที่นี่ ฝันบอกได้แค่ว่านี่มันสวรรค์ของคนที่ชอบความสร้างสรรค์แท้ๆ งานแทบจะทุกชิ้นเป็นงานแฮนด์เมดที่ทำอย่างบรรจงกลายเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ เป็นงานที่แสดงความคิดนอกกรอบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่พิสดารแปลกตา แต่ก็เตะตาไม่น้อย เห็นอะไรก็อยากได้ไปเสียหมด (ฝันแนะนำให้คุณไปดูเองกับตาค่ะ ผลงานมากมายที่ดีต่อใจแต่อาจจะไม่ดีต่อกระเป๋าเท่าไหร่) อยากจับเจ้าของผลงานทุกชิ้นมาสัมภาษณ์ว่าได้รับแรงบันดาลใจอะไรให้ประดิษฐ์ของชิ้นนี้ขึ้นมา อัจฉริยะจริงๆ
ด้านในของตลาดก็ไม่น้อยหน้า มีของขายมากมายเช่นกัน แต่จะเป็นคนละอารมณ์กับด้านนอก ด้านในมีขายทั้งพืชผักผลไม้และของสดอื่นๆ รวมไปถึงร้านขายดอกไม้สดหลายชนิดหลากสีสัน ตลาดแห่งนี้เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 แล้ว และยังได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่เปิดให้ชาวสวนทั่วไปทั้งรายใหญ่รายย่อย ช่างฝีมือ และพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายมาทำธุรกิจกันอย่างอิสระที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอีกด้วย ตลาดแห่งนี้ผ่านเหตุการณ์ใหญ่ๆมามากมายรวมไปถึงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนี้และยังเป็นที่ๆชาวเมืองทั้งหลายมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก
โดยรวมๆแล้ว ขึ้นชื่อว่าตลาด บรรยากาศการซื้อขายก็ไม่ได้ต่างไปจากที่อื่นมากเท่าไหร่ บรรยากาศก็เรื่องหนึ่ง สถานที่และการตกแต่งภายในก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่นี่สะอาดมาก ที่พื้นไม่มีเศษซากขยะใดๆทั้งสิ้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ฝันสังเกตเห็นในตลาดแห่งนี้คือกระเบื้องที่ปูอยู่บนพื้น ไม่มีแผนไหนเหมือนกันเลย เพราะกระเบื้องทุกแผ่นมีชื่อคนสลักอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆที่เดินทางมากับฝันมีใครเอะใจจุดนี้บ้างหรือเปล่า แต่ภายหลังฝันจึงรู้ว่าชื่อเหล่านี้ถูกจารึกเอาไว้เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่มีพระคุณต่อตลาด เพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขาที่คอยช่วยเหลือและดูแลตลาดมาตลอดโดยเฉพาะช่วงที่ตลาดไพค์เพลสมีการปรับปรุงใหม่
ตลอดการเดินทางของฝันในวันนี้ ฝันพบความผิดปกติที่สวยงามอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ผู้คนในเมืองนี้เขาเดินถือช่อดอกไม้กันค่ะ ทั้งชายทั้งหญิงถือช่อโตๆกันทั้งนั้น จะบอกว่าซื้อไปจัดแจกันดอกไม้ที่บ้านก็คงไม่ใช่เพราะคงไม่ได้ต้องใช้ดอกไม้เยอะขนาดนั้น จะบอกว่าซื้อไปให้คนรักก็คงไม่ใช่อีกเช่นกันเพราะนี่ก็ถือกันจนจะครบทุกคนอยู่แล้ว อะไรจะไปอินเลิฟขนาดนั้น ไม่มีคนโสดบ้างหรือไง จะบอกว่าเป็นวันแม่ของเขา ก็ยังมาไม่ถึง ด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปมก้อนใหญ่ๆอยู่บนหน้าของเราทุกคนแล้ว ฝันต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อค้นหาคำตอบแล้วล่ะ
คำตอบที่ได้ทำให้พวกเราร้องอ๋อ เพราะวันนั้นเป็นวันระลึกถึงทหารสหรัฐฯทั้งชายและหญิงที่เสียชีวิตในสงครามค่ะ เขาเรียกว่าวัน Memorial Day หรือ Decoration Day จะจัดขึ้นทุกวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมของทุกๆปี และมันตรงกับวันนี้พอดี ผู้คนจะไปที่อนุสาวรีย์หรือสุสานเพื่อแสดงความเคารพแด่เหล่าผู้กล้าผู้ล่วงลับ อาสาสมัครหลายคนจะไปช่วยปักธงชาติอเมริกาที่หลุมศพในสุสานแห่งชาติด้วย ฝันเชื่อว่าพี่ๆทหารเหล่านั้นคงจะต้องยิ้มอยู่บนฟ้าแน่ๆ พวกเขาสิ้นใจอย่างสมศักดิ์ศรีในสมรภูมิรบ มีดินบ้านเกิดกลบหน้า และธงชาติปกคลุมร่างกาย นอนหลับอย่างสงบตลอดกาล วันนี้คนทั้งประเทศหยุดทำงานและกลับมาหาผู้มีพระคุณ ชื่อผู้มีพระคุณของพวกเขาก็ถูกฝังอยู่ในผืนดินเช่นเดียวกัน เพราะร่างทั้งหมดที่ยอมสละตัวเองนั้นอยู่ข้างล่างนั่น ทำให้ผืนดินแผ่นนี้สูงขึ้น แม้จะไม่มากนักแต่ก็เป็นรากฐานที่มั่นคงแก่ชนรุ่นหลัง ว่าแล้วเชียวท้องฟ้าวันนี้ถึงได้สดใสเปล่งประกายขนาดนี้ พี่ๆเห็นดอกไม้มากมายที่ทุกคนถืออยู่ไหมคะ มันจะไม่สวยงามเลยถ้าไม่มีพี่ๆคอยคุ้มครองดูแลรักษามันมา ให้ชาติเป็นชาติอย่างทุกวันนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in