เราย้ายเอกมาจากเอกจีนนะคะ ตอนนี้อยู่เอกภาษาอิตาเลียน โทประวัติศาสตร์ สำหรับใครที่พึ่งมาตามอ่านแล้วเกิดสนใจรายวิชาบังคับของเอกจีน สามารถย้อนกลับไปอ่านของสองเทอมที่แล้วได้ค่ะ (เราลงตัวสำหรับคนมีพื้นนะคะ ถ้าเป็นคนไม่มีพื้นจะเรียนคนละวิชากัน)

1.เนื้อหาที่ปรากฏต่อไปนี้คือความเห็นส่วนตัวของเราล้วน ๆ นะคะ กรุณารัดเข็มขัดนิรภัยจักรยานก่อนอ่าน เราจะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารทุกกรณีค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการสายการบินจีน่าเนวารีแอร์ไลน์นะคะ ตึ๊งตึงตึ่งตึง 

จริงๆ เราว่าวิชานี้มีส่วนที่สนุกนะ แต่ว่าพอเปลี่ยนจากความรู้ในชั้นเรียนมาเป็นข้อสอบแล้วมันไม่สนุกเหมือนเดิม มันหนักหัว เพราะว่าต้องท่องจำเยอะมาก ไม่ค่อยได้วิเคราะห์เท่าไหร่ สยองมันหยา มันยม มันเอือด ตอนสอบแทบจะหลอนหน้าพ่อขุนราม ยกเว้นพาร์ทหลัง ๆ ที่จะได้วิเคราะห์เยอะหน่อย

ส่วนตัวยังรู้สึกว่ารายวิชานี้ยังมีความก้ำกึ่งระหว่างความเป็นอารยธรรมและประวัติศาสตร์ คือเราไม่ได้จะบอกว่ามันแย่ที่มีความก้ำกึ่ง เพราะจริง ๆ สองอย่างนี้มันไปด้วยกันได้อยู่แล้ว (มั้ง อย่ามาถั่วลงชั้นนะ กลัว หัวใจบอบบาง) แต่เราคิดว่าถ้าเนื้อหามีความเหลื่อมกัน งั้นต้องเปลี่ยนชื่อวิชามั้ยอะ อันนี้สงสัยเฉย ๆ นะ ไม่ได้จะว่าอะไร 

ป.ล. งอนข้อสอบมิดเทอมมาก ๆ มากแบบ เฮ้อ ผูกใจเจ็บสุด ไม่เอาแล้วนะท่องจำขนาดนี้น่ะ

dental terminology, dental anatomy, human tooth development, saliva, dental caries - periodontal disease, fluoride, toothbrushing and self-care, nutritions, pediatric dentistry, geriatric dentistry

เราเรียนเป็นคลาสออนไลน์ค่ะ อาจารย์จะอัพคลิปในรายอาทิตย์ เราก็ต้องไปดูให้ครบก่อนเดดไลน์ ยกเว้นแต่ตอนสอบไฟนอลที่ต้องไปสอบที่คณะทันตะฯ แล้วก็ในส่วนของการเก็บคะแนนก็ตามข้างล่างนี้เลยค่ะ

1. personal assignments 40 คะแนน

2. ดู assigned video and participation in class 10 คะแนน

3. สอบไฟนอล 30 คะแนน-ไม่ยากค่ะ อาจารย์ให้แอบดูโพยที่เตรียมมาเองได้ เราเลยไม่อ่าน55555 จดสรุปแค่บทที่คำศัพท์มันแปลก ๆ แล้วไปเปิดสด ๆ เอาในห้องเลย)
4. งานกลุ่มทำคลิปลง youtube 20 คะแนน เลือกหัวข้อได้เองเลยค่ะ แต่ว่าต้องแย่งกันจ้องนะ เราได้เรื่องยาสีฟัน และถ้ากลุ่มไหนได้ยอดไลค์เยอะมากที่สุด 5 แรก อาจารย์จะแถมคะแนนพิเศษให้ค่ะ แต่ว่าอย่าไปซีเรียสกับเรื่องคะแนนเสริมเลย เพราะจริง ๆ เราว่าคะแนนมันก็พุ่งอยู่แล้วอะ

จริงอยู่ การเลือกวิชาที่เราอยากเรียนจะทำให้เรามีไฟ แต่บางทีก็เป็นห่วงเกรดบ้างก็ได้5555555555 เนื้อหาไม่ได้ยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เก่งวิทย์-คณิตแน่นอนค่ะ เรารับประกันเลย ถ้ามีความรับผิดชอบ ส่งงานให้ครบ ไปสอบไฟนอล ยังไงก็ได้เอ แค่นี้เลย ๆๆๆ ชิลเอยชิลใจ เชียร์ให้ลงสุด ๆ  อีกเรื่องคือเรารู้สึกดีทีิ่วิชามันไม่ได้หนักเกินไปอะ สมกับการเป็นเจนเอดดี เพราะแค่วิชาในคณะก็จะเสียชีวิตแล้ว ดูกรอานนท์ ปล่อยฉันไปนอนเถอะ 

รักชีวิต คิดจะลงฟันออ

ลักษณะของความเป็นละครในชีวิตประจำวัน, องค์ประกอบของการแสดงละคร: เรื่อง การแสดง ผู้ชม และ 6 elements of theater, audience empathy and engagement, characters and conflicts, plot structure and elements of plot, action, acting, objective, conflict, goal, motivation, drama, melodrama, tragedy, farce and comedy และ sub-genres, styles of presentation: presentation vs representation; realism, anti - realism, stylized; classical, modern และ contemporary theater, องค์ประกอบทางศิลป์ในละคร: เพลง ดนตรี, องค์ประกอบทางศิลป์ในละคร: งานออกแบบฉาก เวที เครื่องแต่งกาย, การบริหารจัดการธุรกิจ งานละคร/การแสดง profit และลิขสิทธิ์, ละครไทย หนังไทย มหรสพไทย, คนไทยกับละครและหนังต่างประเทศ, การแสดงบทบาทและการเล่าเรื่อง, การนำเสนอตัวตนของคนในโลกปัจจุบัน, การประยุกต์ใช้ศิลปะการละครในงานสาขาอื่นๆ: การเมือง การสร้างคน การแพทย์ การขาย การสอน และการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข

 

มีสแกนเช็คชื่อก่อนเข้าเรียนทุกคาบ บางคลาสเรียนสด บางคลาสก็ออนไลน์ และมีการอัดคลาสไว้ให้

 ในส่วนของการเก็บคะแนนมีดังนี้ค่ะ

1. เปเปอร์ชิ้นแรก อาจารย์จะให้ดูคลิปบันทึกการแสดงละครเวทีของคณะปีก่อน ๆ (ของปีเรามีให้เลือกสองเรื่อง ได้แก่เรื่อง Blink กับเรื่อง Since 1971) แล้วเอามาวิจารณ์ค่ะ ชิ้นนี้ 20 คะแนน

2. เปเปอร์ชิ้นที่สอง ต้องไปดูละครเวทีของคณะ (ปีเราเรื่อง 'ปริศนา ภริยาคนที่สอง' ดัดแปลงจากบทละครของ Luigi Pirandello) แล้ววิจารณ์ ชิ้นนี้ 20 คะแนนเหมือนกันค่ะ

3. ไฟนอลเปเปอร์ 20 คะแนน ให้เขียนว่าตัวเองได้พัฒนาหรือว่าได้เรียนอะไรจากรายวิชานี้บ้าง

4. งานกลุ่มไฟนอลโปรเจ็กต์ โจทย์คือให้เอาประเด็นทางสังคมในภาพยนตร์/ละครมาตีแผ่แล้วทำนิทรรศกาล (ไม่ต้องจัดจริง ๆ แค่ทำสไลด์ไปนำเสนอ) ยกตัวอย่างเช่น ประเด็น mental health, domestic violence, homophobe ฯลฯ 20 คะแนน

5. งานกลุ่มในชั้นเรียน การเช็คชื่อ การพรีงานหน้าคลาส 20 คะแนน

อืม จะว่ายังไงดี เราว่าวิชานี้มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่ามันเป็นแค่วิชาบังคับเลือกด้วย (มั้ง) แต่อีกนัยหนึ่งเราว่ามันก็ดีนะที่มีวิชาบังคับที่มันไม่หนักหัวอะ เรียนไป ดิสคัสกับเพื่อนไป จอย ๆ ฝอย ๆ บำบัดจิต เรียนหนักหมดทุกวิชาเดี๋ยวได้สิ้นก่อน แต่เราเคยไปเป็นนาตาชาในคาบอินโทรลิทครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าเนื้อหามันเข้มข้นมากกว่าเยอะเลย แบบเข้มข้นมาก ๆๆๆ ถ้าใครจอยการดูหนัง ดูละคร ดูละครเวที ทำงานกลุ่ม พรีงานหน้าคลาส เราก็แนะนำตัวนี้ แต่ว่าถ้าจอยการเขียนเปเปอร์ อ่านวรรณคดี วรรณกรรม เราก็แนะนำตัวลิทมากกว่า (แต่จริง ๆ วิชาลิทก็มีดูหนังเหมือนกันนะ อ้าว5555) 

 

เราว่าถ้าจะลงดราม่า/อินโทรลิทให้มีประสิทธิภาพที่สุดก็ควรจะลงคู่กับวิชา play analysis เป็นเสรีอะ เพราะว่ามันได้ตีความบทละครไปด้วย ที่สำคัญคือเราจะได้รับฟังแนวคิดจากเพื่อน ๆ ในกลุ่ม การเรียนละคร หรือวรรณคดี วรรณกรรม ควรจะได้ฟังความเห็นและการวิจารณ์ที่หลากหลาย เพราะมันจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ในการดื่มด่ำกับตัวเรื่องมากขึ้น

ความหมายของละคร, ประเภทของละคร, ประวัติฯ ของละคร, Critical thinking กับบทละคร, การวิจารณ์บทละคร, Oedipus the King (อีดิปุสจอมราชัน), Macbeth (แมคเบธ), Rashomon (ราโชมอน), A Streetcar Named Desire (รถรางคันนั้นชื่อปรารถนา), Cocktail (นางฟ้านิรนาม), ลักษณะของละครยุค modern และ post-modern, แม่นาค เดอะ มิวสิคัล

เรียนสดในห้องค่ะ แต่อาจารย์จะอัดซูมเก็บไว้ให้ทุกคาบ หลังจากที่ตีความบทด้วยกันแล้ว อาจารย์จะให้แบ่งกลุ่มกันแล้ววิเคราะห์บทตามที่ได้ เสร็จแล้วก็เอาไปพรีหน้าห้องค่ะ พอจบจากตรงนี้ก็ต้องไปทำเปเปอร์วิเคราะห์เรื่องที่เรียน เปเปอร์ละ 15 คะแนนค่ะ ยกเว้นไฟนอลเปเปอร์ที่ต้องเลือกเองว่าอยากวิเคราะห์บทละครเรื่องอะไร (เลือกเองได้เลย) อันนี้จะ 10 คะแนนค่ะ และพอจบจากคาบ ก็ต้องอ่านเรื่องของสัปดาห์ต่อไปมาล่วงหน้า เพราะพอเปิดคาบมาอาจารย์จะเริ่มตีความเลย

ชอบตรงที่เนื้อหาและแมสเสจของบทละครที่อาจารย์เลือกมาให้เรียนมันมีความหลากหลายอะ ทั้งบทละครคลาสสิก บทละคร modern ใด ๆ จริง ๆ เราเกือบจะถอนวิชานี้ไปแล้วรอบหนึ่ง เพราะว่างานมันเยอะ ยอมรับตรง ๆ เลยว่าเราเหนื่อยTT (แหงสิ ทำตั้งกี่อย่างพร้อมกัน ไม่เหนื่อยก็แย่แล้ว) แต่ว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ กลุ่มเราเค้าก็ยื้อไว้ 55555 แล้วเค้าน่ารักกันมาก ๆๆๆๆๆ ทุกคนเลย แบบมาก ๆๆๆๆ เอาขนมมาแลกกันทุกคาบ เวลาทำงานก็งานเนี้ยบสุด ๆ ตีบทแตกยิบ สงสัยมากว่าบุพการีเลี้ยงมายังไงให้นิสัยดีกันขนาดนี้ งง 

อันนี้ยากละ คือจะให้ลดงานเราว่ามันก็ยังไง ๆ เพราะในชีวิตจริงเราก็ต้องทำงานกับบทถูกมั้ย แต่งานมันก็เยอะไปจริง ๆ อะ อ้ย หนอ ซับซ้อนเสียจริง เอาเป็นว่าขออนุญาตทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณเพื่อนในกลุ่มแทนแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ 555555555

ป.ล. เราเป็นโควิดพอดีช่วงไฟนอลเปเปอร์พอดีค่ะ รู้สึกเหมือนกำลังจะตายจริง ๆ จนตอนนี้เรายังลองโควิดอยู่เลย ไอจนเจ็บคอไปหมด ตอนนั้นพอมีเพื่อนมาดูดำดูดีอยู่บ้าง ขอบคุณมาก ๆ ที่ไม่ทิ้งให้ชั้นอดตายอย่างเดียวดายนะTTTTTT จินาร์ หัวใจเยอะ ๆ คริสปี้ครีม

ยุโรปก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส-ยุคสมัยแห่งแสงสว่างทางปัญญา (The Enlightenment), ปรัชญามนุษยภาพ (Menschlichkeit), Bourgeois Public Sphere, ความหมายของความเป็นสมัยใหม่ (modernity), periodisation, The Laboratory of Modernity, French Revolution, ระบอบนโปเลียน, Bourgeois Revolution, The Reign of Terror, การปฏิวัติฝรั่งเศสกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และครอบครัว, ผลของการปฏิวัติฝรั่งเศสต่อยุโรป, The Napoleonic Code; The Civil Code, ผลกระทบของระบอบนโปเลียนต่อยุโรป, การสถาปนาสมาพันธรัฐแห่งไรน์ และการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์, ระบอบนโปเลียนกับการปฏิรูปในยุโรปภาคพื้นทวีป, การสิ้นสุดระบอบนโปเลียน, The Restoration and The Balance of Power, The Congress of Vienna and The Concert of Europe, การท้าทายทางการเมืองต่อระบบอนุรักษ์นิยม, Industrial Revolution, อังกฤษกับการปฏวัติอุตสาหกรรมและปัญหาในประวัติศาสตร์นิพนธ์, ผลกระทบของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป: สังคมและปัจเจกบุคคล, The Formation of the Working Class, Urbanization, Sex and Gender, ข้อโต้แย้งในงานวิจัยว่าด้วยเรื่อง Theory of 'Separate Spheres', Patriarchy, ความหมายทางวัฒนธรรมของ"บ้าน"ในศตวรรษแห่งการอุตสาหกรรม, การปฏิวัติยุโรป ค.ศ. 1848/49, แนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองใหม่หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส, แนวคิดโรแมนติคนิยมทางการเมือง (romanticism), แนวคิดเสรีนิยม (liberalism), แนวคิดสังคมนิยม (socialism), แนวคิดมาร์กซิสม์ (Marxism), สาเหตุและผลของความล้มเหลวของการปฏิวัติ ค.ศ. 1848/49, รัฐชาติสมัยใหม่ในยุโรป ค.ศ. 1870-1914, การรวมชาติอิตาลี, การรวมชาติเยอรมัน, กระบวนการการทำให้เป็นสมัยใหม่กับการการสร้างรัฐชาติสมัยใหม่, คนและกลุ่มคนในมหานคร: 'dandy', 'flaneur' และ badaud', Decadence and Fin de Siècle, New Imperialism and Nationalism, The Great War, The lost generation, Inter-bellum period, Civilization break, Totalitarianism (Communist, Fascist Italy, Nazi Germany), The Weimar Republic, The League of Nations, Influenza Pandemic, The Great Depression, war and genocide (World War II), morality play interpretation, Western appeasement, นโยบายต่างประเทศของนาซีเยอรมนี, ผลของสงครามโลกครั้งที่สอง

เราหา syllabus ไม่เจอจริง ๆ ค่ะTT ที่เอามาเขียนอยู่นี่ก็ยืมของเพื่อนมา เพราะว่าเราเอาชีทหมวดประวัติศาสตร์กลับบ้านหมดเลยตอนปิดเทอม ฮือ แต่ว่าถ้าจำไม่ผิด คิดว่าน่าจะมิดเทอม 50 ไฟนอล 50 นะคะ ถ้าเจอแล้วเราจะมาอัพเดทให้ค่ะ แล้วก็ต้องไปอ่าน Communist Manifesto ของ Karl Marx และ Friedrich Engels มาด้วยเพื่อสอบมิดเทอม นอกจากนั้นแล้วในวิชานี้ก็จะได้อ่าน primary sources และงานวิชาการเยอะมาก ๆ (วิชา 2204377 EUR HIST 16 - 18 C. ก็เหมือนกันค่ะ เราเขียนไว้ให้ข้างล่างแล้ว) ยกตัวอย่างเช่น 'preface' to  Encyclopedia-Denis Diderot (1755), Age of Extremes-Eric J. Hobsbawn, 'What is the Third Estate?'-Abbé Sieyes, Reflections on the Revolution in France-Edmund Burke, Napoleon Advises His Brother to Rule Constitutionally, Masculinities-R.W. Connell, Anthropology and the Discipline of Historical Context-E.P. Thompson, Heart of Darkness-Joseph Conrad แล้วก็มีพวกโปสเตอร์ในสมัยสงครามกับบท speech ต่าง ๆ ค่ะ

ยุคศตวรรษที่ 19 เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่านหลายประการมาก เราเลยมองว่าวิชานี้มันดีตรงที่มันทำให้เราได้เห็นถึงความคิด ความกลัว และความโกรธเกรี้ยวของคนในสมัยนั้น ที่สำคัญคือไอเดียบางอย่างในงานวิชาการสายยุโรปเค้าจะฉีกไปจากไทยมาก ๆ จริง ๆ เรียกว่า challenge คติคนไทยในหลาย ๆ เรื่องเลยดีกว่า เหมือนได้ break the walls ในหัวตัวเองไปเรื่อย ๆ 

ความหมายและความสำคัญของ Early Modern Europe, การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของรัฐและหน่วยทางการเมือง, การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในตอนปลายยุคกลาง, วรรณกรรม 'Decameron' (1353) ของ Giovanni Boccacio, The European Renaissance, การเติบโตของการบริโภคกับมิติข้ามวัฒนธรรมสมัยเรอเนสซองส์, ความหมายของการใช้พื้นที่ในสมัยเรอเนสซองส์, ความงามกับการสร้างอัตลักษณ์และตัวตนบุคคลสมัยเรอเนสซองส์, ข้อถกเถียงในงานวิชาการว่าด้วยเรื่องปัจเจกนิยม (individualism), Il Principe (The Prince) ของ Niccoló Machiavelli, Renaissance Humanism, The European Reformation, Causa Reformadi: สาเหตุของการปฏิรูปศาสนา, "The Word did it all": มาร์ติน ลูเธอร์ กับการปฏิรูปศาสนา, การปฏิรูปศาสนากับครอบครัว ตัวตน อารมรณ์ และเพศสภาพ, Luther's Letter to Spalatin 6 December 1525, The Trap of Primary Sources: The Case of Martin Luther, Martin Luther on Sex and Sexuality, The Peasants'War, การสิ้นสุดของ Monarchia Universalis, มานุษยวิทยาของศาสนากับความรุนแรง: กรณีสงครามศาสนาในฝรั่งเศสคริสต์ศตวรรษที่ 16-17, Witch and Witch Craze, ปรากฏการณ์ "แม่มด" และคำอธิบายทางประวัติศาสตร์ว่าด้วย "แม่มด", การล่าแม่มดในยุโรปต้นสมัยใหม่, วัฒนธรรมศาสนา, ผีสิง (possesion) และการไล่ผี (exorism), Key Characteristics of The Witch, Early Modern States: Divine Right, Absolutism, Constitutionalism, Reserch Controversy on 'Absolutism', Concepts of Culture and Politics in the Age of Absolutism, The Holy Roman Empire of German Nation, The Scientific Revolution, Key Characteristics of The Scientific Revolution, De revolutionibus orbium coelestium: Nicolas Copernicus (1543), Tycho Brahe's Planetary Spheres - Geo-heliocentrism, Galileo Galilei's discussion of the relationship of science and the Bible, Galileo's Career - Astronomy in a Principality, Cultural History

การเก็บคะแนนแบ่งเป็น สอบมิดเทอม 40 คะแนน สอบไฟนอล 40 คะแนน และการพรีงานกลุ่ม 20 คะแนนค่ะ (กลุ่มนึงจะเป็นคู่หรือกลุ่มสามคน) โดยการสอบมิดเทอมต้องอ่านเรื่อง Il Principe (The Prince) ของ Niccoló Machiavelli มาก่อนค่ะ แต่ว่าจะมีคาบนึงที่อาจารย์ช่วยตีความด้วย ส่วนการพรีงานกลุ่ม ต้องเลือกจากงานวิชาการด้านล่างนี้มาหนึ่งชิ้นค่ะ 

1. Ulinka Rublack's The Astronomer & the Witch: Johannes Kepler's Fight for His Mother

2. The Bedevilment of Elizabeth Lorentz

3. Shop 'til You Drop: Laughing at Polite Shopping in Georgian England

4. Linda Colley's Captives: Britain, Empire, and the World, 1600-1850

5. Threads of Feelings: The London Founding Hospital's Textile Tokens, 1740-1770

6. Script, Print, and power: A Global History in the Ink Bottle

7. Deep Play: Notes on the Balinese Cockfight by Clifford Geertz

8. Il Principe (The Prince) ของ Niccoló Machiavelli

วิธีการก็คือเราก็ต้องไปอ่านเองก่อน เสร็จแล้วก็จับใจความและตีความเนื้อหาออกมา เสร็จแล้วก็ทำชีทไปให้อาจารย์ดูก่อนพรีจริงค่ะ นอกจากนั้นแล้วภายในวิชานี้เราก็จะได้อ่าน Primary Sources และงานวิชาการเยอะมากๆ ยกตัวอย่างเช่น The First Book of Fashion (The Book of Clothes of Matthaeus and Vest Konrad Schwarz of Augsburg)-Ulinka Rublack, Maria Hayward and Jenny Tiramani, 'To the Christian Nobility of the German Nation'-Martin Luther, The Rites of Violence-Natalie Zemon Davis, Purity and Danger-Mary Douglas, Witch Craze: Terror and Fantasy in Baroque Germany-Lyndal Roper ฯลฯ

ทุกอย่างเลยค่ะ สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความ ขอบคุณค่ะ ไหว้ย่อ เหมือนมาโดนเบิกเนตรซ้ำอีกรอบจาก WEST CIV (วิชาบังคับตอนปีหนึ่ง) แต่รอบนี้คือตาแทบจะเรืองแสงได้ 55555 (yet I still got a lot to learn) แล้วก็อีกเรื่องคืออยากขอบคุณเพื่อน ๆ อีกสองคนที่ทำงานพรีด้วยกันมาก (คิดว่าเจ้าตัวก็คงอ่านอยู่ตอนนี้) อยากจะรำฉุยฉายถวายรอบเทวาลัย แล้วกราบอัษฎางคประดิษฐ์รอบเขาพระสุเมรุให้ดูเป็นขวัญตา จากนั้นก็ม้วนหน้า ม้วนหลัง ตีลังกาเป็นรูปธรรมจักรกับกวางหมอบ ขอบคุณทั้งสองคนมาก ๆ จริง ๆ ที่เลือกเก็บหนูไปเลี้ยงจนเติบใหญ่ ฮือTTTTTT ขอให้เจริญ ๆ นะคะ ระฆังดี ไม่ตีก็ดัง ขอบคุณค่ะ

ไม่มีอะไรจะฝาก เพราะว่าหาข้อติไม่ได้ จะพิมพ์ความประทับใจออกมาก็ไม่รู้จะพิมพ์ยังไง เพราะความรู้สึกมันท่วมท้น แต่เราอยากจะฝากรวม ๆ ถึงคนที่อยากเรียนประวัติศาสตร์ว่าต้องเตรียมใจมาด้วยว่าเราต้องทำงานกับหลักฐานและหนังสือตลอดเวลา ต้องแบ่งเวลาดี ๆ มันโอเคที่จะบอกว่าเอาล่ะ ฉันเหนื่อย ฉันต้องพัก แต่ว่าพักเสร็จแล้วก็ต้องลุกมาทำงานต่อด้วย 

alfabeto italiano, การออกเสียง c และ g, รูปคำคุณศัพท์ในภาษาอิตาเลียน, การบอกสัญชาติ/เชื้อชาติ, คำนำหน้านามแบบไม่ชี้เฉพาะ, การทักทาย, การผันกริยา-are, โครงสร้างประโยคบอกอาชีพ, กริยา fare, คำหน้าคำนามแบบชี้เฉพาะ, เพศคำนามในภาษาอิตาเลียน, การผันกริยา-ere, คำนามเอกพจน์ - คำนามพหูพจน์, กริยา preferire, กริยา volere, คำหน้าคำนามพหูพจน์แบบไม่ชี้เฉพาะ, การผันกริยา-ire, gli avvebi di frequenza (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่), กริยา andare, กริยา uscire, สถานที่ต่างๆ ในภาษาอิตาเลียน, การบอกความชอบ mi piace/mi piacciono, การบอกเวลา, กริยา esserci (c'é/ci sono), กริยา potere, la concordanza degli agettivi con i sostantivi (รูปคำคุณศัพท์ที่สอดคล้องกับเพศและพจน์ของคำนาม), i partitivi (คำนำหน้าคำนามพหูพจน์แบบไม่ชี้เฉพาะ del/dello/dell'/della/

dei/degli/delle), บุพบท di, บุพบทรวมร่าง (da+), กริยา venire, การใช้บุพบท da...a...บอกช่วงเวลา, a me piace..., การบอกเวลา, กริยาวิเศษณ์ ci แทนสถานที่, molto ที่เป็นคำคุณศัพท์ กับ molto ที่เป็นกริยาวิเศษณ์, การผันกริยา dovere, การผันกริยา sapere, โครงสร้างประโยคการบอกทาง, การใช้บุพบท a รวมร่าง (al/allo/all'/alla/ai/agli/alle), il passato prossimo (คล้ายๆ past tense ในภาษาอังกฤษ), ฝึกทักษะการอ่าน, โครงสร้างประโยคกับ tutto/tutta และ tutti/tutte, il superlativo assoluto, การพูดถึงสภาพอากาศ, การใช้ qualche, la doppia negazione (non...piú/non...mai/non...niente), การใช้คำบอกปริมาณ, การใช้ i pronomi diretti (สรรพนามแทนกรรมตรง lo/la/li/le/ne), รูปกริยา si impersonale, ฝึกทักษะการฟัง, i verbi riflessivi ในรูปปัจจุบันกาล, i verbi riflessivi ในรูป passato prossimo, คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ, ศัพท์เครือญาติ, คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของกับเครือญาติ, il superlativo relativo (คล้ายๆ superlative ในภาษาอังกฤษ)

เป็นเรียนสดค่ะ แต่ว่ามีอัดซูมไว้ให้ แล้วก็มี google classroom และจะมีบางคลาสที่อาจารย์ไปอิตาลี เลยต้องเรียนออนไลน์แทนค่ะ ในส่วนของการเก็บคะแนนแบ่งเป็นตามนี้ค่ะ

Midterm exams (30 คะแนน): 15%

-Vocabulary and grammar test 20 คะแนน

-Phonetic test (สอบการออกเสียงโดยสุ่มจับคำศัพท์) 10 คะแนน

Final exams (70 คะแนน): 35%

-Vocabulary and grammar test 30 คะแนน

-Reading comprehension (สอบอ่านจับใจความ) 10 คะแนน

-Listening test 10 คะแนน

-Oral exam (สอบพูดเป็นกลุ่มและสอบพูดเดี่ยว) 20 คะแนน

During the semester (100 คะแนน): 50%

-Writing activities 15 คะแนน

-Supplementary reading I&II 20 คะแนน

(ของเราเป็นเรื่อง storie di italiani famosi แบ่งเป็นสองพาร์ท)

-Video clip (งานเดี่ยว อัดคลิปตามหัวข้อ) 20 คะแนน

-Video clip (งานกลุ่ม อัดคลิปตามหัวข้อ) 10 คะแนน

-Vocabulary and grammar tests 30 คะแนน

-Participations 5 คะแนน

ที่สุดอะ ฮือ รู้สึกคิดถูกมากที่ย้ายเอกมา เหมือนเป็นการรีสตารท์ชีวิตใหม่อีกรอบ จริงอยู่ที่อนาคตวิชามันต้องยากขึ้น (จริง ๆ ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกละ แต่ว่ายังไหว ยังไหวแปลว่า) และเราอาจจะไม่จอยเท่าเดิม แต่ว่าในตอนนี้เรารู้สึกว่าการได้เปลี่ยนเอกมันทำให้เรามีไฟในการใช้ชีวิตมากขึ้น ได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น คิดว่าน่าจะเพราะว่าตัวเองเป็นคนชอบอะไรท้าทายด้วย (แม้จะชอบโอดครวญก็ตาม) แล้วเพื่อน ๆ ในเอกก็น่ารักทุกคนเลย อยากขอบคุณทุกคนมาก ๆๆๆ ;-;

อ้ย ร้ากกกกกกกก รัก ร้ากกก รัก ลั้ค แฮปปี้สุด เชียร์ทุกคนให้ลงค่ะ จะลงเป็นเอก โท หรือว่าเจนแลง เสรี ใด ๆ เอิงเอย เอิงใจ เอาเลย ๆๆๆๆๆ dai ๆๆๆๆ ดันหลัง ๆๆๆๆ ไป ๆๆๆๆๆ

tw: toxic energy (ไม่กล้าใส่คำว่า depression ยังไม่เคยไปปรึกษาคุณหมอจริงจัง)

ก็เป็นเทอมแรกที่มาออนไซต์อะเนอะ เราก็พยายามเต็มที่ทั้งเรื่องเรียน ทั้งกิจกรรม (แต่ก็ไม่ได้ทำหมด เพราะบางทีก็รู้สึก awkward กับตัวเองTTTT เป็นคนมี insecurities ประมาณแปดแสนประการ) เราว่าเราก็ใส่ไปสุดแล้วแหละ แต่ไม่ค่อยพอใจในตัวเองเลย ตอนจบเทอมมานั่งรีแคปชีวิตก็แบบ เออ เกรดก็เกือบช้วน รูปทำกิจกรรม รูปไปเที่ยว รูปไปปล่อยใจกับเพื่อนก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมข้างในเรารู้สึกโหวงขนาดนี้ บางทีก็อยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน บางทีก็เศร้าจนอยากหายไปเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปไหน ไม่อยากให้ใครจำเราได้ แต่พอวันไหนไม่มีใครทักก็ซึมขึ้นมาซะงั้น บางทีก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าจะพยายามไปทำไม เหนื่อยขนาดนี้ไปเพื่ออะไร 

ตอนนี้ก็หวังว่าจะมีชีวิตรอดปีสอง เทอมสอง ไปได้อย่างปลอดภัย จะได้กลับมาเขียนรีวิวให้ทุกคนอ่านต่อในเทอมหน้า แม้ว่าจะ emotionally unstable ตั้งแต่สัปดาห์แรก ๆ ที่เปิดเทอมเลยก็ตาม ฮ่า ๆ ดูแลสุขภาพใจกันด้วยนะคะทุกคน โลกมันแย่ แต่แกยังมีต๊อกปกกีให้กินนะ (หรือจะอาหารอย่างอื่นก็ได้ เอาที่เธอชอบเลย) ดูแลตัวเองกันเยอะ ๆๆๆ ถ้าไม่ไหวกับเรื่องไหนก็อย่าไปฝืนมันมาก ปล่อยจอย ปล่อยเบลอ แสร้งว่าอ๊องเพราะเลือดกรุ๊ปบีแล้วหนีไปนอนก็ได้ (สอนคนอื่นเก่ง ทีเรื่องตัวเองนอนเครียดร้องไห้จ๋อง งง พี่สาวมาเอารัย โอ๊ยน้อ /ฟุบโต๊ะ)

จริง ๆ เราเคยพิมพ์ประเด็นนี้ไปแล้วในบล็อกของเทอมที่แล้วว่าปีการศึกษาหน้าของรุ่น DEK 66 (Arts 91) จะเปลี่ยนให้รายวิชาอารยธรรมตะวันออกและอารยธรรมตะวันตกกลายเป็น"วิชาบังคับเลือก"

เราว่ามันก็ดีที่คนเรียนได้มีสิทธิ์เลือกเอง แต่อีกนัยหนึ่งเราก็คิดว่าการที่นิสิตอักษรได้รับการศึกษาเพียงแค่อารยธรรมซีกโลกใดซีกโลกหนึ่งมันจะสร้างไบแอสในการเรียนรึเปล่า? ไหนจะผลระยะยาวทางการศึกษาอีก เราเลยอยากใช้พื้นที่เล็ก ๆ ค่อนไปทางเล็กมาก ๆ ของเรา ในการแสดงความเห็นว่าเราไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเท่าไหร่เลย คือมันไม่ครบเครื่องอะ มันไม่ใช่ ค่าเทอมก็จ่ายแล้วแท้ ๆ เฮ้อ 

รู้สึกว่าตัวเองเขียนภาษาได้เป็นผู้เป็นคนขึ้น ไม่ค่อยยุ่งเหยิงเท่าเทอมที่แล้ว ๆ แต่ว่าก็พยายามตั้งใจให้มันมีความรู้สึกของเราอยู่ เพราะหลังจากที่เรา published ไปสองตอนแรก เราได้รับ feedback จากคนรอบตัวเยอะมากว่าอ่านแล้วเพลินดี เหมือนฟังเพื่อนบ่น55555555 (ซึ่งฉันก็บ่นจริง ๆ อะ ไม่ปฏิเสธ ก็คนมันหัวใจห่อเหี่ยว) 

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนโชคดีกับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้นะคะ In bocca al lupo ดิฉันขอลาไปด้วย

โควทยายรูค่า 

"If You Can't Love Yourself, How the Hell Are You Going to Love Somebody Else?"-Rupaul

See yall next semester, or not

ใครอยากตามติดชีวิตประจำวันเราก็ตามนี้เลยค้าบ ig: celebnuanli

เครดิตภาพ: https://wallpaperboat.com/ariana-grande-wallpapers