คิดถึงการไปคอนเสิร์ตไหมคะ คิดถึงศิลปินที่เราชอบ คิดถึงบรรยากาศใน
ไลฟ์เฮาส์เล็กๆที่แสนอบอุ่นไหม เพลงนี้spotify สุ่มให้ฟังค่ะ ฟังแล้วชอบมาก เลยได้โอกาสหยิบมาแปล ช่วงนี้รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจกันด้วยนะคะ ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์ค่ะ
เพลง: Raibu hausu de aou ze (ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์นะ)
เนื้อร้อง:Mutsumuro Akira (ムツムロアキラ)
ทำนอง:Humbreaders (ハンブレッダーズ)
暗くて狭くて怖くなったけど
kura kute sema kute
kowaku natta kedo
ทั้งมืด ทั้งแคบ ก็เลยกลัว
oto ga deka sugite
fu-an ni natta kedo
เสียงก็ดังเกินไปจนกังวลใจ
hitori botchi no kaeri michi
mimi nari ga itoshi katta
แต่ก็แสนคิดถึงอาการหูอื้อ
ระหว่างเดินทางกลับบ้านคนเดียว
itsu kara ka atari-mae ni natte ita
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ที่มันกลายเป็นเรื่องธรรมดา
ōgesa jana kute ibasho ni natte ita
ไม่ได้พูดเกินจริงเลย
ไลฟ์เฮาส์กลายเป็นที่สิงสถิตไปซะแล้ว
いくつも重なった
shinu magiwa no sōmatō ni
nari sōna yoru ga
ikutsu mo kasa natta
ค่ำคืนที่เหมือนกับ
ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาในหัว
ในห้วงวินาทีสุดท้ายก่อนตาย
ได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ヘイ ロンリーベイビーズ
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
raibu ha-usu de aou ze
ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์นะ
見えない手を繋ぐのさ
bokura kodoku ni natte
mienai te o tsunagu no sa
พอพวกเรารู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา
ก็จับมือที่มองไม่เห็นนั้นซะ
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
ライブハウスで会おうぜ
raibu ha-usu de aou ze
ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์นะ
ここじゃきっとバレないさ
namida o nagashi tatte
koko ja kitto barenai sa
ถ้าเป็นที่นี่
ถึงจะปล่อยให้น้ำตาไหล
ก็ไม่มีใครรู้หรอก
sayonara shina kute sumu merodi
ทั้งเมโลดี้ที่จบลงโดยไม่ต้องเอ่ยคำลา
tadashi sugiru hibi no taigigo
ทั้งคืนวันที่มีความสุขมากเกินไป*
ai to heiwa zenbu koko ni atta
ทั้งความรักและสันติภาพ
ที่นี่มีทุกอย่าง
閉ざされたこの場所があれば
何処までも行ける気がするよ
toza sareta kono basho ga areba
doko made mo ikeru ki ga suru yo
ขอเพียงแค่มีสถานที่ปิดแห่งนี้
ก็รู้สึกว่าสามารถเดินทางไปได้ทุกที่เลย
heddo fon no soto ni mo
uchū ga attan da
นอกจากการใส่หูฟังแล้ว
ยังมีจักรวาลอื่นอยู่จริงๆ ด้วย
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
ヘイ ロンリーベイビーズ
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
ヘイ ロンリーベイビーズ
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
ライブハウスで会おうぜ
raibu ha-usu de aou ze
ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์นะ
見えない手を繋ぐのさ
bokura kodoku ni natte
mienai te o tsunagu no sa
พอพวกเรารู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา
ก็จับมือที่มองไม่เห็นนั้นซะ
Hei ronrī beibī-zu
เฮ้ เจ้าพวกคนขี้เหงา
ライブハウスで会おうぜ
raibu ha-usu de aou ze
ไว้ไปเจอกันที่ไลฟ์เฮาส์นะ
ここじゃきっとバレないさ
namida o nagashi tatte
koko ja kitto barenai sa
ถ้าเป็นที่นี่
ถึงจะปล่อยให้น้ำตาไหล
ก็ไม่มีใครรู้หรอก
このまま鳴り止まないで
bokutachi no ongaku yo
kono mama nari yamanai de
ดนตรีของพวกเราเอ๋ย
จงกู่ก้องส่งเสียงร้องต่อไปเถิด
----------------------------------------
* ไม่มั่นใจว่าท่อนนี้แปลถูกไหม
正しすぎる日々の対義語
tadashi sugiru hibi no taigigo
ทั้งคืนวันที่มีความสุขมากเกินไป
ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของ 正しすぎる日々(tadashi sugiru hibi) แต่คิดว่า
- tadashii hibi น่าจะหมายถึง แต่ละวันที่มีทั้งสุขและเศร้าคละเคล้ากันไปเป็นเรื่องปกติ ถูกแล้วที่มันจะเป็นเช่นนั้น
- ส่งผลให้ tadashi sugiru hibi น่าจะหมายถึง คืนวันที่มีเหตุการณ์ทั้งสุขและเศร้าเกิดขึ้นในจำนวนที่เท่ากันเป๊ะๆ เช่น มีเรื่องเศร้า 5 เรื่อง มีเรื่องสุข 5 เรื่องเกิดขึ้น
- taigigo (対義語) = คำตรงข้าม
- ดังนั้น tadashi sugiru hibi no taigigo (正しすぎる日々の対義語) ในท่อนนี้ น่าจะ= คำตรงข้ามของคืนวันที่มีทั้งสุขและเศร้าคละเคล้ากันมากเกินไป น่าจะสื่อถึง คืนวันที่มีแต่ความสุขมากเกินไป (มีเรื่องสุข 10 เรื่อง มีเรื่องเศร้า 0 เรื่อง) หรือ คืนวันที่มีแต่ความเศร้ามากเกินไป (มีเรื่องสุข 0 เรื่อง มีเรื่องเศร้า 10 เรื่อง)
- แต่ในบริบทของเพลง ตัวละครไปไลฟ์เฮาส์บ่อยมาก จนที่นั่นกลายเป็นบ้านที่อบอุ่นอีกหลังของเขา เขารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปฟังดนตรีที่ไลฟ์เฮาส์ จนทุกวันผ่านไปอย่างมีความสุข แต่เขาก็รู้สึกว่า คืนวันที่มีแต่ความสุขมากไปเหล่านี้ มันไม่ใช่ tadashii hibi ของเขา (เพราะtadashii hibi ในนิยามเขาจะต้องเป็นคืนวันมีทั้งสุขและเศร้า)
- สรุป ก็เลยแปล tadashi sugiru hibi no taigigo ไปว่า คืนวันที่มีความสุขมากเกินไป ค่ะ
หากมีจุดที่แปลผิดพลาด สามารถชี้แนะได้เลยนะคะ
m(_ _)m
// เวลาผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย เหมือนมีแค่ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น แต่คุณภาพชีวิตไม่พัฒนาไปไหน ซ้ำร้ายยังแย่กว่าเดิม จนมองไม่เห็นอนาคต หดหู่สิ้นหวังกับประเทศ เกลียดชังการรัฐประหารที่ฉุดประเทศเราให้พังทลายมาถึงจุดนี้ กี่ชีวิตที่ต้องสูญเสีย กี่ชีวิตที่ถูกสังเวยไปกับการบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาลที่ล้มเหลว ไม่รู้คิดจะสูบเลือดสูบเนื้อคนในประเทศไปถึงไหน คนจะอดตายกันหมดแล้วค่ะ เศรษฐกิจก็แย่ วัคซีนก็ไม่ได้ฉีด ในสภาพแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะรักษาชีวิตให้อยู่รอดถึงวันที่ได้ไปดูคอนเสิร์ต ได้ไปฟังดนตรีที่ไลฟ์เฮาส์ไหมนะ ใครที่เห็นสภาพบ้านเมืองแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามันปกติดี ยังคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว อยากให้ลองพิจารณาดูดีๆ อีกทีค่ะ ถ้าเราได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่โปร่งใส ถ้าเราอยู่ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ความหวังที่จะมีไลฟ์เฮาส์เล็กๆ สัก 4-5 ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศก็คงไม่เกินจริง ความฝันที่จะได้เห็นศิลปินที่ชอบพากันเดินทางมาเล่นดนตรีที่ประเทศเราบ้าง ก็คงไม่เกินจริง เศร้าค่ะ ช่วงเวลาที่เราควรจะสนุกสนานกับชีวิต ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ทำงานที่ชอบ หาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจนอิ่ม และมีเงินเหลือมากพอที่จะอุดหนุนผลงานศิลปินที่เราชอบ ช่วงเวลาเหล่านั้นได้หายไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทั้งความฝันและความหวังมันพังทลายไปหมดแล้วค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in