ดวงดาวทั้งฟ้าต้องเสียใจและ ไม่มีสิ่งไหนสวยงามต่อไป ตราบที่โลกนี้มีคนอย่างเธอ
และฉันคือคนโชคดี เมื่ออ่านความหมายทุกคำกวี ไม่มีบทไหนงดงามอีกแล้ว ตราบที่โลกนี้ยังมีชื่อเธอ
(เวลาเธอยิ้ม – Polycat)
“ดาว”
เจ้าของชื่อที่ดินเพิ่งเรียกหันขวับมาทางต้นเสียง ใบหน้านั้นโผล่เหนือกองสมุดในอ้อมแขนขึ้นมาเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้ดินเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาถ้าจะปล่อยให้เจ้าตัวต้องถือนานไปกว่านั้น เลยพยายามที่จะไม่อ้อมค้อมในการเอ่ยบทสนทนาต่อมา
“หือ”
“แกจะไปส่งงานคณิตใช่มั้ย”
“อือ”
“ร...เราเพิ่งเอามาส่ง ยังทันใช่มั้ย” ดินหยิบสมุดการบ้านของตัวเองในมือขึ้นมาชูไปมา ดาวพยักเพยิดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นกองสมุดในมือมาทางเขา
“ทัน วางมาเลย”
“คือ...แกดูถือเยอะอ่ะ มาเดี๋ยวเราช่วย”
ดินพูดแล้วก็ค่อยๆจัดแจงแบ่งสมุดเกือบเกินครึ่งในมือของดาวมาถือเอง ก่อนจะวางสมุดของตัวเองไว้บนนั้นอีกที ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะปฏิเสธน้ำใจอะไร แม้ว่ามันจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงของหญิงสาวในการหอบกองสมุดเหล่านี้ไปส่งที่ห้องพักครูซึ่งอยู่คนละตึกกับอาคารเรียนก็ตาม
“แกยกแบบนี้ประจำไม่เหนื่อยเหรอ”
ดินชวนคุยขึ้นมาระหว่างทางเดินไปห้องพักครูคณิตศาสตร์เพื่อทำลายความเงียบที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะไม่ได้ชวนให้อึดอัดใจอะไร แต่ถ้าได้พูดคุยกันก็ย่อมดีกว่า
“ก็ไม่นะ วันนี้แกก็มาช่วยยกนี่”
คำตอบของดาวทำให้ดินรู้สึกใจชื้นขึ้นมาจนแทบจะหุบยิ้มไว้ไม่อยู่ แต่ถ้าเผลอยิ้มกว้างตามใจที่พองโตขึ้นคงถูกคนข้างๆหาว่าเป็นบ้าแน่ๆ ดินจึงต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วพยายามชวนคุยต่อ
“แต่มันก็มีวันที่แกยกคนเดียวบ่อยๆนี่นา”
“ที่จริงก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นนะ เรายกไหวเว่ย กองมันอาจจะดูสูงเฉยๆ” ในระหว่างที่เดินดูทางข้างหน้าไป ดาวก็พูดไปนึกคำตอบไปด้วย “เออ แต่มันก็ไม่ค่อยสะดวกแหละ เข้าใจใช่ป่ะว่ามันไม่หนักแต่ถือยาก บางทีกองมันก็สูงบังทางนิดหน่อย แต่ว่าฉันก็ชินแล้วนะ หน้าที่ค้ำคอ”
ถึงแม้ว่าดินจะไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกับดาวสักเท่าไหร่ แต่จากการลอบมองอยู่บ่อยๆ ทำให้ดินก็พอจะรู้ว่าเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนนั้นดาวไม่ใช่คนพูดน้อยอะไร ถ้ามีจังหวะให้ได้พูด ดาวก็เป็นคนขี้บ่นคนหนึ่งอยู่พอตัว เพราะงั้นดินเลยรู้สึกดีเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเมื่อประเด็นที่เขาจุดขึ้นทำให้ดาวเริ่มพูดยาวขึ้น และเริ่มกลายเป็นการบ่นอะไรให้เขาฟังไประหว่างทางเดินนั่น อย่างเช่นบ่นเรื่องความเหน็ดเหนื่อยของการเป็นหัวหน้าห้องนั่นเอง
ดินกับดาวเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน และตั้งแต่ม.4 ลากยาวมาถึง ม.5 เทอมปลาย ดาวก็ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องมาตลอด ดาวจัดเป็นพวกบ้าพลังและสู้งานอยู่พอตัว แถมการเรียนก็อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งนั่นคงเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เพื่อนพร้อมใจกันเลือกดาว มิหนำซ้ำยังเป็นที่รักของเพื่อนๆในห้อง โดยเฉพาะพวกเพื่อนผู้หญิงจะชอบดาวกันมาก
ถึงกระนั้น ดาวก็ไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายแบบพวกสาวตัวท็อปๆในโรงเรียน แม้ดินจะคิดว่ามันดีแล้ว แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้นิดหน่อย
เพราะขนาดเป็นเพื่อนวงห่างๆแบบนี้
ดินยังรู้สึกชอบดาวเอามากๆเลยล่ะ
ดาวสูงตามมาตรฐานของผู้หญิงทั่วไป ไม่ได้อ้วนหรือผอมเป็นพิเศษ ไว้หน้าม้าที่แหวกกลางอยู่ตลอดเวลา สวมแว่นตากลมๆ กระโปรงนักเรียนไม่เคยสั้นเหนือเข่า ถุงเท้าไม่เคยข้อสั้นผิดระเบียบ มัดหางม้ารวบตึงตลอด
ถึงจะใส่แว่นกลมๆคู่หนึ่งอยู่ตลอด แต่ดินก็มองว่าดาวก็ไม่ใช่คนเนิร์ดหรือคงแก่เรียนอะไร ภายใต้กรอบแว่นนั่นมีดวงตาคู่สวยปลายเรียวชี้ขึ้นกับถุงใต้ตาน้อยๆอันเป็นเอกลักษณ์ เหนือดวงตาไปมีคิ้วที่ชอบขมวดไปมาเวลาพูดจาแบบออกรสชาติ สิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีเสน่ห์ในสายตาดินไม่น้อย
ไหนจะนิสัยของดาวกับรอยยิ้มสวยๆนั่นอีก
ดินไม่รู้ว่ามีคนเคยบอกดาวไหม ว่าดาวเป็นคนหนึ่งที่ยิ้มสวยมากๆ ดินยังจำได้ตอนเปิดเทอมใหม่ๆที่ดาวออกไปนำเสนองานหน้าห้อง แม้ดินจะนั่งอยู่หลังสุด แต่รอยยิ้มของดาวตอนหัวเราะแก้เขินมันเจิดจ้าเผื่อแผ่มาถึงข้างหลังเลย
หลังจากพบข้อเท็จจริงข้อนั้น รู้ตัวอีกที ดินก็กลายเป็นคนที่ชอบกวาดสายตามองหาเจ้าของรอยยิ้มนั่นแล้วเผลอยิ้มตามอยู่บ่อยๆ ซึ่งสิ่งที่ทำให้รู้ตัวก็เพราะเพื่อนในกลุ่มเริ่มล้อกัน จนจะลามไปทั้งห้องแล้ว
คนเกือบทั้งห้องรู้กันหมดแล้วมั้งว่าดินชอบดาว
แต่ดินคิดว่าดาวไม่น่าจะรู้หรอก...
ระยะทางจากตึกเรียนไปจนถึงอาคารที่มีห้องพักครูไม่ยาวพอให้ดินรู้สึกพึงพอใจ ออกจะเสียดายหน่อยๆหลังจากลงมาจากตึกจนถึงคราวจะแยกย้าย
เป็นดาวที่เตรียมโบกมือลาแล้ว แต่ดินตัดสินใจชิงถามขึ้นมาก่อน
“ปกติแกกลับบ้านทางไหนอ่ะ หน้าโรงเรียนหรือหลังโรงเรียน”
ดาวทำหน้างงเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกมาพร้อมชี้ไปทางหน้าโรงเรียน
“ปกติขึ้นสองแถวด้านหน้ากลับอ่ะ แกล่ะ”
“เรากลับหน้าโรงเรียนเหมือนกัน งั้นไปพร้อมกันเนอะ”
ดินโกหกคำโต
ปกติแล้วแม่ของดินจะขับรถมารับที่ด้านหลังโรงเรียนด้วยเหตุผลว่ามันหาที่จอดง่ายกว่าและทะลุกลับบ้านง่ายกว่าต่างหาก ไม่เคยหรอกจะได้นั่งรถสองแถวกลับบ้าน
ดินแค่อยากเดินมาส่งดาวแบบที่คิดอยากทำมานานแล้วเฉยๆ แม้ว่าแม่ของเขาที่มาถึงด้านหลังโรงเรียนจะกดโทรตามยิกๆแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่อเห็นกับตาว่าดาวหันมาโบกมือพร้อมยิ้มลาให้ก่อนจะขึ้นรถสองแถวไปอย่างเรียบร้อย ถึงค่อยโกหกว่าตนเองขึ้นคนละสายแล้ววิ่งสี่คูณร้อยจากหน้าโรงเรียนไปที่หลังโรงเรียนทันที เพราะขืนปล่อยให้แม่รอนานกว่านี้คงโดนด่ายับ
“ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น มีเรื่องอะไรดีๆหรือไง”
แม้จะเหนื่อยจนหอบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายโดนแม่แซวทันทีที่เปิดประตูขึ้นไปบนรถอยู่ดี
ดินนิ่งไปเล็กน้อยหลังจากที่แม่ถามออกมา เรื่องอะไรดีๆน่ะเหรอ ถึงแม้เหตุการณ์หลังเลิกเรียนมันจะไม่นานมากเมื่อเทียบกับวันทั้งวัน แต่ที่จู่ๆก็ได้คุยกับดาวมากกว่าปกตินั่นแหละที่เป็นเรื่องดีๆ
“วันนี้ได้คุยกับคนที่ชอบนานกว่าทุกวันเลยแม่”
ถ้าเกิดรู้มาก่อนว่าเข้าไปช่วยยกสมุดแล้วจะได้คุยกันยาวกว่าที่ปกติเคยได้คุยล่ะก็ ดินคงทำไปนานแล้ว
วันหลัง...จะไปช่วยดาวยกสมุดไปส่งครูอีกละกัน
แล้วก็จะหาเรื่องไปส่งที่หน้าโรงเรียนด้วย :-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in