'Cause when you look like that
I've never ever wanted to be so bad
It drives me wild
“เฮ้”
คิมดงฮยอนเอ่ยออกไปเบาๆในจังหวะที่เดินไปยืนข้างๆคนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง คิมดงฮันหันมาเหลือบมองทางเขาซึ่งเป็นต้นเสียงเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเหม่อมองท้องฟ้าอีกครั้ง
“ฉันได้ยินว่านายไปหาหมอมา”
“อือ” คนที่เพิ่งพ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้าตอบรับด้วยเสียงในลำคอ
“ป่วยเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมดูเครียดขนาดนั้น”
“ที่ฉันเคยเล่าว่าฉันมีอาการแปลกๆน่ะ...” พูดพลางดับบุหรี่ในมือของตนเองลง ก่อนจะหยิบมวนใหม่ขึ้นมาจุดไฟเพื่อสูบต่อ “ไปตรวจละเอียดมาแล้ว...หมอบอกว่าฉันเป็นอัลฟ่า”
“ไม่ดีหรือไง” ดงฮยอนหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก็อัลฟ่าน่ะเป็นสายพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด มีอำนาจสูงสุดอีกด้วย ใครหลายคนที่เขารู้จักโอ้อวดความเป็นอัลฟ่าของตนกันยกใหญ่เลยล่ะ “ถ้าบอกว่าเป็นมะเร็งปอดเพราะบุหรี่ที่ชอบสูบยังน่าเครียดกว่าเลย”
ควันบุหรี่ที่ถูกพ่นออกมาค่อยๆจางหายไปในอากาศ ตามมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือ
“ฉันกลัว...เรื่องสัญชาตญาณ” ดงฮันหันมาสบตาตรงๆและดวงตาคู่นั้นทำให้ดงฮยอนประหม่าไปจากที่เคย “นายก็รู้ว่าช่วงเวลานั้นของอัลฟ่ามันเป็นยังไง”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“...”
“ก็ฉัน...เป็นเบต้านี่นา...”
ตั้งแต่จำความได้คิมดงฮยอนเติบโตมาพร้อมๆกับคิมดงฮัน
ทั้งคู่ต่างเป็นเด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงดู ณ สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า
คิมดงฮันในวัยเด็กทั้งตัวเล็กและอ่อนแอ จนเป็นเป้านิ่งให้พวกเด็กเกเรในโรงเรียนรังแกเอา
ดงฮยอนยังจำได้ถึงความภาคภูมิใจในวัยเด็กที่เขาเคยเข้าไปช่วยปกป้องอีกฝ่ายได้ เขาในตอนนั้นเท่กว่าตอนนี้อยู่มาก ตอนนั้นเขาที่ก็ไม่ได้สูงไปกว่าดงฮันหรือเด็กคนไหนวิ่งเข้าไปไล่ตะเพิดพวกเด็กเกเรแบบไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น
ดงฮยอนจำได้ ตอนที่มือเล็กๆของตนเลื่อนไปปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มนิ่มๆนั่น ก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกฝ่ายเพื่อสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกัน
และสัญญา...ว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป
จนถึงตอนนี้ คำสัญญาของเด็กสองคนนั้นยังคงเป็นจริง
พวกเขาที่เติบโตมาด้วยกัน เมื่อเลยช่วงที่จะมีคนมาอุปการะเลี้ยงดู ทั้งคู่จึงตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตด้วยกัน เช่าบ้านพักราคาไม่แพง หางานทำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินต่อไป
ในช่วงแรกที่ออกมาใช้ชีวิตภายนอกนั้นค่อนข้างยากลำบากพอควร แต่แล้วไม่นานก็มีค่าเลี้ยงดูจำนวนมากส่งมาให้พวกเขา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งคู่ไม่อัตคัดอย่างที่เคย
เรื่องค่าเลี้ยงดูที่ว่าเป็นปริศนาขึ้นในใจของดงฮยอนพอๆกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคิมดงฮัน
เพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน ดงฮยอนจึงมักไม่ค่อยรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่ แต่พอรู้ตัวอีกที ดงฮันที่เคยตัวเล็กและอ่อนแอก็ไม่มีอีกแล้ว
ดงฮันตอนนี้มีร่างสูงใหญ่ แม้จะไม่สูงไปกว่าเขามากแต่พอเทียบกันแล้วก็ดูแข็งแรงกว่าเขาพอควร อีกทั้งยังมีท่าทีที่น่าเกรงขามกว่าอย่างเห็นได้ชัดจนดงฮยอนเกิดสงสัย เพราะทั้งคู่ต่างก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน ทั้งยังเติบโตมาพร้อมๆกันด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่งดงฮยอนได้รู้ว่าแท้จริงแล้วดงฮันสืบเชื้อสายอัลฟ่ามาจากตระกูลที่ใหญ่โตพอควร ถึงจะไม่มีคำตอบให้ว่าทำไมดงฮันถึงต้องมาอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ว่าข้อเท็จจริงเรื่องอัลฟ่าของดงฮันเป็นคำตอบว่าทำไมช่วงเดือนที่ผ่านมาถึงมีค่าเลี้ยงดูจำนวนมากถูกส่งมา ราวกับจะชดเชยตลอดช่วงชีวิตที่ดงฮันเคยอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ความเป็นอัลฟ่าของดงฮันเด่นชัดที่บุคลิกและลักษณะทางกายภาพของดงฮัน ทว่ามันยังไม่ก่อปัญหาใดๆต่อพวกเขาสองคนแบบที่ดงฮันเคยกังวล
ดงฮยอนเองก็คิดว่ามันไม่น่าเป็นปัญหาอะไร เพราะตนเองก็เป็นเพียงเบต้าธรรมดา ไม่มีทางที่จะปล่อยฟีโรโมนออกมาปลุกเร้าสัญชาตญาณนักล่าของดงฮันให้ออกมาทำงานได้ เรื่องพละกำลังเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
แต่ก็เหมือนดงฮยอนจะลืมไป ว่าปัจจัยที่กระตุ้นสัญชาตญาณเหล่านั้นไม่ได้มีเพียงแค่ฟีโรโมนของโอเมก้า แต่มีเรื่องของฤดูกาล และปัจจัยอื่นๆอีกด้วย...
เมื่อวันหนึ่ง
สิ่งที่คิมดงฮันกลัวได้เกิดขึ้น
เคร้ง! จานในมือของคิมดงฮันหล่นลงรวมถึงเจ้าตัวที่ทรุดลงกับพื้นอย่างทรมาน ดงฮยอนไม่รอช้ารีบถลาเข้าหาทันที
ดงฮยอนยังจำภาพที่ดวงตาของดงฮันเปลี่ยนเป็นสีแดงได้อย่างแจ่มแจ้ง
รวมถึงท่าทีที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ต่างไปจากคิมดงฮันคนเดิมนั่นด้วย
“ดงฮัน...นายโอเคมั้ย”
คิมดงฮันเงยหน้าจากพื้นขึ้นพบกับดงฮยอนที่ตรงเข้าประคองและมองมาอย่างห่วงใย นัยน์ตากลมโตนั่นทอประกายวิตกกังวลอย่างเด่นชัด ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นดูเย้ายวนยิ่งกว่าวันไหน
ใช่ว่าที่ผ่านมาดงฮยอนจะไม่มีอิทธิพลต่อดงฮัน
ยิ่งเติบโตขึ้น ดงฮันยิ่งแน่ใจถึงความรู้สึกที่เขามีต่อดงฮยอนว่ามันลึกซึ้งยิ่งกว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนสมัยเด็ก คิมดงฮยอนได้ก่อกวนหัวใจของดงฮันอย่างร้ายกาจมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาทุกสิ่งมันถูกกดทับเอาไว้ได้
ที่ผ่านมาดงฮันเลือกที่จะข่มทุกอย่างเอาไว้ ขอแค่มีกันต่อไป ในฐานะเพื่อนก็ได้
แต่แล้วทุกอย่างอาจจะกำลังพังลง เพราะความต้องการของร่างกายที่ปะทุขึ้น เกินกว่าที่ดงฮันจะควบคุมมันไว้ได้
“ออกไป”
“แต่ว่า...”
“คิมดงฮยอน ฉันบอกให้นายออกไปไง”
แม้ร่างที่กำลังสั่นเทานั่นจะกดเสียงต่ำลอดผ่านไรฟันเพื่อเอ่ยปากไล่ แต่ก่อนที่ดงฮยอนจะทันได้ถอยหลังหนีไป กลับถูกพละกำลังมหาศาลนั่นฉุดกระชากเข้าไป ตามมาด้วยริมฝีปากของคนตรงหน้าที่ทาบทับลงมา
ดงฮยอนจำได้ว่ามันเป็นจูบแรกของเขา เป็นจูบแรกระหว่างทั้งคู่
สัมผัสที่ทั้งร้อนแรงและแปลกใหม่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนจะเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับมันแม้จะรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดเขาเอาไว้
หอม
ดงฮยอนไม่มีกลิ่นฟีโรโมนใดๆที่จะปลุกสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าให้ลุกโชน ทว่าจมูกรับรู้กลิ่นดีกว่าคนทั่วไปตามประสาอัลฟ่าทำให้คิมดงฮันได้กลิ่นสบู่สำหรับผู้ชายที่ทั้งคู่แชร์กันตามเนื้อตัวของดงฮยอนอย่างชัดเจน
ดงฮันไม่เคยรู้ว่าสบู่ขวดที่พวกเขาใช้ร่วมกันเมื่ออยู่ตามเนื้อตัวของดงฮยอนมันจะหอมขนาดนี้ จนกระทั่งได้สูดดมตามเนื้อตัวของคนในอ้อมกอด อารมณ์ที่พุ่งสูงกับสัญชาตญาณนักล่าผสมปนเปกันจนความคลั่งไคล้ในคนตรงหน้าของดงฮันมีมากเกินจะต้านทาน
อัลฟ่าหนุ่มเคลื่อนใบหน้าไปยังซอกคอเนียนหมายจะฝากฝังร่องรอยเอาไว้ แม้จะรู้แก่ใจว่าระหว่างอัลฟ่ากับเบต้าไม่มีการผูกพันธะใดๆต่อกันก็ตาม
ไม่มีอะไรมาหยุดรั้งดงฮันไว้ได้แล้ว
คิมดงฮยอนเป็นของเขา “โอ๊ย”
เสียงร้องของดงฮยอนดังขึ้น และเรียกสติของดงฮันทั้งหมดให้กลับมา
พริบตานั้น เหมือนม่านหมอกทั้งหลายที่บดบังเอาไว้ได้สลายหายไป
ดงฮันที่ได้สติกลับคืนเพิ่งเห็นผลของการกระทำ
เท้าของทั้งคู่เหยียบลงบนเศษกระเบื้องของจานใบที่คิมดงฮันทำแตก และนั่นเป็นสาเหตุให้ดงฮยอนร้องออกมา ผมเผ้าของดงฮยอนยุ่งเหยิง ริมฝีปากอิ่มนั่นบวมช้ำ ไหนจะมีน้ำตารื้นขึ้นตามนัยน์ตากลมสวยคู่นั้น
ทั้งที่อยากจะทะนุถนอมให้สมกับที่เป็นคนสำคัญของเขาแท้ๆ
“ขอโทษ”
คิมดงฮันเอ่ยเสียงแผ่วเบาในขณะที่กำลังทำแผลตามฝ่าเท้าของดงฮยอนไปด้วย ไม่มีอีกแล้วดวงตาสีแดงฉาน หรือดงฮันที่มีท่าทีดุร้าย
เหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อพายุอารมณ์ชะงักลง กลายเป็นคนสองคนที่มานั่งบนโซฟาทำแผลให้กันอย่างน่าตลก
“นายจะขอโทษฉันทำไม นายก็เหยียบเศษจานเหมือนฉันนี่นา” แม้จะรู้สึกแสบแผลเล็กน้อย แต่เมื่อเหลือบไปเห็นแผลบนเท้าของดงฮัน ดงฮยอนก็แทบจะลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นไป
มันไม่ใช่ความผิดของคิมดงฮันนี่นา...
“เรื่องที่ทำร้ายนาย”
“นายไม่ได้ทำร้ายฉันนี่”
“เรื่องจูบน่ะ...”
พอถูกพูดถึงเรื่องนั้น กลับกลายเป็นหัวใจของดงฮยอนถูกกระตุกขึ้นอีกรอบ จากที่ตกใจเรื่องเหยียบจานจนลืมทุกอย่าง กลับมาหน้าร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
สัมผัสลึกซึ้งเหล่านั้นกลับมาชัดเจนจนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา
จะว่าไปแล้ว ถึงจะใช้ชีวิตมาด้วยกันนานพอสมควร แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ก้าวล้ำเส้นของเพื่อน และถึงแม้ดงฮยอนจะแน่ใจเรื่องความรู้สึกต่อดงฮันมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรออกไป
เขาแค่พอใจ กับการอยู่ข้างๆกันไปแบบนี้
แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วจริงๆ
“เรื่องนั้นน่ะ...นายไม่ต้องขอโทษก็ได้ ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก”
“แต่ฉันคิด” คิมดงฮันสวนขึ้นมาทันควัน “ฉันไม่ควรบังคับถ้านายไม่เต็มใจ...หรือต่อให้นายเกิดจะเต็มใจขึ้นมาจริงๆยังไงฉันก็อยากจะทะนุถนอมนายมากกว่านี้”
“...”
“ฉันไม่อยากให้มันเกิดแค่เพราะสัญชาตญาณของฉันมันเรียกร้อง และความต้องการของฉันมันยากที่จะควบคุม”
“ไม่ต้องทำเหมือนฉันบอบบางขนาดนั้นก็ได้นี่นา นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นน่ะคิมดงฮัน”
“เพราะนายสำคัญกับฉันต่างหาก”
จนเหตุการณ์นั้นผ่านมาได้สักพัก ทั้งคู่ยังใช้ชีวิตตามปกติไป แม้จะมีบ้างที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาเมื่อต้องสบตากันตรงๆ แต่โดยภาพรวมมันก็ปกติดี
คิมดงฮยอนกับคิมดงฮันนั่งอยู่คนละฟากของส่วนห้องนั่งเล่น
ฟ้ากำลังครึ้ม คล้ายกว่าฝนตั้งเค้าจะตก
แต่แล้วจู่ๆ คิมดงฮันก็เกิดพุ่งตัวออกไปจากห้องโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
จนมันเริ่มนานผิดปกติ คิมดงฮยอนตัดสินใจจะโทรหา ทว่าเจ้าตัวกลับทิ้งมือถือเอาไว้ในห้อง และนั่นทำให้จิตใจของดงฮยอนเริ่มกระวนกระวาย
ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก
ในช่วงเวลาที่อัลฟ่ากำลังเกิดอาการรัตขึ้นมาแบบนี้ ดงฮันออกไปข้างนอกโดยไม่หยิบแม้แต่มือถือหรือร่มติดตัวออกไปด้วยซ้ำ
คิมดงฮันรู้สึกถึงบางสิ่งที่ปะทุขึ้นในร่างกาย ลำคอของเขาเริ่มแห้งผาก คิมดงฮยอนที่นอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนโซฟาดูเย้ายวนกว่าทุกที
กลิ่นสบู่กลิ่นเดิมที่เขาเองก็ใช้ในตอนนี้เริ่มรบกวนจิตใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพในเหตุการณ์ครั้งนั้นย้อนกลับมาฉายในหัว
อันตราย
ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั่นกลับมาไวกว่าที่คิดเอาไว้
ไวกว่าความคิดทั้งปวง ดงฮันรีบพาตนเองออกจากห้องพักทันที เขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้ คิดแค่ว่ามันสุ่มเสี่ยงเกินไปถ้าอัลฟ่าที่เริ่มมีความต้องการอย่างแรงกล้าแบบเขายังอยู่ในห้องเดียวกับดงฮยอน
จริงอยู่ที่ดงฮยอนเป็นเพียงเบต้า ไม่ได้มีกลิ่นฟีโรโมนที่หอมหวานในช่วงฮีทเพื่อปลุกปั่นอัลฟ่าอย่างเขา แต่ดงฮยอนเป็นอะไรที่ยากจะรับมือมากกว่านั้น
ลำพังเพียงสายตาที่ช้อนมองมา หรือแม้แต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ก็ทำให้เขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
หากได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดหรือลึกซึ้งเช่นคราวก่อน ดงฮันคงยากที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอทำอะไรลงไป
และถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกครั้ง คิมดงฮันคงจะไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ
ยังไม่ทันจะพ้นจากบริเวณที่พักของตนไปไหนไกล ฝนห่าใหญ่ก็เทลงบดบังทัศนียภาพรอบกายไปหมด
ถึงแม้น้ำฝนจะทำให้ร่างกายหนาวเหน็บมากขึ้น ทว่ากลับช่วยบรรเทาอาการภายในใจของอัลฟ่าหนุ่มได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ความต้องการยังคงปะทุอัดแน่นไม่หายไปไหน แต่เขามืดแปดด้านเกินกว่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไร
รู้เพียงว่ากลับไปยังห้องที่มีดงฮยอนอยู่ไม่ได้
ทรมาน
ทรมานเหลือเกิน “คิมดงฮัน!”
แม้เสียงฝนที่ตกกระทบลงมาจะดังจนเกือบกลบทุกสิ่ง ทว่าเสียงอันคุ้นเคยที่แทรกขึ้นมายังชัดพอที่จะให้ดงฮันหันไปตามต้นเสียงนั้น
ภาพของคิมดงฮยอนที่กางร่มอยู่ปรากฏขึ้นกลางสายฝน
ดงฮันไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองกำลังมีสีหน้าแบบไหน ทว่าใบหน้าของดงฮยอนกลับคลับคล้ายคลับคลาจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ดงฮยอนตัดสินใจกางร่มออกไปตามหาดงฮันที่น่าจะไปไหนได้ไม่ไกล
แม้ว่าฝนจะตกหนักจนแทบจะบดบังทัศนียภาพรอบข้าง ทว่าเมื่อเดินหาได้ไม่นาน ดงฮยอนก็พบกับภาพของชายร่างสูงใหญ่ที่เขารู้จักดีกำลังยืนหนาวเหน็บท่ามกลางสายฝน
เสียงฝนดังกระทบร่มที่กางอยู่จนดงฮยอนไม่มั่นใจว่าเสียงที่เขาตะโกนเรียกไปจะไปถึงหรือไม่ กระทั่งเจ้าของชื่อที่เขาเอ่ยไปหันกลับมา
ตาของดงฮันยังมีประกายแดงฉานน่ากลัว
แต่แม้แต่หยาดฝนก็ไม่อาจปิดบังความนัยที่ดงฮยอนสัมผัสได้จากใบหน้านั้น
หลายค่ำคืนในช่วงรัตของอัลฟ่า ดงฮยอนมักจะได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังมาจากห้องนอนของดงฮัน
เขารู้ดี ความทรมานที่ดงฮันพยายามจะควบคุมอาการเหล่านั้น
แต่ว่าในตอนนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องควบคุมแล้ว
ดงฮยอนเดินเข้าไปใกล้คิมดงฮัน ก่อนจะขยับร่มในมือให้สามารถบังฝนให้คนทั้งคู่ได้ ดงฮันที่ยืนอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกับเขามองมาด้วยแววตาที่สับสนและตั้งคำถาม
“นายไม่ควรอยู่ตรงนี้ดงฮยอน ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้”
“…”
“ได้โปรด ฉันไม่อยากทำร้ายนาย”
ดงฮยอนเขย่งตัวขึ้นเพื่อแตะริมฝีปากบนริมฝีปากของคนตรงหน้าเบาๆก่อนจะพูดประโยคที่ตั้งใจจะบอก
“เห็นไหมว่าจูบของเรานุ่มนวลแล้ว”
“...”
“นายทำดีแล้วนะคิมดงฮัน”
หัวใจของเขาเต้นดังขึ้นแข่งกับเสียงฝน ก่อนจะตามมาด้วยคิมดงฮันที่โน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากกับเขาอย่างลึกซึ้ง พร้อมด้วยอ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดเอาไว้จนร่มในมือของดงฮยอนร่วงหล่นลงบนพื้น
สายฝนยังคงโปรยกระหน่ำใส่ทั้งคู่
แต่คิมดงฮยอนไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวเลยสักนิด
ดงฮยอนไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตอนไหนที่ทั้งคู่พาตัวเองกลับห้องมา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเหวี่ยงลงบนเตียงหนานุ่มในห้องนอนของใครสักคน ไม่เขาก็ดงฮัน เพราะมองได้ไม่ชัดนักเนื่องจากมีร่างของคิมดงฮันทาบทับตามลงมาอีกที
เขาเพียงอยากให้รู้ว่าคิมดงฮันไม่เคยทำร้ายเขาเลย
และทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นความเต็มใจของดงฮยอนทั้งสิ้น
แสงแดดในยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้ดงฮันรู้สึกตัว
อัลฟ่าหนุ่มพลิกกายไปมาบนเตียงนอนของตนเองและพบว่ามีอีกร่างเปลือยเปล่าที่กำลังนอนหลับสบายอยู่เคียงข้าง
แม้ว่าจะรู้จักกันมานาน แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้เห็นคิมดงฮยอนกำลังหลับตาพริ้มอยู่แบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะดึงคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอดเอาไว้ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปยังหน้าผากเนียนนั่นเบาๆ ตามด้วยปลายหางตาชี้ที่กำลังหลับใหลอยู่
แม้ริมฝีปากที่บวมเจ่อขึ้นมาเล็กน้อยกับร่องรอยตามผิวกายเนียนละเอียดนั่นจะอดไม่ได้ที่จะทำให้ดงฮันรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
ทว่าคำปลอบประโลมในค่ำคืนที่ผ่านมาของดงฮยอนยังเด่นชัด แม้จะเกิดขึ้นในช่วงที่สัญชาตญาณอันดุร้ายของเขากำลังทำงาน
และคำบอกรักที่ดงฮันได้พร่ำบอกไปในค่ำคืนนั้น ก็เด่นชัดจากความรู้สึกของเขาเช่นกัน
แม้ว่าเขาที่เป็นอัลฟ่าจะไม่สามารถทำพันธะกับเบต้าได้ เหมือนที่อัลฟ่ากับโอเมก้าทำ
ทว่าทั้งคิมดงฮันและคิมดงฮยอนต่างเป็นคู่ชีวิตของกันมาตั้งแต่วินาทีที่เด็กน้อยทั้งสองคนได้เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วล่ะ
#มนต101
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in