เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Psychopastry Club คลับของคนชอบเสพเรื่องจิตหลอนสยองขวัญpsychopastryclb
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Midnight Horror ตอน ขาดขา
  • กว่าจะได้หอพักดีราคาถูกนั้นแทบไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร บางแห่งดี บางที่ร้าย แต่ใครจะคิดว่าชีวิตถึงกับจะพังได้ เพียงเพราะ..เลือกพักผิดที่


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------                                                                

                                                              

                                                                  ขาดขา


            เมธี หนุ่มวัย 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยป้ายแดง เขาเข้าเรียนได้ด้วยการสอบชิงทุนของมหาลัย ฐานะทางบ้านของเมธีนั้นไม่ค่อยดี แต่ด้วยความที่เขาขยัน ตั้งใจเรียน ก็ทำให้เมธีสามารถสอบชิงทุนของมหาลัยแห่งหนึ่งได้สำเร็จ แต่เมธีที่เป็นเด็กต่างจังหวัด กับทุนที่ครอบคลุมเฉพาะส่วนของการเรียนเท่านั้น เมธีจึงเลือกอาศัยในหอพัก ที่ห่างจากสถานที่เรียนอยู่พอสมควร และเขายังต้องทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหาเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ด้วยความที่เขาต้องทำผลการเรียนให้ดีอยุ่สม่ำเสมอ นั่นจึงทำให้เวลาว่างทั้งหมดของเขา ในช่วงหลังเลิกงาน หมดไปกับการขมักเขม่นอ่านหนังสือแทบจะตลอดเวลา

     หอพักที่เขาเช่านั้น อยู่ห่างออกไป ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เมธีเรียนอยู่สองชั่วโมง หากโดยสารด้วยรถเมล์  มันตั้งอยู่สุดซอยของแยกท้ายสุดในซอยใหญ่อีกที ซึ่งด้านหลังทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด นอกจากต้นกล้วยไร้ผล เรียงรายอยู่เต็มที่ดิน เมธีถูกใจกับทำเลที่ตั้ง จริงอยู่ ที่ระยะทางมันอาจจะไกล แต่ความสงบเสงี่ยม ที่เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งของมัน กลับดึงดูดเขาอย่างแปลกประหลาด  

    ตัวอาคารนั้นเป็นไม้เก่าที่ได้รับการดูแลอย่างดี พื้นตามทางเดิน ถูดขัดถูจนมันวาว ประตูหน้าต่างติดลูกกรง ช่องลมเจาะลายฉลุ ระเบียงทางเดินมีฝั่งเดียว รูปทรงคล้ายอาคารเรียนสองชั้น มีห้องพักเพียงห้าห้องในแต่ละชั้น  ส่วนห้องน้ำ เป็นห้องน้ำรวม ต้องเดินแยกออกไปทางด้านหลังของอาคารอีกที ติดกับพนังด้านหลังของห้องน้ำ มีเพียงรั้วอิฐบล็อกกั้นขวาง ระหว่างป่ากล้วยกับหอพักแห่งนี้เท่านั้น ภายในบริเวณยังมีต้นไม้ปลูก ล้อมขนาบข้างซ้ายขาว บรรยายากาศร่มรื่นและเงียบสงบ  


    ป้ากิ่ง คุณป้าเจ้าของหอ เธอมีจังหวะการพูดเนิ่บช้า ดวงหน้าเจือยิ้มมุมปากเกือบ

    จะตลอดเวลา จนบางครั้ง เมธีรู้สึกว่า บางอย่างในรอยยิ้มนั่นเหมือนเคลือบแฝงบางสิ่งไว้ ผมหยักโศกของเธอ ถูกรวบเป็นมวยต่ำอยู่ด้านหลังอย่างเรียบร้อย รูปร่างผอมเล็ก ทว่ายังแข็งแรง ผิวพรรณเต่งตึงไม่ต่างจากสาวแรกรุ่น อย่างเมื่อวันแรกที่เมธีหลงเข้ามา จนเจอเข้ากับหอนี้ เขาก็เห็นว่า เธอกำลังขุดดินเป็นหลุมลึกยาวด้วยตัวคนเดียว เธอบอกว่าเพื่อเตรียมไว้สำหรับลงต้นไม้ใหม่  

    เธอพาเขาเดินสำรวจทั้วพื้นที่และแต่ละห้องอย่างเปิดเผย  ยกเว้นแต่ห้องสุดทางเดินของชั้นสอง ที่เธอไม่ได้แนะนำให้เขาสำรวจ ที่ประตูนั่น มีแม่กุญแจล๊อกอยู่จากด้านนอก ระหว่างที่กำลังหันตัวกลับจะเดินลงมาชั้นล่าง เมธีรู้สึกได้ว่าพื้นไม้มีแรงสะเทือนไหวอยู่เบาๆ แต่ด้วยความที่ป้ากิ่ง แจ้งกับเขาตั้งแต่แรกแล้วว่า เป็นเรื่องปกติของอาคารไม้ทั้งหลัง ที่บางครั้ง เพียงลมพัดก็สะเทือนได้แบบนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก เมธีจึงไม่ได้ติดใจอะไร  

           

            ป้ากิ่งคะยั้นคะยอเขา ให้ย้ายเข้ามาวันนี้เลย เพราะยังเหลืองห้องว่างอีกมาก มีผู้เช่าอยู่เพียงสองคน คือห้องแรกตรงทางลงบันได กับห้องเกือบสุดท้ายเท่านั้น อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องก็มีครบ ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะเก้าอี้ ฝูกเตียงนอน และห้องฮับ ก็ถูกทำความสะอาดทุกห้องทุกวันอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ลากกระเป๋าเข้ามา ก็อยู่ได้เลย 

    แต่สิ่งที่เมธีถูกใจมากเป็นพิเศษ จนตกลงเข้าอยุ่ในวันนั้นเลยก็คือค่าเช่า ในราคา 1,200 บาทต่อเดือน ซึ่งป้ากิ่งก็ยังใจดีลดเพิ่มให้เขาเป็นกรณีพิเศษ เมื่อรู้ว่า เขายังคงต้องทำงานเสริม และยกอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ อย่างผ้าปูเตียง อุปกรณ์อาบน้ำ กับพวกข้าวของจิปาถะให้เขา 

    เมธีสังเกตุว่า ข้าวของพวกนั้น เหมือนมันจะเคยผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว แต่ด้วยความที่เขาเองก็ได้มาฟรีๆ มันช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีกมากโข เมธีจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก   



    หลังจากเข้าอยู่ไม่นาน เมธีก็เจอกับเรื่องแปลกๆ ข้าวของบางอย่างของเขาหายไป เช่นหูฟัง หนังสือการ์ตูนบางเล่ม เสื้อยืด หรือแม้แต่กางเกงในของเขาหายไป แรกๆ นั้น เมธีไม่ทันได้สังเกตุ จนเมื่อเขาเริ่มหาของไม่เจอหลายๆ ครั้งเข้า เขาจึงลองนับจำนวนดู ปรากฏว่า เสื้อยืดหรือกางเกงในของเขา มีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว และเสื้อบางตัว ที่ชายผู้เช่าห้องติดบันไดใส่มันก็คล้ายกับของเขามากๆ  จนเมธีต้องหาทางพิสูจน์ดู ด้วยการแอบทำสัญลักษ์ไว้ที่คอเสื้อด้านหลัง แล้วก็พบว่า เขาชายห้องเช่าติดบันไดนั้น เป็นคนเอาเสื้อของเขาไปจริงๆ เมธีตกใจ ที่ข้างห้องเขา มีพฤติกรรมประหลาดแบบนั้น เขาจึงไปแจ้งเรื่องไว้กับป้ากิ่ง  แต่เมื่อเธอได้ฟัง ก็กลับบอกให้เมธีอย่าถือสา โดยให้เขาคิดสะว่า เป็นการแบ่งปันข้าวของกันใช้ เหมือนที่เธอ ก็ให้เมธีหยิบยืมข้าวของในตอนแรกๆ  

    เมธีที่ฟังคำตอบ ก็ได้แต่งุนงงข้องใจ จากเหตุการณ์นั้นเขาก็เริ่มมองหาที่อยู่ใหม่ แต่หอพักอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน ก็ราคาสูงเกินที่เขาจะจ่ายไหว อีกทั้งที่ตรงนี้ ยังใกล้กับสถานที่ทำงานของเขาอีกด้วย เมธีจึงอดทนอยู่ต่อไป เขาหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการคล้องแม่กุญแจ ที่ประตูด้านนอกเสมอ ก่อนออกไปข้างนอกทุกครั้ง และย้ามมาตากผ้าบนระเบียงทางเดินช่วง หน้าห้องของเขา แทนที่จะตากรวมกันด้านหลังอาคาร


    ทิ้งช่วงจากเรื่องของหายมาไม่นาน เมธีก็ต้องมาเจอกับเรื่องชวนหงุดหงิดอื่นแทน เพราะเมื่อผู้เช่ารายใหม่ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาแทนที่ผู้เช่าคนเก่า ที่เคยอยู่ห้องสุดทางเดินได้ไม่นาน อันเป็นช่วงเดียวกันกับที่ทางมหาลัยนั้น เริ่มจัดสอบมิดเทอม เมธีจึงอยู่ดึกกว่าปกติ เพื่อทบทวนเนื้อหาการเรียนสำหรับเตรียมสอบ ก็มีหลายๆ คืน ที่เขาได้ยินเสียงกุกกักๆ เสียงอะไรบางอย่างลากไปลากมา เสียงเหมือนมีใคร กำลังกระซิบกระซาบอะไรกัน ดังมาจากทางห้องนั้น 

    อย่างเช่นในคืนนี้ ที่เขาก็ยังคงได้ยินเสียงนั่นอีก มันทำให้เมธีเสียสมาธิกับการทบทวนตำราเรียน และเขาไม่อยากจะเสียสิทธิ์ในทุนของมหาวิทยาลัย  วันนี้เมธีจึงตัดสินใจ เอาหูแนบผนัง แอบฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

    เขาเริ่มฟังจากฝั่งขวา คนแรกที่อยู่ห้องติดบันไดทางขึ้น ตอนนี้มีเพียงเสียงกรน สลับกับเสียงมอเตอร์พัดลมทำงาน  ส่วนป้ากิ่งที่อยู่ห้องใต้บันไดที่ชั้นล่างนั้นเขาไม่ได้ติดใจอะไร  แต่เมื่อเขาเอาหูแบบเข้ากับผนังอีกด้าน ที่ติดกับห้องสุดท้ายนั่น จู่ๆ เสียงเครื่องปั๊มน้ำก็ทำงาน ดังลั่นออกมาจนเขาสดุ้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน 

    ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาสงสัยแทนว่า ในเวลาเกือบตีสองแบบนี้ ใครกันที่ใช้ห้องน้ำ เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด หรือว่าเสียงเดินเลย เขามั่นใจว่า ไม่มีใครเดินผ่านห้องเขาไปแน่ๆ จะมีก็แต่ป้ากิ่ง อีกอย่าง

    เมื่อชโงกมองผ่านหน้าต่างเลยไปทางห้องน้ำ เขาไม่เห็นไฟสักดวงติด ด้วยความสงสัย เมธีค่อยๆ ย่องออกจากห้อง ลงน้ำหนักผ่านบันไดอย่างแผ่วเบาที่สุด เขาเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังอาคารไม้ ห้องน้ำที่เรียงติดกันทั้งห้าห้องเงียบเชียบ ไม่มีไฟห้องไหนติดสักดวง เมธีสงสัย แล้วเสียงเครื่องปั๊มน้ำทำงานได้ยังไง แต่จะว่าไป เสียงของเครื่องปั๊มน้ำในตอนนี้ มันก็หยุดลงซะดื้อๆ  เขาเดินเข้าไปใกล้ห้องน้ำ ผลักประตูแง้มออกดูจนครบทุกห้อง ก็ไม่มีสักห้องที่เปียกหรือปรากฏร่องรอยของการใช้งานล่าสุดอยู่เลย มันสร้างความประหลาดใจให้แก่เขา


     เมธีจึงเดินกลับขึ้นมา แต่คราวนี้ เขาตั้งใจเดินเลยห้องตัวเอง ไปหยุดยังห้องท้ายสุด แล้วค่อยๆ โน้มตัวลง เอาหน้าแนบชิดที่พื้นทางเดิน สายตามองลอดเข้าไปภายในของห้องนั้นจากใต้ประตู  ขณะที่เขากำลังพยายามกรอกตาไปมาอยู่นั้น ประตูห้องก็เปิดผัวะออก เขาตกใจสะดุ้งหงายล้ม ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตู กลับเป็นป้ากิ่ง ในชุดนอนสีเนื้อบางเฉียบ ผมหยักโศกที่เคยรวบอย่างเรียบร้อยสยายฟูออกมาในตอนนี้ 

    เมธีถึงกับเหวอ ที่คนตรงหน้าเป็นเธอ ราวกับจะรู้ว่าเมธีคิดอะไร ป้ากิ่งเอ่ยปากกล่าวว่า ชายในห้องนี้ มีอาการป่วยจึงขอให้เธอมาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เท่านั้น เมธีเองก็ส่งสายตาลอบมอง เห็นว่าชายคนนั้น นอนหลับตานิ่ง ที่หน้าผากมีผ้าผืนเล็กวางทับไว้ ใบหน้าตอบซีดเซียว ผ้านวมหนาห่มคลุมถึงช่วงอก 

    เขายังเห็นอีกว่า มีกะลังมังน้ำวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง ข้างเตียงมีถังสีดำขนาดย่อมตั้งอยู่ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนอะไรหล่นจากในห้อง ซึ่งเขามองไม่เห็นว่าคืออะไร ป้ากิ่งก็บอกเพียงว่าดึกๆ ลมแรง เป็นเสียงไม้ลั่นเท่านั้นเอง เธอไล่ให้เขาไปนอน เมธีจึงเสนอตัวเข้าช่วย เขาบอกว่าในวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดและเขาก็ไม่มีเรียน เมธีสมารถช่วยพาชายคนนั้นไปหาหมอได้ แต่ป้ากิ่ง เธอเพียงสายหน้า เธอตอบเขาด้วยจังหวะเนิ่บช้าแบบที่เธอเป็น พร้อมกับยิ้มมุมปากน้อยๆ อันเป็นเอกลักษ์ของเธอ ว่าไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้เขานอนพักไป ไม่นานชายคนนี้ก็จะหายดีได้ในไม่ช้าเอง 

    ความหวาดระแวงเริ่มก่อตัวตัวขึ้นในใจของเมธี เขาสงสัยเพราะไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเอาซะเลย ปั๊มน้ำที่ดังขั้นมาโดยไม่มีใครใช้ห้องน้ำ และยังชายผู้เช่าข้างห้อง ที่เอาเสื้อเขาไปใส่ แถมพักหลังๆ มานี่ก็มักแอบมองเมธีด้วยทีท่าแปลกๆ  อีกด้วย บวกกับพฤติกรรมของป้ากิ่งที่บอกให้เขาไม่ถือสากับเรื่องเหล่านี้ แต่ความกังวลของเมธีในคืนนี้ จำต้องล่าถอยไปก่อน เมื่อป้ากิ่งยืนกราน แกมสั่งให้เขากลับห้องตัวเองไปซะ

     คืนนั้น เมธีเปิดไฟในห้องค้างไว้ และค้วาเอาเก้าอี้มาดันไว้ที่หน้าประตูห้อง รวมถึง เอาคัตเตอร์มาไว้ใต้หมอน ตอนนี้เมธีรู้สึกใจคอไม่ดี เขาไม่ไว้ใจคนในหอนี่ ไม่ว่าจะเป็นป้ากิ่ง ชายข้างห้อง หรือแม้แต่ชายคนที่นอนหน้าซีดอยู่นั่นก็ตาม แต่อีกไม่กี่ชั่โมงก็จะเช้าแล้ว เขาจึงข่มใจพยายามนอนหลับให้ผ่านพ้นคืนนี้ไป



    เช้าวันรุ่งขึ้น เมธีสดุ้งตื่นเพราะเสียงขุดดินเป็นจังหวะ ดังมาจากด้านหลัง ติดกับฝั่งห้องน้ำ เขางัวเงียลุกขึ้นดูจากหน้าต่างเหนือโต๊ะหัวเตียง ก็เห็นป้ากิ่งยืนหันหลังห่างจากบริเวณที่ขุดดินเพียงเล็กน้อย ในมือคีบบุหรี่  ส่วนชายที่กำลังขุดดิน คือผู้เช่าห้องที่ติดบันไดทางลง  เมธีขยี้ตา พยายามดูว่าในหลุมที่ขุดนั่น จะมีอะไรแปลกปลอม หรือน่าสงสัยบ้างรึเปล่า แต่เขาก็มองไม่เห็น

     เมธีจึงอาศัยจังหวะนั้น คว้าเอาข้าวของสำคัญอย่าง โทรศัพท์ กระเป๋าเงิน หนังสือที่เรียงอยู่บนโต๊ะ เขาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดนักศึกษารีบยัดใส่ลงกระเป๋าเป้ ในใจของเมธีตอนนี้ คือยิ่งออกจากหอพักนี่ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น ตอนนี้ค่าเช้าจะแพงกว่าที่นี่แค่ไหนเขาก็ยอม เมธีหันไปลากเก้าอี้ให้พ้นประตู แต่เขาเผลอทำเก้าอี้หลุดมือล้มกระแทกกับพื้นห้องดังตั้ง.. เมธีกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง ยังเงียบ เขาไม่ได้ยินเสียงใครเดินมาทางนี้ เมธีเปิดประตูก้าวเท้าออกจากห้องขณะกำลังจากผ่านห้องทางขวามือไปเขาก็นึกเอะใจ เป็นห่วงชายที่อยู่ห้องสุดท้าย ว่าบางทีชายคนนั้น อาจจะต้องการความช่วยจากเขาก็เป็นได้ 

    เมธีจึงหันหลังกลับ แล้วมุ่งหน้าไปหาชายคนนั้นแทน แต่เขาก็สังเกตุเห็นมีแม่กุญแจคล้องประตูอยู่จากด้านนอก เขาฉงนสงสัยเล็กน้อย ชายคนนั้น ท่าทางไม่น่าจะออกไปไหนแต่เช้าแบบนี้ได้ เมธีเดินไปเขย่าประตูห้อง ร้องเรียนชายคนนั้นเบาๆ มันเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีเสียงอะไรออกมาจากห้อง เมธีลอบมองผ่านรอยแยกที่มุมด้านล่างของประตู แก้วน้ำพลาสติดสีแดงวางนอนอยู่บนพื้น  หมอนกับผ้านวมก็กองยู่ยี่อยู่ใกล้กัน ความสังสัยในความไม่ชอบมาพากลของเมธีเพิ่มทวีคูณ เขาร้องเรียกคนในห้องอีกครั้ง เช่นเคย ไม่มีเสียงตอบรับเล็ดรอดออกมา  เมธีจึงตัดสินว่าเขาจะไม่อยู่รอให้เกิดเรื่องแปลกๆ กับเขาอีกเป็นแน่ เขาลุกขึ้นหันหลังกลับมา ก็เจอเข้ากับป้ากิ่งที่ยืนประจันหน้าเขาอยู่ตอนนี้ 

     

    เขาไม่รู้ว่าเธอมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอบอกกับเขาว่า ผู้เช่าห้องนี้ย้ายออกไปแล้ว ไปตั้งแต่เช้ามืด เมธีที่ได้ฟัง แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อคำพูดเธอ เมธีเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น แล้วเขาก็เบี่ยงตัวเดินเลี่ยงเธอไป เพียงพ้นตัวป้ากิ่งไปเท่านั้น เขาก็รู้สึกแสบร้อนที่หลังคอ จนเขาร้อง

    โอ้ยออกมา เมื่อหันกลับมาดู ก็เห็นว่า ป้ากิ่งถือมวนบุหรี่สั้นกุดอยู่ในมือ เขาเอามือลูบหลังคอตัวเองมันเริ่มแสบ ป้ากิ่งตีหน้าตาย บอกกับเขาด้วยสายตาที่ไร้ความหมาย ว่าเดี๋ยวมันก็หาย แล้วเธอยังพยายามยื่นมือออกมา จะจี้ก้นบุหรี่เข้าที่หน้า ที่ตัว ที่แขนของเมธีอีกด้วย เขายื้อยุดกับเธออยู่พักใหญ่ แล้วจู่ๆ เธอก็หัวเราะขึ้นมา เขาชะงัก รีบผลักเธอจนล้มลง แล้วหันหลังรีบวิ่งหนี แต่เขาก็ถูกสก้ดอยู่ที่บันไดชั้นล่าง ชายที่อยู่ห้องติดกัน ใช้ไม้ฝาดเขาเข้าที่ท้ายทอย เขาไม่ถึงกับสลบแต่ก็ไม่สามารถจะขัดขืนได้ไหว 

    เมธีถูกลากขึ้นบันไดกลับมายังห้องสุดท้าย ป้ากิ่งกำลังไขแม่กุญแจที่คล้องประตูออก เธอส่งยิ้มเย็นมาให้เขา เขาถูกลากมากองที่พื้นภายในห้อง ชายคนนั้นหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้ายางออกมากางที่พื้น เขาใช้เท้าเขี่ยเมธีให้ขึ้นมาอยู่บนผ้ายาง เมธีพยายามฝืนดันตัวเองลุกขึ้นมาก็ถูกชายคนนั้น ใช้เท้ากระทืบเข้าที่กลางหลัง ป้ากิ่งล้วงมือเข้าไปตรงหน้าอก หยิบซองบุหรี่ออกมาเคาะกับหลังมือ บุหรี่มวนหนึ่งโผล่ออกมาเธอผลิกมือกลับใช้ปากคีบบุหรี่มวนนั้นพลางจุดไฟเช็ค  ป้ากิ่งโน้มตัวลงมาพ่นลมหายใจใส่เมธีจนเขาสำลักควัน เธอใช้มือลูบขาของเขาเบาๆ แล้วก็หันไปดึงลิ้นชักที่โต๊ะหัวเตียงนำเข็มฉีดยามาปักเข้าที่คอด้านข้างของเมธีเขาหลับลงไปทันที่ 


          เมื่อเมธีรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่า ตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่จากการคาดคะเนของเขา เขาคิดว่าตัวเองยังอยู่ในห้องสุดท้าย เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่ปรากฏว่าที่ท่อนล่างของลำตัว ตั้งแต่เอวลงไปนั้น มันไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่เลย เขาเลิกผ้านวมที่ห่มคลุมตัวออก เอามือหยิก ทุบขาตัวเองเท่าไหร่ๆ ก็ไร้ความรู้สึก เมธีตกใจที่มันเป็นเช่นนั้น เขาทำอะไรไม่ถูก เอากำปั้นทุบตึงตังไปที่พนังด้านข้างเพื่อขอความช่วยเหลือ หวังว่าจะมีใครได้ยินเขาบ้าง แต่มันก็เงียบ ไม่มีใครมา 

    เมธีตัดสินใจทิ้งตัวเองลงมาที่พื้น ใช้แขนทั้งสองข้างพาตัวเองคลานมาได้เกือบจะถึงหน้าประตู แล้วเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ซึ่งเมื่อประตูเปิดออก ก็เป็นป้ากิ่ง ที่ในมือถือแม่กุญแจยืนส่งยิ้มเย็นยะเยือกมาให้เมธี ในตอนนี้เมธีกลัวเธอขึ้นมาจับใจ รอยยิ้มแบบเดียวกับที่เขาเห็นตอน ที่เธอเช็ดตัวให้ผู้ชายห้องข้างๆ แบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ 

    ป้ากิ่งเดินข้ามตัวเข้าไปแล้วจับข้อเท้าเมธีลากกลับมาที่เตียง แล้วเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเขา ตอนนี้เมธีน้ำตาไหลพราก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมป้ากิ่งต้องทำแบบนี้กับเขา  แต่เธอก็บอกกับเขาว่าไม่ต้องกลัวอะไร เพราะตอนนี้ มีผู้เช่ารายใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ แทนที่เขาในห้องเก่าของเขาได้เกือบๆ อาทิตย์แล้ว เธอกล่าวว่า เมธีนั้นป่วย ต้องได้รับการดูแล ขาของเขานั้นติดเชื้อ จะต้องทำการผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิต เธอยังบอกให้เขาอดทน เพราะเมื่อทำการผาตัดขาของเขาออกแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะหายดี และถึงตอนนั้นเมธีก็จะได้ย้ายออกเอง 

    เมธีได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา เขาตะเกียกตะกายคลานหนี แต่ท่อนขาของเขานั้นมันไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย ขาเขาไม่มีความรู้สึก ไม่มีแรงแม้สักนิด ป้ากิ่งปล่อยให้เขาคลานไป เสียงกระดุมเสื้อเขาขูดกับพื้นดังครืดๆ ทุกครั้งที่เขาลากตัวเอง เสียงข้อศอกกระแทกกับพื้นสะเทือนตึงตัง  ป้ากิ่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  

    แล้วก็มีปลายเท้าของใครบางคน มาหยุดที่หน้าของเขา ปลายเท้านั้นสวมรองเท้าผ้าใบแบบที่ใส่สำหรับวิ่ง ปลายกางเกงสั่นเต่ออยู่เกือบถึงข้อรองเท้า เผยให้เห็นช่องโหว่ระหว่างรองเท้ากับสุดชายกางเกง มันไม่ใช่เนื้อหนังของคน เมธีขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าคนที่ยืนตรงหน้า คือชายที่อยู่ห้องติดกับบันไดทางลง ชายคนเดียวกับที่ตีเขา แล้วชายคนนั้นก็เลิกชายขากางเกงตัวเองขึ้นมา 

    คราวนี้เมธีเห็นชัดแจ้ง ว่าขาทั้งสองข้างของเขานั้นเป็นขาเทียม แล้วช้ายคนนั้นก็เอามือข้างขาวที่แอบไว้ด้านหลังตั้งแต่แรกออกมา ในมือของเขาถือเลื่อยฉลุที่เก่าโทรม ดูคล้ายกับผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน 


            ป้ากิ่งที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้กี่โต๊ะหัวเตียง ก็ปรามชายคนนั้นว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่เมธีก็ต้องช๊อคยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินสรรพนามที่เธอใช้แทนตัวเองกับชายผู้นั้น เธอเรียกตัวเองว่า แม่ 

    เมธีใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งตัวคลานหนี ทว่าทางรอดของเขามันกลับเลือนลาง เขาถูกลากกลับขึ้นมาไว้บนเตียง ป้ากิ่งห่มผ้านวมหนาให้เขา เธอบอกกับเขาว่าตอนนี้จะปล่อยให้เมธีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน คืนนี้เธอและลูกจะกลับมารักษาขาให้เขา และจะช่วยให้เขาได้ย้ายออกจากที่นี่เอง. // (จบ.)


    **รับฟังเวอร์ชันเสียงบรรยายของ Midnight Horror ตอน ขาดขา ได้ในยูทูป**


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in