เรามีโอกาสได้แวะเวียนเข้าไปที่ห้องเรียนวิชานักศึกษากับการพัฒนาตน (Student and Self-Development) วิชาเล็กๆ ของมหาวิทยาลัยที่เราจบมา วันที่เราไปเป็นวันสุดท้ายของวิชาช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บก็ถึงกิจกรรมที่ครูพูดคุยกับผู้ปกครองของนักศึกษาผ่านโทรศัพท์พอดี เป็นการคุยกันครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเด็กกับผู้ปกครอง ความเปลี่ยนแปลงของน้องๆ หลังจากได้เข้ามาเรียนวิชานี้ และความห่วงใยที่ผู้ปกครองอยากบอก จากนั้นครูก็จะส่งต่อสารน์ที่พ่อแม่หรือพี่พูดไว้ให้นักศึกษาได้ฟัง เป็นเรื่องดีที่นักศึกษาจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร เปลี่ยนแปลงพัฒนาอะไรมั้ย ผ่านมุมมองของคนใกล้ชิด
แต่มีน้องนักศึกษาคนหนึ่งที่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ โดยมีเพื่อนข้างๆ นั่งปลอบอยู่ เป็นน้องที่เราเคยทำกิจกรรมด้วยกันวันหนึ่ง ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเราเห็นว่าน้องเป็นเด็กที่ตั้งใจทำงานและร่าเริงมาก เราตกใจเลยถามน้องคนหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเหรอ น้องตอบมาว่าเพื่อนเสียพ่อกับแม่ไปหมดแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะให้ใครคุยโทรศัพท์กับครู... เราอึ้งไปพักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ช่วงสุดท้ายก่อนจากกันคือช่วงเวลาแห่งการกอดอำลา เราได้กอดน้องคนนี้ และพูดให้กำลังใจสั้นๆ ยอมรับว่าตอนนั้นไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ "เป็นคนที่เข้มแข็งมากๆ เลยนะ เนี่ยเก่งแล้วรู้มั้ย ดูรอบๆ สิมีคนรักเราเยอะเลย มีทั้งเพื่อนทั้งครูมีพี่ด้วย มีอะไรก็คุยได้ตลอดนะ" เรากอดกันอีกสักพัก...
"You can choose your friends, but you cannot choose your family "
- Harper Leeas
จากหนังสือ To Kill a Mockingbird
ความสุขและสุขภาพที่ดีเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ดีไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือครอบครัวเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ถ้าถูกบังคับให้เลือกระหว่างเพื่อนหรือคนในครอบครัว คุณจะเลือกอะไร? เป็นคำถามที่ยากใช่มั้ยละ แต่นักวิจัยชาวอเมริกันได้ออกมาให้คำตอบว่าเพื่อนสำคัญกว่าคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น !
ผลงานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตต (Michigan State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนมีผลต่อสุขภาพและความสุขของมนุษย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ William Chopik หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า "เพื่อนมีความสำคัญมากขึ้นตามอายุ" เพื่อนที่มีคุณภาพแม้มีจำนวนน้อยจะส่งผลดีต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของเรา หรืออาจพูดได้ว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในตอนนี้ถือเป็นการลงทุนเพื่อความสุขในอนาคต
งานวิจัยนี้เก็บข้อมูลจากการสำรวจประชากรกว่า 280,000 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ สุขภาพ และความสุขของประชากรทุกช่วงอายุจากกว่า 100 ประเทศ จำนวน 271,053 คน กลุ่มที่สองจะเจาะจงไปที่การสนับสนุนในความสัมพันธ์ (relationship support) และโรคเรื้อรังของประชากรวัยผู้ใหญ่อายุ 30-59 ปี จำนวน 7,481 คน จากผลการสำรวจพบว่ากลุ่มแรก ทั้งครอบครัวและเพื่อนมีผลต่อสุขภาพและความสุขในชีวิต สำหรับกลุ่มที่สองพบว่าผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับเพื่อน มีแนวโน้มจะป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น ขณะที่คนที่มีเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันนั้นมีความสุขมากกว่า จึงสรุปได้ว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนสามารถทำนายสุขภาพและความสุขเมื่อคนเราอายุมากขึ้นได้
เหตุผลก็คือคนที่มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นทำให้ไม่โดดเดี่ยว รู้สึกดีและมีที่พึ่ง ขณะเดียวกันแม้คนในครอบครัวนั้นจะอยู่กับเราตลอดเวลา คอยช่วยเหลือกัน มีความสุขไปพร้อมๆ กันก็จริง แต่บางครั้งก็อาจสร้างปัญหาให้เราได้เช่นกัน นักวิจัยยังบอกอีกว่า "ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงมีผลต่อความสุขของเราในทุกวันและมีผลต่อชีวิตของเราในระยะยาวมากกว่าความสัมพันธ์แบบคู่รักหรือกระทั่งครอบครัว"
เพื่อนที่สามารถอยู่กับเราไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ เพื่อนที่เราจะขอความช่วยเหลือและขอคำปรึกษาได้เสมอ ถ้าเจอแล้วก็ขอให้รักษาไว้เพราะคนนั้นแหละคือคนที่คุณต้องการที่สุดในชีวิต
นี่อาจเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ความสัมพันธ์กับครอบครัวไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หรือมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนใครๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาในครอบครัวแบบที่เราอยากได้ แต่เราสามารถสร้างมิตรภาพในแบบที่เราต้องการได้
ถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนกับครอบครัวจะเลือกอะไร? คงเป็นคำถามที่ยากจะตัดสินใจ เพราะบางทีก็แยกไม่ออกเหมือนกัน ก็เพื่อนที่อยู่ข้างๆ เราในทุกๆ วันได้กลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้ว [กอด]
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in