ตั้งแต่ได้รับโปสการ์ดจากเพื่อนชาวไต้หวันที่ไปเที่ยวประเทศอังกฤษมา ก็รู้สึกเหมือนว่าโดนเพื่อนสนิทเมื่อนานมาแล้วกระชากแขนเราที่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างแรงให้หันกลับมามองความสวยงาม ซึ่งเต็มไปด้วยความฝันในอดีต
นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราหลงลืมมันไป...
ฝันลงมืออ่านข้อความเจือความคิดถึงบนหน้ากระดาษนั้นรอบแล้วรอบเล่า น่าเสียดายที่ขนาดของโปสการ์ดนั้นเล็กมาก ครึ่งหนึ่งก็หมดไปกับการบรรจุที่อยู่ปลายทางไปแล้ว จึงเหลือที่ว่างอีกเพียงครึ่งหน้ากระดาษให้บรรจุตัวอักษรลงไปเท่านั้น ข้อความที่เราได้จึงมักจะกระชับ ตรงประเด็น ซึ่งคาดว่าคงบรรยายประสบการณ์และความสวยงามที่พบเห็นได้ไม่ถึง 1 ใน 4 ด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน ความรู้สึกที่ได้รับจากกระดาษใบน้อยนี้กลับมีพลังขับเคลื่อนเราอย่างน่าประหลาด
ฝันรู้จักเพื่อนคนนี้ตอนไปทำงานที่อเมริกา ด้วยความที่เป็นเด็กเอเชียหัวดำผิวเหลืองทั้งคู่ จึงไม่แปลกที่จะมีปฏิกิริยาเคมีบางตัวเกิดขึ้น ชักนำให้เราเดินเข้ามาหาและทำความรู้จักกัน ในโลกที่เต็มไปด้วยฝรั่งหัวทองนั้น
เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันบ้างเมื่อมีวันหยุดตรงกัน และระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้น เราก็ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่องต่างๆมากมาย รวมถึง "ศิลปะของการเขียนจดหมาย" ซึ่งแน่นอน โปสการ์ด ก็ถูกนับรวมไปในนั้นด้วย
เราเห็นพ้องกันว่า น่าเศร้าที่คนสมัยนี้ไม่เห็นความสำคัญของมันกันแล้ว เพราะการใช้เทคโนโลยีมาช่วย มันรวดเร็ว และทำอะไรได้มากกว่าแค่การส่งข้อความ ไหนจะส่งภาพ ส่งวีดีโอ หรือแม้แต่จะเห็นหน้ากันตอนคุยยังทำได้! วัฒนธรรมการเขียนจดหมายจึงค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา และถึงแม้เราจะชื่นชอบมันมากเพียงใด การที่ไม่มีคนให้เขียนถึง มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี จดหมายเหล่านั้นจะมีความหมายอันใดกัน หากผู้รับไม่เห็นคุณค่า
ด้วยเหตุนี้เราจึงจัดแจงแลกที่อยู่ของแต่ละคนไว้ และสัญญาว่า เราจะมีรายชื่อของกันและกันบนหน้าซองจดหมายเสมอ
จากวันที่เราแยกย้ายกันกลับไปอยู่ตามที่ของตัวเองจนมาวันนี้ก็ผ่านมาสองปีเศษแล้ว เราติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตน้อยมาก จนนับครั้งได้ คงเพราะเราต่างเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว มีภาระ และหน้าที่ให้รับผิดชอบ ความฝันที่จะท่องโลกจึงถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน กลบด้วยค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่ต้องบริหารจัดการ
อยู่ดีๆฝันก็ก้าวเข้าสู่โลกของการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างเต็มอัตราศึก วันๆหนึ่งหลังจากกลับจากงาน ก็หาอนิเมะดู เปิดข่าวสารเกี่ยวกับโมเดล จนกระทั่งได้มาครอบครองเสียเฉยๆ เพราะมันเป็นความสุขที่จับต้องได้ และไม่ได้เรียกร้องเงินที่มากมายขนาดนั้น แค่นี้ก็ได้โมเดลตัวน้อยน่ารักมาเล่นแล้ว จากตัวแรกตัวเดียว ก็เริ่มเพิ่มจำนวนพวกพ้องเรื่อยๆ พร้อมๆกับค่าใช้จ่ายของพร็อพที่เราหามาเล่นกันโมเดล
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจฝันผิดไป ใช่ว่าฝันจะผิดสัญญาที่ให้ไว้ ฝันยังเขียนจดหมายอยู่เรื่อยๆ แม้ไม่ได้ไปไหนไกลกว่าที่ทำงานก็ตามที ฝันจึงมีเรื่องเล่าไม่มาก ไม่ตื่นเต้น จึงเลือกที่จะลงเรียนพวก brush pen calligraphy หรือ Christmas flourishing เพื่อนำมาใช้ตกแต่ง และเพิ่มเสน่ห์ให้กับจดหมายของฝันแทน
เช่นเดียวกันกับทางฝั่งนั้น โปสการ์ดที่เขียนขึ้นอย่างละเมียดละไมถูกส่งมาหาฝันเป็นครั้งคราว แต่แสตมป์ที่อยู่บนนั้นบ่งบอกถึงการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นทั้งสิ้น ในขณะที่ฝันกำลังนั่งดูอนิเมะ เพื่อนของฝันไปเหยียบเมืองเวียนนา! นั่นมันเหมืองหลวงของดนตรี! โผล่อีกทีที่ฮังการี! และยังได้ไปย่านชุมชนเก่าแก่ในญี่ปุ่น! ล่าสุดนี่ไปเยือนสโตนเฮนจ์มา! แถมด้วยการดูละครเวทีในโรงละครอังกฤษ!
ฝันรู้สึกปลาบปลื้มมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ว่าฝันดีใจแค่ไหนที่เขายังนึกถึงเราในช่วงเวลาความสุขนั้นๆของชีวิต เขาเหมือนพกส่วนนึงของเราไปด้วย และเขียนบันทึกความทรงจำกลับมาให้เราได้ร่วมเผชิญโลกไปกับเขา แล้วมาดูที่ตัวฝันตอนนี้สิ ฝันกำลังทำอะไรอยู่?
ฝันเอาทุนที่จะไล่ตามความฝันไปซื้อความสุขเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้ช่วยเปิดตาให้เห็นโลกที่น่าอัศจรรย์อีกใบที่รอคอยเราอยู่ข้างนอกนั่น เมื่อรวมเงินทั้งหมดที่จ่ายไปแล้วนั้น ฝันได้ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับจีนแล้วด้วยซ้ำ มันน่าเจ็บใจไหม?
บางทีฝันก็คิดว่าเรามักจะกลัวการทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ โดยอ้างว่ามันอยู่สูงเกินไป คนธรรมดาอย่างเราคงทำไม่ได้ สู้ไม่ไหวหรอก แล้วเราก็เอาเวลาไปใช้กับสิ่งเล็กน้อยแทน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เรามีความสามารถเพียงพอที่จะทำทุกสิ่ง อาจจะขาดไปก็แต่แรงบันดาลใจ และความเชื่อมั่น
ครั้งต่อไปที่ฝันจะเขียนจดหมายถึงเพื่อนชาวไต้หวัน บนนั้น จะมีตราประทับของประเทศญี่ปุ่นอยู่...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in