เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
untitled tagsPrywrytes
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน 10. รถไฟ
  •  disclaimers: I actually don't know how subway stations in NYC work



    เขาตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกที่เป็นสีแดงกับฟ้า ห้องของเขาอยู่แค่ชั้นสองเหนือประตูหน้าของอพาร์ตเมนต์ แสงไฟรถตำรวจสามคันจึงสาดเข้ามาทางหน้าต่างเต็มๆ พอลองเปิดประตูออกไปมันก็น่าขำดีที่ผู้อาศัยห้องอื่นก็แง้มประตูโผล่หัวมาสภาพไม่ต่าง ก่อนตำรวจจะเดินขึ้นมาถึงชั้นสองพวกเขาพยักหน้า (ว่างงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น) และส่ายหัวให้กันไปมา (ว่าเดาไม่ถูกเหมือนกัน)จากหลังประตู

     

    ตำรวจหกคนเดินขึ้นบันไดมา มีเสียงสองคนคุยกับผู้ดูแลอยู่ด้านล่างเสียงดังเอาการ เพราะผู้ดูแลแกหูไม่ดี อันนี้ทุกคนเข้าใจ แต่พวกเขาทั้งหลายไม่มีประสบการณ์เจอตำรวจเยอะขนาดนี้ใต้หลังคาที่ไม่ใช่ของสถานีตำรวจมีแค่สองคนที่ไม่ใส่เครื่องแบบ แต่ห้อยตราตำรวจไว้รอบคอ ผู้อาศัยบางคนรีบปิดประตูพอตำรวจเข้ามาในระยะสายตาเขาเปล่า เขาเปิดประตูให้กว้างขึ้น รอให้ตำรวจอีกคู่ที่จะอยู่ชั้นนี้หันมาอีกสองคู่เดินขึ้นบันไดไปต่อ ท่าทางพวกเขาจะแบ่งจำนวนมาให้พอสำหรับทั้งสี่ชั้นของอพาร์ตเมนต์

     

    ไม่น่าเชื่อเลยเขายืนพิงกรอบประตูระหว่างให้ตำรวจถามนั่นถามนี่ เขาชอบผู้อาศัยบนชั้นสี่พอสมควรห้อง 402 ซึ่งผู้อาศัยรายนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตำรวจมาที่นี่ไม่เลยครับ ผมไม่ค่อยสนิทกับผู้อาศัยชั้นอื่น ถ้า 402 ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำให้ตำรวจแห่มายังที่พักอาศัยเขาก็คงไม่ชอบอีกฝ่ายแต่แรก เป็นเรื่องที่ทำใจได้ลำบาก เอางี้นะ คุณตำรวจ ผมกับห้อง 205 สนิทกันพอจะเช็กจดหมายให้กันและกัน แล้วก็เป็นคนพาห้อง 204 ไปตรวจสุขภาพประจำปี ถ้าคุณอยากจะให้เทียบ ส่วนชั้นอื่นเนี่ยผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชั้นสี่มีคนอยู่กี่ห้อง ผมมั่นใจแค่ห้อง 402 มีคนอยู่เพราะ แหม เราเป็นสมาชิกห้องที่สองของชั้นเหมือนกันนี่ครับ ส่วน 401ลือกันว่าคนเช่าแอบปล่อยให้เช่าห้องต่ออีกทอดไว้ให้เจ้านายพาชู้มากกผมรู้แค่นั้น ใช่ครับ แบบในเรื่อง ดิอะพาร์ตเมนต์ นั่นแหละครับ

     

    เพราะที่นี่นิวยอร์กกระมังครับถ้ายุ่งเรื่องคนอื่นมากไป ทุกคนกลัวจะโดนหาว่าไม่สมเป็นคนเมืองนี้ ทั้งที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้ใจดีนะ เขาไหวไหล่ ตำรวจปล่อยเขากลับไปนอน เสียงเคาะประตู พูดคุยแว่วอู้อี้อยู่ข้างนอกห้องอีกเป็นชั่วโมงทั้งจากประตูและเมื่อเขาเปิดหน้าต่างฟังเสียงชั้นสามกับชั้นสี่ หน้าจอโทรศัพท์มือถือเองก็ส่องสว่างวาบข้อความในห้องสนทนาของสมาชิกชั้นสองบังเกิดชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครนอนต่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อร่วมวง กายทิ้งลงเอกเขนกบนเตียง

     

    > ห้อง 402 ตายแล้วเหรอคะฉันเข้าใจถูกไหม

    >>> ถูกแล้วค่ะ เขาถูกฆ่าน่ะ

    > ไม่อยากเชื่อเลย

    >> เท่าที่ตำรวจพูด เหมือนจะสงสัยว่าเขาถูกฆาตกรในข่าวตอนนี้ฆ่านะครับแต่ยังไม่แน่ใจกัน

    >>>> คนไหน

    >>> คนแรกค่ะ

    >>>>> ฆาตกรเจ้าระเบียบ

    >>>>> เขาบอกว่าอย่าไปตั้งชื่อให้มันไงอย่าไปใช้ชื่อที่คนอื่นตั้งให้มันด้วย

    >>>>> นี่ก็ไม่ได้ใช้ในทวิตเตอร์สักหน่อยผมใช้แค่ในห้องนี้น่า

    >>>> น่าสงสารนะ เขามีครอบครัวหรือเปล่า

    > ฉันว่าเขามีน้องหรือพี่นะคะ

    >>>>> เขาทำงานอะไรนะ

    >>>>> เขาอยู่ไปรษณีย์

    >>>>> อ้าว ทำไมคุณรู้น่ะ

    >>>>> ฉันก็คุยกับเขาน่ะสิตอนเราเดินสวนกัน

     

    สามีภรรยาห้อง 205 คุยกันเองอีกหลายข้อความเขาเดาว่าทั้งสองพิมพ์ไปด้วยแล้วก็หันไปคุยกันเองด้วยแต่ไม่อยากเงียบให้คนอื่นที่เหลือสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคนหนึ่งตายในตึกเดียวกัน เขาว่ามันค่อนข้างจะเป็นมารยาทที่ทุกคนต้องคอยตรวจกันว่าคนอื่นยังมีชีวิตอยู่

     

    >> ผมเสียใจนะที่เราไม่ได้ทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ผมว่าเขาเป็นคนนิสัยน่ารักคนหนึ่ง

    > ฉันเกร็งๆ นิดหน่อยเพราะเขาดูเก็บตัว ไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครแต่ตอนจดหมายของฉันติดไปตู้ของเขา เขาเอามาสอดใต้ประตูห้องฉันตอนฉันกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

    >>>> เขาทำให้ฉันนึกถึงหลานของฉันเลยแกก็ขี้อาย

    >>> เมื่อไรตำรวจจะจับไอ้โรคจิตนี่ได้นะ

    >> เอาเป็นว่าช่วงนี้ระวังตัวกันให้มากกว่าเดิมแล้วกันนะครับ

    >> ผมคิดว่าฆาตกรน่าจะอยู่ในย่านนี้แหละ

    > ???

    >>> ทำไม ไปเอามาจากไหนตำรวจบอกเหรอ

    >>>> หมายความว่าไง

    >>>>> ขยายความ ขยายความ!

    >>>>> ตำรวจบอกมาเหรอพวกเขาพูดว่าอะไร

    >> ตำรวจไม่ได้บอกอะไรครับ

    >> แต่ถ้าตำรวจแค่มาที่พักของเหยื่อถูกฆาตกรรมกันตั้งแปดคนทั้งที่ที่นี่ไม่ใช่ที่เกิดเหตุ

    >> มันก็มีให้คิดได้แค่อย่างเดียวนี่ครับ

    >>> พระเจ้าช่วย

    >>>> หัวใจฉันจะวายเอาก่อนไหมนะ

    >>>>> คุณมาอยู่ห้องเราสักพักไหมคะ

    >>>>> คุณมาอยู่กับพวกเราก่อนได้นะ

    >>>> ขอบคุณ

    > ชักจะขนลุกแล้วสิ

    > ตำรวจคิดว่าฆาตกรต่อเนื่องคนนั้นอยู่ที่นี่เหรอคะ

    >> คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ตึกพวกเราคงจะอยู่ในรัศมีแหละ

    >> อาจจะใกล้ตรงกลางรัศมีด้วยตำรวจเลยแห่มากันขนาดนี้

     

    ทุกอย่างข้างนอกเงียบกริบ พวกตำรวจไปแล้ว เขาฟังเสียงประตูห้อง 204 กับ 205 เปิดปิดคู่สามีภรรยาต้อนรับชายชราห้องตรงข้ามกันเข้าไปข้างในเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกันตัวเขาค่อยแง้มประตูเปิดอีกครั้งตอนช่วงก่อนรุ่งสางใช้ไฟจากด้านหลังโทรศัพท์มือถือนำทาง ตัวเครื่องอุ่นขึ้นทุกขณะในมือเขาเกลียดแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนจัง เขาไม่ค่อยได้ขึ้นมาชั้นสี่ ไม่มีเพื่อนของเขาอยู่บนชั้นนี้คนในชั้นสองเป็นเพื่อนบ้านของกันและกัน แต่คนชั้นอื่นเป็นเพียงเพื่อนร่วมตึกแต่บันไดกับทางเดินไม่ได้ต่างกันนักหนาหรอก เขาใช้ไฟฉายส่องเพื่อหารายละเอียดไอ้กระเป๋าเสื้อของเขาก็ใหญ่เกินไป โทรศัพท์ทั้งเครื่องถูกซ่อนมิด เขาจึงต้องใช้คางพยุงเครื่องไว้กับแถวไหปลาร้าเพื่อส่องไฟตอนสะเดาะกลอนห้อง 401 แทน

     

    ข้างในห้องนั้นสะอาดหมดจด เอี่ยมอ่องทั้งที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ ยิ่งพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับเย็บและทำเสื้อผ้ายิ่งเรียกได้ว่าครบครันดั่งเป็นหลังร้านขายเสื้อผ้าทำมือที่ประสบความสำเร็จแต่มันกลับเหมือนฉากสำหรับถ่ายรูปลงนิตยสารแต่งบ้านเสียมากกว่าจะเป็นที่พักอันที่จริงนั่นก็เกินไปนิด เขาไม่คิดว่านิตยสารแต่งบ้านเดี๋ยวนี้จะอยากโฆษณาด้วยภาพห้องที่เป็นระเบียบขนาดนี้ทุกอย่างเป็นเส้นตรง ทำมุมต่อกันไปหมด ทำให้มองหาไม่ยากเลยว่ามีอะไรแปลกปลอมบนผนังเพราะกระทั่งรูเจาะบนกำแพงจนทะลุไปอีกห้องหนึ่งก็ยังเจาะได้ขอบเรียบเรี่ยมเร้อยู่ตรงกลางเหนือกรอบรูปพอดีเป๊ะว่าแล้วเชียว เขาสงสั ยจังว่าตำรวจเห็นหรือยัง ไม่หรอกมั้งพวกเขาไม่น่าคืนกุญแจห้องแล้วกลับออกไปทั้งอย่างนี้ถ้าเจอตรงนี้แล้วแต่นี่หมายความว่าพวกตำรวจอาจกลับมาใหม่

     

    >> มีใครมีเบอร์ติดต่อห้อง 401ไหมครับ

    >>> พวกเรารู้เหรอว่าคนไหนอยู้ห้องนั้นกันแน่

    > ก็ไม่รู้หรอก แต่ฉันก็มีเบอร์อยู่ดี

    >>> อ้าว

    > ก็หลายครั้ง ห้องเขาทำอะไรตึงตังนี่นา 301 ก็รำคาญ

    > พวกเราเลยส่งจดหมายร้องเรียนผู้ดูแลก็ให้เบอร์ที่อยู่ในข้อมูลผู้เช่ามาแทน

    >>> ก็นะผู้ดูแลเขาคงฟังไม่ถนัดแต่อ่านปากก็รู้แล้วว่าพวกเธอด่า 401 อยู่

    > คุณจะเอาเบอร์เขาไปทำไมเหรอ

    >> ผมคิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องนี้น่ะครับผมจะโทรไปแจ้งเอง

    >> ก็พวกเราต่างเสียดายที่ไม่เป็นเพื่อนบ้านกับคนบนชั้นอื่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ

    > ฉันไม่อยากคิดงี้เลย แต่

    > เขาไม่ได้ถูกฆ่าเพราะเป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ

    > ที่แบบ ถ้าเราเป็นเพื่อนเขาไม่ปล่อยเขาเหงา เขาอาจจะไม่ถูกฆ่าก็ได้

    > พวกนี้ชอบเลือกเหยื่อที่อยู่คนเดียวนี่คะถ้าเขาดูไม่เหมือนอยู่คนเดียว เขาอาจจะรอดก็ได้หรือเปล่า

    >> อย่าคิดมากเลยครับ พวกเรามาทำเรื่องที่ทำได้ให้ดีที่สุดก็พอ

     

    ห้อง 204 กับ 205 ไม่ตอบอะไร เขาคิดว่าทั้งสามแยกย้ายกันนอนแล้ว หรืออาจกำลังดูหนังสักเรื่องด้วยกันจนกว่าจะผล็อยหลับเพื่อคลายความกลัว

     

    >>> ฉันอดคิดไม่ได้นะ ประมาณว่าถ้าเขาถูกฆาตกรอีกคนฆ่างี้ เข้าใจใช่ไหม

    >> หมายถึงผู้พิทักษ์เด็กเหรอครับ

    >>> อย่าใช้ชื่อนั้นสิ แต่นั่นแหละ

    >>> จะได้ไม่รู้สึกว่า อาเราปล่อยให้คนรู้จักในตึกถูกฆ่า ทั้งที่เห็นหน้ากันทุกวัน

    >> ผมว่าทุกคนจะโมโหหรือสะอิดสะเอียนแทนนะถ้ากลายเป็นว่าเราต้องเดินสวนหรืออยู่ร่วมตึกกับพวกทำอนาจารเด็กมาตลอด

    >>> ฉันยอม

    >>> แลกกับคนธรรมดาตายเป็นไอ้พวกสารเลวแบบนั้นตาย ฉันว่ายังไงก็ดีกว่า

    >>> เมื่อไรพวกนี้มันจะหมดๆไปสักทีนะ

    > เห็นด้วยค่ะ

    > ที่จริงผู้พิทักษ์เด็กแทบจะเป็นข่าวเดียวเลยที่ทำให้การมีฆาตกรต่อเนื่องสองคนในเมืองพร้อมกันไม่แย่ขนาดนั้น

     

    เขาเห็นใจพวกเธอและคนอื่นที่รู้สึกเหมือนพวกเธอนั่นรวมตัวเขาเองด้วย

     

    ตอนเช้าประกาศข่าว 402 ถูกขานชื่อและอาชีพในรายการข่าวเช้าถูกพูดถึงรวมกับเหยื่อรายก่อนหน้าในอีกหลายๆ เว็บ พวกเขาตั้งใจอ่าน 402 ถูกพบเป็นศพตรงหัวมุมถนนบริเวณจัตุรัสแฟรงคลิน โดยร่างถูกจับขึ้นแขวนคอกับเสาไฟฟ้าสภาพเดียวกับเหยื่อห้าคนก่อนหน้า พวกเขาล้วนถูกตรึงหรือขึงไว้กับอะไรสักอย่างให้ตัวตรงตำรวจไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่เขาและใครอื่นหลายคนก็รู้อยู่ดีว่าเหยื่อทุกรายถูกพันแขนพันขารวมไปถึงนิ้วให้เข้าที่ติดข้างลำตัวเสื้อผ้าจะถูกรีดเรียบกริบที่สุด เหยื่อจะเพศใดล้วนถูกจับเปลี่ยนเสื้อโดยไม่มีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศเสื้อผ้าทุกชุดเป็นของเก่าอายุหลายสิบปี ผ่านการแก้ให้เข้ากับร่างของเหยื่อเขาจ่ายเงินไปพอสมควรสำหรับข้อมูลส่วนนั้น ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปสู่สาธารณะ ฉายาของฆาตกรคงเกี่ยวกับเสื้อผ้ามากกว่านี้

     

    >>>>> ดูในข่าวแล้ว

    >>>>> น่าสงสารจริงๆ

     

    เขาทำความเข้าใจสิ่งที่ส่งให้ตำรวจแห่มาที่นี่ได้แล้วตำรวจพบ 402 เป็นศพ และทันทีที่ระบุตัวตนกับที่อยู่ได้ 402เป็นเหยื่อที่ร่างปรากฏใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยที่สุดใกล้ชนิดอาจจะเป็นคนเดียวที่ถูกเล่นงานระหว่างทางกลับบ้าน เพราะเหยื่ออีกห้ารายหายตัวไปในวันหยุดที่อยู่พวกเขาอยู่ไกลจากย่านนี้กันโขเมื่อเทียบกับ 402

     

    เบอร์โทรศัพท์นำพาไปหาได้หลายอย่างเช่นตำแหน่งสำนักงาน ผู้เช่าห้อง 401 ตัวจริงเป็นพนักงานในบริษัทประกันภัยเขาเลือกทำเป็นเดินไปเจอก่อนโดยอ้างว่ามาช่วยป้าตีกับบริษัทประกันภัยอีกเจ้าในละแวกแล้วบังเอิญมาเจอ 401 เวลานี้มีเรื่องให้ชวนคุยได้ไม่ยากเลยทุกคนล้วนเข้าใจว่าคนอยากเจอคนรู้จักร่วมที่เข้าใจความสัมพันธ์อันห่างเหินระหว่างพวกเขากับเหยื่อฆาตกรรม 401 อ้อมแอ้มยอมรับเรื่องปล่อยห้องเช่าต่ออีกทอดหนึ่ง ทุกคนลือกันหมดแล้วว่าคุณปล่อยห้องให้เจ้านายพาชู้มากกหมายความว่าไงคุณปล่อยห้องให้ลูกค้าเช่าเพราะเขาอยากทำงานที่สองโดยสงบนั่นธรรมดาจัง เขาแกล้งหัวเราะ แต่เรื่องธรรมดาก็ดีบ้างสำหรับย่านนี้คุณว่าเขาเริ่มขอเช่าไม่ใช่แค่หลังจากฆาตกรเจ้าระเบียบ แต่หลังจากมีผู้พิทักษ์เด็กโผล่มาแล้วด้วยใช่ไหมประสาทต้องแข็งเป็นเหล็กกล้าจริงๆ นะ คนในย่านเราคุยกันเรื่องย้ายออกแทนแล้วเนี่ยแต่นั่นแหละนะ พอเอาเข้าจริงทุกคนก็กลัวเรื่องค่าเช่าในนิวยอร์กมากกว่าฆาตกรต่อเนื่องอีก

     

    >> พวกคุณว่ามันสมจริงไหมเวลาพวกตัวละครนักสืบรู้อะไรก่อนตำรวจ

    > ฉันว่าก็สมจริงนะคะตำรวจไม่ได้ตั้งใจสืบคดีกันเท่านักสืบนี่คะ

    >> อืม ก็จริง

    >>> เขาพูดถึงในโชว์!

    >>> แต่ตามโชว์ พวกตำรวจก็ติดระเบียบนั่นนี่เรื่อยกว่าจะได้ข้อมูลสักอย่าง

    >>> พวกนักสืบที่งัดนู่นรู้นี่ไม่นับพวกข้อมูลที่ตรัสรู้เองเพราะ จ้า เก่งจ้า อีกนะ แต่ฉันว่าสนุกกว่าเยอะจริงๆนั่นแหละ

    >>>> ฉันชอบพวกฉากที่เขารู้อะไรจากคอมพิวเตอร์

    >>> ถ้านักสืบไม่รู้สิ่งที่ตำรวจไม่รู้ก็ทำโชว์ตำรวจไปเถอะ

    >>>>> แต่พวกเราไม่ชอบโฮล์มส์นะอันที่จริง

    >>>>> อืม เขาน่ารำคาญ

    >>>> เพราะงี้ไงพวกเธอถึงแต่งกันได้

     

    เขาหลุดขำพรวด 401 มองเขางงๆ

     

    ถ้าเขาต้องรู้มากกว่าตำรวจถึงจะสมเหตุสมผลที่จะหาตัวฆาตกรเจอก่อนพวกเครื่องแบบฟ้าเช่นนั้นนี่คงเป็นฆาตกรเดียวที่เขาหาเจอ ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงเขาเคยอยากฆ่าคนใครๆ ก็อยาก แต่เขาคิดว่าคนส่วนใหญ่มักพูดถึงเรื่องการฆ่าคนที่เกลียด แต่เขาไม่ได้พูดถึงสภาวะแบบนั้นเขาเคยอยากฆ่าคนเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายต่างหากเขาถามตัวเองว่าความตายจะทำให้คนผู้นี้น่าสนใจขึ้นไหมแล้วก็วางแผนฆ่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเขาก็พบว่าถึงฆ่าไปคนผู้นั้นก็จะไม่น่าสนใจขึ้นเลยสักนิดเดียว เขาจึงไม่ทำ กลับกันเมื่อเขาเจอบุคคลน่าสนใจเป็นอย่างมากเขาก็อยากให้คนผู้นั้นทำสิ่งน่าสนใจไปเรื่อยๆดังนั้นเขาไม่เจอเหตุผลอันสมควรที่จะฆ่าใคร

     

    แต่บุคคลน่าสนใจผู้นั้นตายเสียแล้ว

     

    เขาจะทำอย่างไรดี

     

    ฝนตก หยดแรกโดนแก้มทำให้เขาสะดุ้ง เหมือนใครมาหยิกเตือนว่าเขาจ้อกับ401 มากเกินจำเป็นไปแล้ว เขาแยกกับ 401 ตรงนั้น กลับไปคิดเรื่องแรก

     

    บุคคลน่าสนใจ

     

    เขารู้สิ่งที่ตำรวจยังไม่รู้มาเป็นเดือนๆ โดยบังเอิญ 402 เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ไล่ฆ่าคนร้ายกระทำอนาจารเด็กเขาไม่ได้ไล่ฆ่าพวกที่มีชื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้กระทำผิดทางเพศด้วยซ้ำ เขาฆ่าคนที่ถูกข่าวเปิดโปงให้สาธารณะและคนรอบข้างทราบว่าเป็นพวกกระทำอนาจารเด็กมีหนังโป๊เด็กในครอบครองปริมาณมาก เขารู้เพราะเหยื่อคนหนึ่งเป็นลูกค้าของเขาเองเขารับทำเอกสารปลอม บางครั้งเอกสารปลอมของเขาคือเอกสารจริงที่เขาไปเอามาโดยมิชอบเถอะงานของเขาราคาแพงน่าดู แต่เมื่อมีลูกค้าคนหนึ่งเร่งจะเอาใบรับบุตรบุญธรรมปลอมทั้งที่ตัวเองมีเงินพอจะจัดการเรื่องทั้งหลายเองอย่างถูกต้องตามกฎหมายเขาตรวจสอบ ไอ้ขยะ จากนั้นก็รุดไปยังที่อยู่อาศัยในข้อมูลที่ได้รับสำหรับทำเอกสารมั่นใจว่ามีเด็กอยู่ที่นั่น

     

    แล้วเขาก็เจอ 402 กำลังทำสิ่งที่คนอีกค่อนโลกอยากทำอย่างช่ำชองเขาจึงไม่ได้ส่งเสียงออกไป ปล่อยให้ผู้พิทักษ์เด็กทำการพิทักษ์เด็ก

     

    ฆาตกรเจ้าระเบียบฆ่าผู้พิทักษ์เด็กไปแล้ว เขาเชื่อแบบนั้นนะปัญหาคือ ทั้งระยะเวลาที่เขาเริ่มมาขอยืมห้อง 401 รูบนกำแพง เหยื่อวิทยาเขายังเชื่อด้วยอีกว่าฆาตกรเจ้าระเบียบเจอตัวผู้พิทักษ์เด็กก่อน แล้วจึงมาที่อพาร์ตเมนต์นั้นตัวเขาเจอฆาตกรพิทักษ์เด็กโดยบังเอิญ แต่ฆาตกรเจ้าระเบียบตามหาตัวผู้พิทักษ์เด็กเจอ

     

    ได้ไงกัน

     

    น้ำเสียงถามในหัวเขาฟังดูตัดพ้อกว่าที่ตั้งใจเหมือนอยากงอแงว่าไม่ยุติธรรม เขาปัดมันทิ้งไป สนใจเรื่องนี้ก่อนเขากลับไปที่ห้องสนทนาผู้อาศัยชั้นสอง

     

    >> ถ้าฆาตกรเจ้าระเบียบอยู่ในตึกพวกเราเขาจะเป็นคนแบบไหนเหรอครับ

    >>>>> พวกต่อต้านสังคม?

    >>>>> สรุปเขาอยู่จริงๆใช่ไหม

    >> ใจเย็น ทุกคน ผมถามเพราะพวกเราก็กลัวว่าจะเป็นงั้นใช่ไหม

    >> ดังนั้นถ้าเราสรุปได้ว่าเขาไม่คล้ายใครในตึกเราเลยพวกเราก็ควรจะปลอดภัย?

    > อย่างน้อยถ้าคิดงั้นฉันจะรู้สึกสบายใจขึ้นนะคะ

    >>>> แต่อย่าประมาทกันล่ะ!

     

    ทุกคนขานรับ 204กันคนละข้อความสองข้อความ

     

    >>> เท่าที่อ่านจากข่าว ก็ตามสูตรเลยไม่ใช่เหรอ

    >>> แข็งแรง ใจกล้าบ้าบิ่น โอหังอัตตาสูง หลงตัวเอง?

    >>>>> ผมไม่คิดว่ามีใครในตึกเราแข็งแรงขนาดจะเอาศพคนไปจัดนั่นจัดนี่ด้วยซ้พพวกเราดูเป็นพวกปวกเปียก

    >>>>> บอกตัวเองเถอะย่ะ

    >>>>> อ้าว เมียจ๋า

    > ฉันว่าเขาน่าจะเป็นพวกดุๆ

    >>> ดุ?

    > คนพูดเรื่องเขาเนี้ยบแล้วชอบเอาไปเปรียบกับคนเป็นโอซีดีฉันไม่เห็นด้วยค่ะ

    > พี่สาวฉันเป็นโอซีดี และพี่ฉันนิสัยดีที่สุดในโลกเลยแถมยังขี้เกรงใจคน พี่ใจร้ายกับตัวพี่เองที่สุดแล้ว เหมือนเขาโทษทุกอย่างที่ผิดที่ผิดทางเป็นความผิดตัวเอง

    > แต่ฆาตกรนี่ เขาเนี้ยบ เขาจัดการกับศพและสถานที่เกิดเหตุแบบเจ้าระเบียบอย่างพวกครู

    > เขาเป็นคนใจร้ายค่ะ ดุและใจร้าย

    >>>>> ฉันอ่านเจอทฤษฎีว่าฆาตกรน่าจะมีรถแต่ไม่ใช้ในเวลาปกติ

    >>> เหอ

    >>>>> คือเขาจะจัดเหยื่อขนาดนี้เขาต้องมียานพาหนะส่วนตัวใช่ไหมล่ะแต่คนคุยกันว่าเขาน่าจะใช้รถเพื่อก่อคดีเท่านั้น เพราะมีโอกาสสูงที่เขาฆ่าเหยื่อบนรถสภาพรถจนป่านนี้ต่อให้เป็นพวกบ้าความสะอาดเลยทำความสะอาดเก่งยังไงก็ไม่ใช่ของจะขับออกไปข้างนอกให้คนอื่นมีโอกาสมาขอติดรถหรอก

    >>> แปลว่าเราต้องหันไปมองว่าในตึกพวกเรามีคนที่มีรถแต่ไม่ใช้ไหม

    >>>> ตึกพวกเราไม่มีใครมีรถกันสักคน

     

    พวกเขาก็เหมือนชาวนิวยอร์กทั้งหลายไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่กับรถไฟใต้ดิน

     

    เพราะอย่างนั้นฆาตกรเจ้าระเบียบจึงลงมือกับเหยื่อช่วงที่เป็นวันหยุดของเหยื่อ

     

    หนทางที่จะตามใครสักคนไปจากเส้นทางประจำสู่เส้นทางเฉพาะโอกาสได้ไม่ใช่การนั่งรถตามอย่างในภาพยนตร์ แต่เป็นทางขนส่งสาธารณะที่มีคนแปลกหน้ารวมตัวกันเยอะๆ

     

    ฆาตกรเจ้าระเบียบหาเหยื่อจากที่นั่น และพบผู้พิทักษ์เด็กที่รถไฟใต้ดินเช่นกัน

     

    ดังนั้นเขาต้องไปที่รถไฟใต้ดิน

     

    > ญาติของเขามาแจ้งเรื่องพิธีศพแน่ะค่ะฉันเจอพวกเขาตรงทางเข้าตึกพอดี

    > พวกเราจะไปร่วมใช่ไหมคะ

     

    พิธีฝังศพของ 402 มีแขกร่วมงานนิดเดียวส่วนใหญ่เป็นเพื่อนทางครอบครัว พวกเขาเหล่าผู้อาศัยชั้นสองอยู่กันพร้อมหน้าคนบนชั้นสามกับสี่ไม่มีใครมา

     

    คนที่ทั้งเขาและคนอื่นเคยเห็นว่าเดินเข้าออกตึกทั้งที่ไม่น่าจะเป็นผู้เช่าห้องไหนในนั้นก็ไม่มาเช่นกัน401 ก็ไม่มา

     

    เขาวางดอกไม้ลงบนโลงศพแทนคำอวยพรสำหรับการเดินทางใหม่ของ 402 อย่างกลีบดอกไม้ที่ผู้คนโปรยอำนวยพรการเดินทางของกะลาสีสัปเหร่อเคลื่อนโลงฝาปิดลงไปในหลุมเหมือนคลื่นขยับเรือสำเภา โชคดีครับอวยพรผมด้วยนะครับ

     

    เขาคอยหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เช่าอีกทอดของห้อง 401 ทุกวันที่ไปรอที่สถานีรถไฟใต้ดิน มันเพิ่มขึ้นทีละนิดชายคนนั้นไม่มาที่ตึกอีกเลยหลัง 402 ตาย เข้าท่า เขาเจอชายคนนั้นบนชานชาตอนเช้าเวลาเดิมทุกวันชายคนนั้นหิ้วกระเป๋าเอกสาร สวมโค้ท หัวจรดเท้าเนี้ยบเรียบร้อยหมดจด เข้าท่า ชายคนนั้นเดินขึ้นประตูขบวนแรกที่เดิมทุกวันตัวยืนนิ่ง แต่หัวกลับคอยมองผู้โดยสารรอบด้าน คอยสังเกตพวกเขา นี่ก็เข้าท่าเขาตามไปดูชื่อบริษัท ดูรายชื่อพนักงาน เอารายชื่อนั้นไปค้นต่อจนได้โรงเรียนมหาวิทยาลัย นามสกุล เขาค้นนามสกุล แล้วตัดชื่อซ้ำออกด้วยตำแหน่งที่อยู่ของโรงเรียนมัธยมปลาย

     

    มีร้านขายเสื้อผ้าชื่อเดียวกับนามสกุลชายคนนั้นแต่ปิดไปนานแล้ว นานเกินกว่าจะเป็นกิจการของรุ่นพ่อแม่ของชายที่ว่า แต่นั่นทำให้เขาจุดประกายบางอย่างได้ต่อเขารีบค้นทุกอย่างแต่ละวันก่อนจะลงใต้ดิน

     

    เสื้อผ้าของเหยื่อ ชายและหญิง ค่อนข้างจะเข้ากัน

     

    เหมือนชุดของคู่รักที่นัดกันแต่งตัวให้เข้ากัน

     

    พ่อแม่ที่แยกทางเพราะความล้มเหลวทางการงานนำไปสู่ความเสื่อมถอยของครอบครัวลูกที่ถูกนำไปฝากไว้กับญาติผู้ใหญ่ ข้าวของที่เคยแต่งบ้านให้ดูมีอันจะกินถูกเก็บเข้าโกดังเขาเดาว่าการปราศจากความสนใจทางเพศต่อเหยื่อมาจากเพราะเหยื่อล้วนเป็นที่ระบายในฐานะตัวแทนบุพการีที่ว่าเขาจัดศพพวกนั้นเย็บแก้เสื้อผ้าของบิดามารดาให้เหยื่อสวมใส่ชุดได้พอดีตัวและเรียบร้อย เป็นระเบียบยืนหลังตรงสง่าผ่าเผยอย่างที่พวกท่านเลิกทำไป เข้าท่า

     

    และเมื่อวันหนึ่ง ชายคนนั้นไม่เพียงหันมองดูผู้โดยสารคนอื่นด้วยแววตาสำรวจประเมิน แต่ตามคนแปลกหน้านั้นไปจนสุดทาง บิงโก

     

    และเมื่อมีวันที่หายากยิ่งกว่านั้นวันที่ชายคนนั้นไม่มองใครเลย

     

    เขาก็รู้ในทันทีรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงฆ่าผู้พิทักษ์เด็ก ชายคนนั้นตามหาผู้พิทักษ์เด็กจนเจอ ตามมาจนถึงอพาร์ตเมนต์หาทางเข้ามาอยู่ชั่วคราวเพื่อเจาะกำแพง ดูขนาดตัวของผู้พิทักษ์เด็ก ชู้ที่หลายคนเข้าใจคงจะเป็นคนที่เขาพามานอนด้วยแต่แท้จริงเพื่อให้ลองชุดที่เขาทำให้ผู้พิทักษ์เด็กผู้พิทักษ์เด็กได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะ อย่างที่เขาเห็นเช่นกันผู้พิทักษ์เด็กน่าสนใจ เขาไม่ได้ถูกฆ่าในฐานะตัวแทนบุพการีแบบเหยื่อรายอื่น

     

    เขารู้ในวินาทีนั้นด้วย ว่าเขาจะฆ่าอีกฝ่ายอย่างไรและทำไม

     

     

    รถไฟใต้ดินสายเอส ขบวนแฟรงคลินอเวนิวมีโอกาสล่าช้าเพียงร้อยละหนึ่ง

     

    นั่นหมายความว่าชายเจ้าระเบียบคนหนึ่งหาทางสร้างความเครียดและปลดปล่อยตัวเองด้วยการมาขึ้นรถไฟใต้ดินเวลาเดิมทุกเช้าโดยกะเวลาไว้แล้วว่าถ้ารถไฟมาตรงเวลาเขาจะต้องได้เดินตรงจากบันไดสู่ชานชาลาไปขึ้นรถไฟทันทีโดยไม่ต้องยืนรอ เขาสร้างความเครียดให้ตัวเองด้วยการท้าทายตัวเองและระบบขนส่งมวลชนว่าจะประสานจังหวะนี้ได้ลงตัวหรือไม่ในแต่ละวันปล่อยให้ความเครียดพุ่งสูงไปกับการมาถึงตรงเวลาของรถไฟและตัวแปรสารพัด ช่วงเวลาเหล่านั้นคือขั้นตอนการเก็บเกี่ยวพลังงานมาใช้ชีวิตในนครอันไร้ระเบียบนี้มันทำให้เขามีแรงจะไปรับรู้ถึงคนอื่น พวกคนไร้ระเบียบ อีเหละเขละขละไม่ต่างจากบุพการีของเขาสักนิดเขาจะยืนรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของรถเหล็ก จังหวะสั่นสะเทือนเสียดสีรางแทนเฟืองแต่ละตัวที่เป็นระบบหมุนสังคมทุกคนยืนตัวตรงเพราะการเบียดเสียด อัดแน่น และ

     

    วันนี้รถไฟมาช้า สิบเอ็ดนาทีแล้วนี่คือวันที่เขาเกลียด วิสัยทัศน์ของเขาบีบแคบลงเรื่อยๆตามจำนวนวินาทีที่รถไฟยังไม่มา เขากำหูกระเป๋าเอกสารแน่น บดฟันกรามเข้าหากัน กลับมาเกลียดชังเมืองนี้เกลียดความสกปรก มีหนูวิ่งอยู่ทั้งบนชานชาลาและบนรางรถไฟ บัดซบ เขาต้องการตัดการรับรู้ภายนอกทุกอย่างให้หมด

     

    ฉะนั้นตอนรถไฟที่ล่าช้ามาเทียบชานชาลาในที่สุด การที่เขาจะแทบเดินตรงเข้าไปหาความตายจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

     

    ผมก็ไม่ชอบคุณ นี่ถิ่นของผมต่างหาก

     

    ชายคนหนึ่งยืนรอเขาอยู่ตรงประตูขบวนแรกพร้อมปืนและเรียนรู้ความรู้สึกไม่ชอบพอจะฆ่าใครสักคนเป็นครั้งแรกให้เสร็จสิ้น

     

    รถไฟสายเอสหยุดให้บริการชั่วคราวสามชั่วโมง

    และมาตรงเวลาตามเดิมในวันถัดมา

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in