อย่างที่บอกว่าการเข้าชมรมกรีฑาที่ญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายหนึ่งของการมาแลกเปลี่ยนเลย ถึงจะได้ยินจากรุ่นพี่โครงการนี้มาว่าที่นี่เรียนหนักมากเลยไม่ค่อยแนะนำให้เข้าชมรมแบบจริงจัง เดี๋ยวจะขออธิบายก่อน คือที่ญี่ปุ่นจะแบ่งชมรมเป็นสองประเภทก็คือ บุคัตสึ (部活) กับซาคุรุ(サークル) แบบบุคัตสึ ส่วนมากจะเป็นชมรมกีฬา คือจะมีการกำหนดเวลานัดและตารางการซ้อมแบบชัดเจน มีเป้าหมายก็คือการไปแข่งขัน และซาคุรุจะเป็นชมรมแบบชิวๆตั้งไว้เพื่อรวมคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันมาทำทำกิจกรรมด้วยกัน แต่ด้วยความที่ยังไงก็อยากเข้าชมรมกรีฑาให้ได้ พอมาถึงกิฟุได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็เลยลองทักไอจีของชมรมไปว่าขอไปดูการซ้อมได้มั้ย คือต้องบอกว่าขอไปดูไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าเค้าจะให้เราเข้ารึเปล่าไง555 แล้วสุดท้ายเค้าก็ตอบกลับมาแล้วก็ตกลงกันว่าจะไปดูการซ้อมวันที่25 ธันวา ซึ่งเป็นการซ้อมวันสุดท้ายของปีนี้ และใช่! มันคือวันคริสต์มาสนั่นเอง
ชมรมเริ่มซ้อมตอน 9 โมงเช้า วันนั้นคือตื่นเต้นมากๆๆๆ แบบฝันอยากเข้ามานานแล้ว ละวันนี้ก็จะได้ไปจริงๆ แบบทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว พอไปก็ไม่กล้าเดินเข้าไป ไปยืนแอบมองอยู่ไกลๆสักพัก555 แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไป วันที่ไปเป็นวันซ้อมเวทเทรนนิ่งพอดี ทุกคนก็เลยรวมตัวกันอยู่ในห้องชมรมที่เป็นเหมือนยิมเล็กๆเลย พอไปถึงเราก็ทัก โอฮาโยโกไซมัส! ทุกคนก็หันมามองเราเป็นตาเดียวเลย555 ตอนนั้นคือเขินมากก แบบทำตัวไม่ถูกอะ แล้วโค้ชที่เป็นอาจารย์กับกัปตันก็ออกมาคุยด้วยก็แนะนำตัวกันต่างๆ บอกเลยว่าประธานชมรมเท่มาก 55555 ส่วนโค้ชก็คือใจดีมาก อธิบายเรื่องการซ้อมต่างๆเอาตารางซ้อมมาให้ดู แล้วก็ถามว่าสนใจมาซ้อมด้วยกันมั้ย แง แบบรอคอยคำนั้นมาก ก็เลยรีบบอกว่าค่ะ! อยากซ้อมค่ะ! แล้วโค้ชก็เลยไปเรียกคนนั้นคนนี้ในชมรมออกมาแนะนำให้เรารู้จักอีก แล้วก็แนะนำผู้หญิงทุกคนในชมรมให้รู้จัก บอกว่าผู้หญิงมีน้อยเพราะงั้นก็สนิทๆกันไว้นะ ก็คือมีน้อยจริง ชมรมมีทั้งหมดประมาณ 60 คน แต่มีผู้หญิงแค่ 8 คนเอง
แล้วอยู่ดีๆโค้ชก็บอกว่าพรุ่งนี้ชมรมจะไปปีนเขากันนะ เป็นกิจกรรมสุดท้ายของปีก่อนปิดเทอมฤดูหนาว จะไปด้วยกันมั้ย ในใจคือแบบ ฮะ ปีนเขาหรอ คือเอาตรงๆไม่ได้ออกกำลังกายมานานมากก จะรอดมั้ยนะ ชุดวอร์มอะไรก็ยังไม่มี แล้วช่วงนั้นอากาศหนาวมากแบบเลขตัวเดียวเลย แต่ด้วยความที่ก็อยากไปมากเหมือนกัน เลยตอบว่าไปค่ะ! แบบทันทีเลย ไม่ทำท่าคิดด้วย ที่พูดเมื่อกี้คือมาคิดได้ทีหลัง แล้ว555 แล้วตอนนั้นคือเรายังไม่มีจักรยาน ไม่มีเน็ต ไม่รู้ทางอะไรเลยด้วย โค้ชก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะให้เพื่อนชมรมเอารถมารับนะ ตอนนั้นก็คือดีใจมากก แบบทำไมเค้าใจดีกันจังเลยอะ
ตอนแรกอะเราลังเลมากว่าจะไปเข้าชมรมมั้ย เพราะเอาจริงๆนะคือเราก็ไม่ได้วิ่งเร็วอะไรเลย แค่ชอบวิ่งมากๆ แล้วก็ชอบบรรยากาศชมรมของญี่ปุ่นมากๆ ชอบความจริงจังของเค้า อยากลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตอนนั้นกังวลหลายอย่างเลยทั้งเรื่องว่าจะซ้อมกับเค้าไหวมั้ย ทั้งซ้อมหนัก ทั้งอากาศก็หนาวด้วย แล้วไหนจะเข้ากับเพื่อนญี่ปุ่นได้มั้ยอีก ยิ่งชมรมที่เค้ามีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนสูงมากๆเนี่ยเราจะสามารถเข้าไปในกลุ่มนั้นได้มั้ย เค้าจะยอมรับเรามั้ย ยิ่งเป็นต่างชาติอีก ก็คือคิดไปต่างๆนานาแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะเข้าอยู่ดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in