ต้องออกตัวก่อนว่า การเขียนบทความต่อไปนี้มิได้มีเจตนาจงใจที่จะเขียนเป็นข้อวิจารณ์หากแต่เป็นการตั้งข้อสังเกตที่ได้จากละคร เพราะหากจะดูละครเพื่อความบันเทิงสนุกและผ่อนคลายเท่านั้น คงจะไม่ใช่วิสัยของผู้เขียนสักเท่าไหร่เพราะละครแต่ละเรื่องย่อมสอดแทรกสภาพสังคม อุดมคติความเป็นไปของสังคม เพื่อให้ผู้ชมทราบถึงสิ่งที่ผู้เขียนบทประพันธ์และบทโทรทัศน์ต้องการตอบสนองต่อผู้ชมเพื่อให้เกิดอรรถรสในการรับชมได้มากที่สุด
หลังจากที่ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาสออกอากาศได้ไม่กี่ตอนก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ชนอย่างล้นหลาม เกินความคาดหมายต่อผู้จัดเป็นอย่างมากทำชื่อเสียงและกู้เรตติ้งคืนให้ช่องสาม ดังสนั่นพอๆกับเรื่องนาคี ที่ทำนางเอกสาวแต้วและเคน ภูภูมิ มีชื่อเรียกไปอีกว่า คำแก้ว และคุณทศพล และเพลงคู่คอง ก็ทำเอาคนติดหูจนร้องตามได้ไปตามๆกัน กลับมาที่เรื่องบุพเพสันนิวาสกันบ้าง เรื่องนี้ถือว่าทำให้ชาวเนต และผู้ชมทางบ้านใช้คำพูดของตัวละครในเรื่องมาสื่อสารกันจนเป็นกระแสอย่างคำว่า ออเจ้า ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ใครต่อใครก็จะพูดคำว่า ออเจ้า หากใครไม่ได้ดูก็เหมือนจะคุยกับใครไม่รู้เรื่องเลยซะทีเดียว
มีคำถามมากมายที่ว่า ทำไมละครเรื่องบุพเพสันนิวาสถึงได้มีคนนิยมชมชอบ และดังเป็นพลุแตกขนาดนี้ หลังจากปี 2557 เป็นต้นมา กระแสของทีวีดิจิตอล เริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมไทย นั่นหมายถึงผู้ชมสามารถเลือกเสพละครได้ตามที่ตนต้องการ แต่ละช่องงัดไม้เด็ดออกมาเพื่อดึงกระแสทำให้ช่องหลักอย่างช่อง 3 และช่อง 7 แบ่งตลาดคนดูไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการมีโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น facebook Line TV twitter และอีกหลายช่องทางที่ทำให้คนสามารถเสพความบันเทิงได้มากกว่าในอดีต ที่คนจะรอเสพสื่อจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และวิทยุ ทำให้กระแสสังคม รวมถึงความต้องการของคนเกิดความเปลี่ยนแปลงไป
กลับมาที่ละครบุพเพสันนิวาส มีนักเขียนนักวิชาการออกบทความผ่านโซเชียลมีเดีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ไว้หลายแบบ แต่ที่ข้าพเจ้าจะยกมานี้เป็นมุมมองในมิติที่ข้าพเจ้าเห็นว่าน่าสนใจ กล่าวคือจากการที่ละครเรื่องนี้เกิดกระแส อาจมีสาเหตุมาจากการที่สภาพสังคมไทยในปัจจุบันไม่มีสิ่งที่ตื่นตา ตื่นใจ ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมก็ดูจะไม่มีอะไรที่คืบหน้า ประชาชนถูกบีบอัดด้วยสภาพสังคมที่เฉื่อยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประกอบกับข่าวสารที่เกิดขึ้นในสังคมแต่ละข่าวก็ช่างทำให้ผู้เสพเกิดความหนักหน่วงและเพิ่มความเครียดให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นข่าวป้าทุบรถ ข่าวแม่ฆ่าลูก คดีเสือดำและอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เห็นความฉาวโฉดของสังคม และทำให้คนเริ่มตึงเครียด สถานการณ์ว่างงานของคนในสังคม การทุจริตคอรัปชั่น ทำให้คนต้องการเสพความบันเทิงหากแต่ยังหาละครที่จะตอบสนองความต้องการของคนที่ทำให้เกิดความบันเทิงและเข้าถึงได้ง่ายนั้นก็จะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่ในสถานีโทรทัศน์หลัก
เมื่อบุพเพสันนิวาสลงจอ ย่อมตอบสนองความต้องการของคนได้อย่างตรงจุดด้วยคาแรกเตอร์ของนางเอก อย่างเกศสุรางค์ที่ไปสิงร่างแม่หญิงการะเกดโดยเธอได้พกตัวตนของคนในยุคปัจจุบันเข้าไปในโลกอดีต
อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นผู้หญิงที่ต้องการย้อนกลับไปในอดีตลองมาสังเกตลักษณะของผู้หญิงที่ย้อนเข้าไปในอดีต มักจะมี 3 สิ่งที่คล้ายคลึงกันดังนี้
หากแต่ในลักษณะตรงข้ามกัน แม่หญิงการะเกดในเรื่องบุพเพสันนิวาส ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงวิปลาส (วิปลาส ในที่นี้หมายถึงผิดไปจากปกติ) ในสังคมอยุธยา แต่ด้วยความที่กิริยา มารยาทประกอบกับความสามารถของเธอทำให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งหลายด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงออก ที่แตกต่างจากผู้หญิงอื่นจึงทำให้ดูมีเสน่ห์ในสายตาชายที่ไม่ง่ายนักที่จะพบกับผู้หญิงที่กล้าแสดงออกทำให้ไม่ว่าจะเป็นหมื่นเรือง (รับบทโดย ปั้นจั่น) และ พระเอกอย่างท่านหมื่นสุนทรเทวา หรือพ่อเดช (รับบทโดย โป๊ป ธนวรรรธน์)ต้องหลงเสน่ห์สาวใจกล้าอย่างเธอ
ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวล คือการตั้งข้อสังเกตจากละครมาถึงตรงนี้ขอขอบคุณคนที่อ่านจบ และติดตามงานเขียนกันต่อไป ผู้เขียนก็ดูและฟินเหมือนๆท่านทั้งหลายหากแต่ต้องการเสนอมุมมองในการเสพละครที่แตกต่าง หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อออเจ้าไม่มากก็น้อย
กศว เขียน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in