• แต่ในความสดใสโลกชมพูของสาวสุดสัปดาห์มันไม่ใช่ในแบบทั่วไปที่เรามักติดภาพจำจากวงรุ่นพี่สักนิด.. เนื้อหาของเด็กน้อยกลับถ่ายทอดออกมาในคราบกึ่งความเป็นวัยรุ่นปกติเข้ากับยุคสมัย ณ ปัจจุบันที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงของ coming of age เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นอะไรที่จับต้องได้ง่าย เข้าถึงทุกเพศทุกวัยแต่ก็แอบมีซ่อนความมั่นไว้ในส่วนลึกนิดหน่อย อย่าง Tag Me (@Me) ลีดซิงเกิ้ลเดบิวท์จากอีพีชุดแรกเด็กน้อยทั้งเจ็ดได้นำเสนอตัวตนของตัวเองที่อยากเชื้อเชิญให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันพอประปรายคล้ายกับว่าเป็นการแนะนำตัวเด็กใหม่หน้าชั้นเรียนในวันเปิดภาคเรียนวันแรก ดูเนื้อหามันก็ไม่ได้พิเศษพิโสอะไรมากมายเท่าไหร่ สิ่งที่แอบเซอร์ไพร์สเล็กน้อยในการนำเสนอเพลงแรกของเด็กเหล่านี้คือซาวนด์ที่ไม่ได้เป็นป็อบที่ดูดาดเดือดหรือเรียบง่ายแบบรุ่นพี่ตัวเอง(สมัยวัยเยาว์) แต่งเสริมเติมสีด้วยลูกเล่นของ electronic trap เล็กน้อยกับการชูความปนสไตล์ร็อคอ่อนๆ มันทำให้ความสดใสกลับไม่น่าเบื่อแบบที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงแถมยังเป็นเด็กวัยรุ่นแก่นแก้วแต่ยังไม่เซี้ยวพอที่จะหลุดโซน พวกเธอยังพอมีขอบเขตความสมวัยอยู่บ้างไม่งั้นอาจจะดูกลายเป็นแก๊งค์สาวบ้าระห่ำ.. อีพีชุดที่สองอย่าง We canเป็นการสานต่อเจตนาจากอีพีแรกที่ดูจะเพิ่มพูน energy ความเป็นวัยรุ่นมากขึ้นกว่าเดิม จากแก๊งค์สาวแก่นแก้วเริ่มยกระดับตัวเองให้เข้าสู่โลกจินตนาการอันกว้างไกลทีละเล็กน้อยคงความเข้าถึงง่ายเช่นเคยแหละแต่อาจจะยังดูมีจุดที่ยัง play safe ตามสเต็ปวงน้องใหม่กันไป
• Zig Zagชัดเลยว่าซิงเกิ้ลโปรโมทนี่แหละคือตัวเพลย์เซฟของอีพีชุดนี้ ความรู้สึกที่ยึกยักไปมากับการไล่ตามความฝันราวกับว่าเหมือนกำลังนั่งเครื่องเล่นรถไฟเหาะ based หลักของซาวนด์ที่เน้นไปทางร็อคกว่าเดิมจาก Tag Me แต่ไม่ละทิ้งความเป็นป็อบด้วยเหมือนกัน เป็นแทร็คที่โคตรจะเบสิค 1 2 3 4 5 แต่ก็ยังให้อภัยพอรับได้ในระดับนึงนะ ชอบช่วงฮุคท้ายเล่นจังหวะได้เยี่ยมเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in