สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวฉบับอินังคนขี้บ่นอย่างเรานะคะ555555 เทอมสองมีเรื่องที่เราต้องตัดสินใจเยอะมากๆเลยและมันทำให้เราร้องไห้เยอะมากด้วย จริงๆตอนนี้ก็ยังเครียดอยู่เลยค่ะ แต่ว่าทำใจได้มากขึ้นแล้ว (เพราะว่าเราตลกกลบเกลื่อนเก่ง อ้าว) ส่วนชื่อที่เราตั้งให้บล็อกตอนนี้มันก็มีที่มาที่ไปอยู่ค่ะ5555555 ไว้เดี๋ยวเราจะเฉลยนะคะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า กว่า กว่า กว่า （*/∇＼*）/สมมติว่าข้อความมีเสียงเอคโค่

1.เนื้อหาที่จะปรากฏต่อไปนี้คือความเห็นส่วนตัวของเราล้วนๆนะคะ กรุณารัดเข็มขัดนิรภัยจักรยานก่อนอ่าน เราจะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารทุกกรณีค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการสายการบินจีน่าเนวารีแอร์ไลน์นะคะ ตึ๊งตึงตึ่งตึง 

2. วิชาทั้งหมดที่เราเรียนในเทอมนี้จะเป็นออนไลน์นะคะ ถ้าได้ไปออนไซต์ต้องมีความแตกต่างแน่นอน

ขอเรียงลำดับวิชาจากที่เราชอบน้อยที่สุดไปมากที่สุดเหมือนเดิมนะคะ  ᕕ( ͡° ͜ʖ ͡° )ᕗ

ประเภทของคำในภาษาจีน (คำหลัก, คำช่วย, คำเชื่อม, คำขยาย, คำแทน), การสร้างตัวอักษรจีน, การแบ่งประเภทตัวอักษรจีน, การเขียนอักษรจีน, การประกอบตัวอักษร, ปัญหาในการเขียน, ความสัมพันธ์ของคำ, แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้สัทอักษรพินอินถ่ายเสียง, การแบ่งประโยค

เป็นเรียนสดค่ะ ไม่มีสอบทั้งทั้งมิดเทอมทั้งไฟนอล แต่จะมีงานคัดลายมือตามคำบอก, คิดคำถาม 10ประโยคทายใจ, วิเคราะห์ประโยคจาก10ประโยคทายใจ, นำเสนอ 10 คำศัพท์ที่เราสนใจ, อัดคลิปออกเสียง 10คำศัพท์ที่เราสนใจและอัดคลิปออกเสียงตามคำบอก รายละเอียดมีดังนี้ค่ะ

1. งานคัดลายมือตามคำบอก- อันนี้จะมีคำมาให้ค่ะแล้วต้องคัดให้ผ่านเกณฑ์อาจารย์ทุกคำก่อนจบเทอม ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องคัดวนไปเรื่อยๆค่ะ

2. คิดคำถาม10ประโยคทายใจ- ให้คิดถามใบ้ถึงอะไรก็ได้ก็ได้มา 10 ประโยคค่ะ แล้วเพื่อนที่เราคู่ด้วยคือเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงมาก ๆ ไวพริบเฉียบคมสุด ๆ แถมตลกด้วย (ตอนนี้เป็นเบสตี้กันแล้ว) พอจะเยียวยาจิตใจจากวิชานี้ได้บ้าง 555555 TT ห้า ห้า ห้า แล้วก็มีเพื่อนอีกคนนึงชอบทักแชทซูมเรามาคุยเรื่องห้องน้ำมากๆ 555555 คือแทบทุกคาบ 55555555 ขอบคุณมาก ๆ ที่เธอสองคนมาสร้างรอยยิ้มให้เรานะTTTTTTT

3. วิเคราะห์ประโยคจาก10ประโยคทายใจ- เอา10 ประโยคในข้อเมื่ิอกี้มาวิเคราะห์ประเภทคำและความสัมพันธ์ของคำ เขียนคล้ายๆแผนภูมิต้นไม้เลยค่ะแต่ว่าซับซ้อนกว่ามาก แบบญิ่งกว๊พ์

4. นำเสนอ10คำศัพท์ที่เราสนใจ- เราเลือกศัพท์เทศกาลคริสต์มาสมาค่ะ มีทำสไลด์พรีแล้วก็อ่านออกเสียงพร้อมแปล

5. อัดคลิปออกเสียง10คำศัพท์ที่สนใจและอัดคลิปออกเสียงตามคำบอก- อันนี้ก็ตามที่เราพิมพ์ไปเลยค่ะ

บอกตรงๆว่ารู้สึกผิดหวังกว่าวิชาจีนเทอมที่แล้วอีก คือตอนแรกเราคิดว่าเทอมนี้มันจะดีขึ้น แต่เราคิดผิดจริงๆ รู้สึกจอยแค่เพราะว่ามีเพื่อนเรียนด้วยเฉยๆแค่นั้นเลย ในส่วนของเนื้อหาเรารู้สึกว่าเราไม่ได้อะไรเลยอะ ส่วนตัวรู้สึกว่าหลักสูตรจีนที่นี่มีความคาดหวังว่ากับเด็กสูงมาก ฟีลต้องโตไปเป็นนักวิชาการทุกคนงี้ ทั้งๆที่เราอายุแค่ 18-19 กันเอง ยังมีเวลาค้นหาตัวเองกันอีกตั้งเยอะแยะ อายุขัยมนุษย์ก็ตั้ง 60-70อะ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเร่งให้เด็กสุกงอมไวขนาดนี้ แล้วจะมีป.โท ป.เอกไว้ทำลิงอะไรอะ การเรียนรู้ของคนมันเกิดขึ้นได้ทุกวันนะ เกรดเราผ่านเกณฑ์ยื่นเข้าเอกจีนได้ก็จริงแต่สุดท้ายเราก็มานั่ง woke ได้ว่าในเมื่อเอกนี้ทรีตเราจนแพชชั่นเกลี้ยงขนาดนี้สู้ไปเริ่มหาแพชชั่นใหม่ไม่ดีกว่าเหรอวะ ทนอยู่ไปก็ร้องไห้ ทนอยู่ไปก็รู้สึกโง่ รู้สึก worthless อีกอย่างคือภาษาจีนมันก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วในเมื่อตอนนี้เราอ่าน HSK6 เองได้แล้วอะ โหย จีน่าเห่งอะ (ถ้าไม่มีใครชมเรา เราก็ต้องชมตัวเอง) ก็นั่นแหละค่ะ เดี๋ยวเราขอรวบตึงทีเดียวตอนทิ้งท้ายนะคะว่าตอนนี้อยากย้ายไปเอกไหน เรารู้สึกฮึกเหิมมาก5555555 รู้สึกโพสิทีฟกับมันมากกว่าจีนเยอะเลยตอนนี้ แบบมาก ๆๆๆๆๆ

Wish we never metเท่านั้นอะ ถ้าเป็นรายการ Rupaul's Drag race คือโหวต boot เลย มานั่งเสียดายเวลาจนตอนนี้ว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ถอนไปวะ เสียน้ำตาไปเยอะมาก ๆ แต่มีเพื่อนเราคนนึงเค้าบอกว่าถ้าเราไม่ได้เรียนวิชานี้เราก็คงไม่รู้ว่าเรายังมีแพชชั่นกับการเรียนอย่างอื่นอยู่ แบบน่ารักจังTT เป็นไอต้าว ๆๆๆๆ optimisticมากเลย ส่วนเราคือบาดเลือดแค้นเท่านั้น เลือดล้างด้วยเลือด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน  เป็นคน hold grudges เก่งมากกกกกกก

ภาษาศาสตร์เบื้องต้น, การสื่อสารและภาษามนุษย์, คำและระบบคำ (syntax), ความหมายในภาษา, วลีและประโยค, ภาษากับตัวเขียน, การเรียนรู้ภาษา, เสียงและระบบเสียง, ภาษากับการแปร, ภาษากับสังคม, การเปลี่ยนแปลงของภาษา, ภาษากับสมอง, ภาษากับเทคโนโลยี

เรียนคาบละสองชั่วโมงค่ะ เป็นการเลคเชอร์พร้อมสไลด์ แล้วแต่ละสัปดาห์ก็จะมีควิซพร้อมคลิปเนื้อหาของวีคต่อไปให้ดูล่วงหน้า บางอันก็ง่ายบางอันก็โคตรยากแบบยากไปไหน เปิดสไลด์เปิดชีททำก็ทำไม่ได้ พอวีคต่อมาอาจารย์ก็จะเฉลยควิซในคาบแล้วก็ทำแบบฝึกพร้อมกันค่ะ นอกจากนั้นจะมีสอบมิดเทอมกับสอบไฟนอล มิดเทอมจะออกสอบเรื่องการสื่อสารและภาษามนุษย์, คำและระบบคำ (syntax), ความหมายในภาษา, วลีและประโยค, ภาษากับตัวเขียน แล้วก็การเรียนรู้ภาษา ส่วนไฟนอลคือบทที่เหลือค่ะ ดูด้านบนได้เลย 

เกรดคือไม่ต้องพูดค่ะ ยากขนาดนี้จะเอาอะไรมาทำได้ เปิดชีทกับไม่เปิดคือไม่ต่างเลย555555 มิดเทอมเราอยู่ช่วงมีนนะ ส่วนไฟนอลก็รู้สึกว่าทำได้มากกว่ามิด แต่เกรดก็ยังไม่ค่อยสวยอะ เพราะมันย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดดดดด พอ ๆ กับรีซันนิ่งเทอมที่แล้วเลย

สิ่งที่ง่ายที่สุดในคาบนี้คือการนั่งมองน้องชินชิล่าของอาจารย์ค่ะ นอกนั้นยากหมดเลย

การแปลสารคดีภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย, การแปลสารคดีภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ, การแปลข่าวภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย, การแปลข่าวภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ, การแปลนิยายภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย

เป็นสอนสดตอนเช้าแปดโมงค่ะ (อันนี้แอบโกรธอะ เอาใหม่ ไม่แอบละ ฉันโกรธเลย) แต่ละคาบจะมีการแปลบทความตัวอย่างแล้วยกคำศัพท์ในแต่ละแวดวงภาษามาให้ดูค่ะ อย่างช่วงที่เรียนการแปลข่าวก็จะได้คำศัพท์ข่าวมาเยอะมากเลย เช่น received a tip-off (ได้รับเบาะแส) หรือ speed pills (ยาบ้า) ประมาณนี้ค่ะ ส่วนการเก็บคะแนนจะแบ่งเป็นสอบย่อยกับสอบไฟนอล สอบย่อยคือแบ่งสอบตามเนื้อหาเลย จากนั้นก็เอาทุกอย่างมาปั่นรวมกันเป็นสมูธตี้บอระเพ็ดชื่อว่าไฟนอลค่ะ เพราะว่านังออกสอบทุกเรื่องเลย แต่ว่าบทความจะสั้นสอบย่อยนะคะ เกณฑ์การให้คะแนนคือแกรมม่าต้องแม่น แปลออกมาแล้วภาษาไม่นมเอยเนยจ๋าฝารังคี เก็บรายละเอียดครบ ซึ่งเราทำไม่ได้ตั้งแต่อันแรกแล้วค่ะ๕๕๕๕ เวลามันน้อยมาก ๆ ถ้าจะให้ส่งทันคือก็เก็บรายละเอียดได้ไม่หมดอะ น่าจะมีแต่อัจฉริยะที่ทำได้ (แล้วในคณะก็มีอัจฉริยะเยอะจริง ๆ) ส่วนคนจืดจางธรรมดาสามัญประจำบ้านแบบเราก็ตายไปตามสภาพค่ะ ขิต

หลัก ๆ คือประทับใจอาจารย์กับเพื่อนที่ทำงานกลุ่มด้วยกันอะ คือตอนทำงานกลุ่มมันจะมีบ้างบางช่วงที่ awkward เพราะมันออนไลน์ มัน brainstorm ยาก แล้วเราไม่รู้เลยว่าสีหน้าแต่ละคนเป็นยังไง เค้าโอเคกับเรามั้ย แต่พอจูนติดแล้วก็ทำงานได้ไม่มีปัญหาเลย เราพอใจกับผลลัพธ์มาก ๆๆ ส่วนความรู้ที่ได้ก็อยู่ในพาร์ทแปลข่าวซะส่วนใหญ่ เพราะเราไม่ค่อยคุ้นกับการแปลข่าวไทยเป็นอังกฤษค่ะ

ขอเวลาทำข้อสอบเพิ่มด้วยจ้า อย่าหาทำแบบนี้อีก ขอร้อง อยากให้ผลงานเด็กออกมาปังแต่ให้เวลาแค่นี้คือหวังอะไรเหรอ ได้โปรดตอบที I beg your pardon ตกลงฉันมาสอบแปลหรือมาสอบพิมพ์ไว อยากให้พิมพ์ไวใช่มั้ย ได้ คทอเราตะบว้าเนาขอบกินสลัดมากไ ใครไม่ชอยกิรเรรขินะค่ะ

Reading, writing compare/contrast paragraph, writing persuasive paragraph, hypothesizing, modal verb: probability and deduction, relative clauses, การอ่านหนังสือนอกเวลา (external reading), vocab ตามหนังสือเรียน, idioms

เป็นเรียนสดตอนเช้าค่ะ เก็บคะแนนเป็นเต็ม200เหมือนเทอมแรกเลย รายละเอียดมีตามนี้เลยค่ะ

1. ควิซgrammar, vocab และidioms- อันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ควิซก็ออกตามเนื้อหาที่เราพิมพ์เลย

2. การอ่านหนังสือนอกเวลา- เทอมนี้รุ่นเราได้เรื่อง Catfishing on CatNet ค่ะ เป็นนิยาย young adul อิ้งค์เพียวทั้งเล่ม มีประมาณสองร้อยกว่าหน้าเหมือนเทอมที่แล้ว เนื้อเรื่องคือมีตัวเอกชื่อสเตฟานี่ น้องต้องย้ายบ้านไปเรื่อยๆเพราะแม่น้องกำลังหนีจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตอยู่ จนมีอยู่วันหนึ่งเว็บแชทประจำที่น้องเล่นก็มาสารภาพกับน้องว่าจริงๆนางเป็น AI แล้วก็มีเหตุการณ์วุ่นวายตามมาเยอะแยะเลยค่ะ บางอันก็เป็นอันตรายเสียวไส้ บางอันก็เป็นเรื่องกุ๊กกิ๊กหัวใจของสเตฟานี่ซะเอง ประเด็น domestic violence, AI กับ morality และLGBTQ+ ขนมาแบบจุก ๆ เราว่าไม่ได้เศร้าเท่าของเทอมแรกเพราะเรื่องนี้มัน fruity และระทึกมาก อย่างชอบ 555555555 นั่งเชียร์คู่ชิปในเรื่องนานมาก 555555 respect sapphics or die, that's it

3. Discussion- เป็นดิสคัสกลุ่ม15นาทีเหมือนเทอมที่แล้วเลยค่ะ แต่เทอมนี้มีแค่รอบเดียวคือรอบของหนังสือนอกเวลา อาจารย์จะสุ่มคำถามขึ้นมาจากเนื้อเรื่องแล้วเราก็มาดิสคัสกันค่ะ เราโชคดีมากเลยที่เพื่อนในกลุ่มน่ารักและเก่งมาก ๆๆๆ TTTTTTT เลยผ่านมาได้แบบไม่ค่อยมีรอยขีดข่วนเท่าไหร่

4. Midterm- มี reading กับ discussion ข้อข้างบนค่ะ แต่เราแยกไว้

5.Final- มี reading กับ writing ค่ะ แต่เราเลือกได้เองเลยว่าอยากเขียน compare/contrast paragraph หรือ writing persuasive paragraph

6. Final project- อ.มีหมวดศัพท์กับ prompt optionsเรื่องมาให้ค่ะ แล้วเราก็เลือกไปแต่งเรื่องสั้นเอง เป็นงานกลุ่ม เราโชคดีมาก ๆ ที่เพื่อนกลุ่มเราเก่งมาก ๆๆๆ TT ยอดมนุษย์ทั้งคู่เลย อย่างโหด จำได้เลยว่าทำเรื่องสงครามเอลฟ์ ชื่อเรื่อง Crystal of Karbeth ค่ะ (ฟีล The Lord of the rings มาก จึ้ง 55555) กับเลือก prompt options อันที่เป็น Wishes and Regrets ไป

7. สอบย่อยการเขียน compare/contrast paragraph และ writing persuasive paragraph

8. Homework- จะมีแบบฝึกบ้างค่ะ แล้วก็งานพารากราฟกลุ่มไม่ก็พารากราฟเดี่ยวทั้ง writing compare/contrast paragraph และ writing persuasive paragraphเลย ท้อปปิคก็แนวปัญหาสังคมเหมือนเดิม เราชอบเขียนแนว mental health กับnorm in Thai education มากเพราะ 1. เรารีเลทกับมัน 2.ส่วนตัวรู้สึกท้อปปิคมันได้คะแนนง่าย 3. เราสังเกตว่าอ.ชอบเปรย ๆ เรื่องนี้เลยคิดว่าส่วนตัวเค้าน่าจะสนใจ

ที่จัดให้วิชานี้มาอยู่รอบลึกขนาดนี้เพราะว่าชอบหนังสือนอกเวลาล้วน ๆ เลยค่ะ แล้วก็มีเพื่อนในเซคค่ะที่เราประทับใจ แต่ละคนอึดมาก ยิ้มกัดฟันสู้ที่แท้จริงเพราะต้องทำอะไรเองเยอะมากกกกกก นอกนั้นคือไม่ประทับใจแล้วค่ะ อ่อ ลืมไป มันจะมีคาบนึงที่บ้านอาจารย์ฝนตกจนไฟดับเลยสอนไม่ได้ด้วยค่ะ 555555555 อันนี้คือที่สุดละ 555555555 กัมบัตเตะพระพิรุณซัง ส่วนเกรดคือทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าฉันต้องหล่น ๆ แถวหมา แถวแมว ไม่ก็แมวอ้วนเนี่ยแหละ แต่ผลออกมาจริงคือได้ผึ้ง งงมาก 555555 ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้ เพราะเราไม่ได้รู้สึกว่าความสามารถที่เรามีมันสมควรได้อะ บีสำหรับคนอื่นในวิชานี้อาจจะน้อยแต่สำหรับเราคือเยอะมากนะ 

จริง ๆ เราเคยพููดไปแล้วว่าความยากของวิชา ENGLISH I เทอมที่แล้วมันค่อนข้างห่างจากตอนมัธยมเยอะมากเพราะพื้นฐานเราไม่แน่น พอมาวิชานี้เราก็ต้องเวิร์คกับตัวเองเยอะมาก เพราะมันกระโดดพุ่งทะยานขึ้นไปอีกขั้น แล้วสภาพคือเด็กแทบไม่รู้จักกันเลย นั่งแหะ ๆ หวัดดีค้าบทั้งคาบ เลยรู้สึกว่ามันอ่อม

1. อภิปรัชญา (metaphysics)- เป็นแขนงที่ตั้งคำถามถึงแก่นแท้ของความเป็นจริงค่ะ เช่น พระเจ้ามีจริงมั้ย? ถ้ามีจริงแล้วคุณสมบัติของพระองค์ต้อง omiscient+benevolent+omiscient ถูกต้องมั้ยคะ แต่ทำไมบนโลกถึงยังมีสงครามมีโรคระบาดล่ะ? แสดงว่าพระองค์ไม่รักเรารึเปล่า? หรือพระองค์ไม่ได้มีอำนาจมากพอจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้? หรือพระองค์ตายจากไปแล้วในเมื่อยุคนี้ศาสนาไม่ใช่ฟันเฟืองหลักของสังคมของมนุษย์แล้ว? ประมาณนี้ค่ะ แล้วก็จะมีกล่าวถึงชื่อนักปรัชญาแต่ละคนพร้อมทั้งแนวคิดของเค้าค่ะ เช่น Immanuel Kant, Friedrich Nietzsche, Thomas Aquinas, St. Augustine, Leibniz etc.

1. ปรัชญาสังคม (social philosophy)- จะมีเรื่อง liberty, social tyranny, harm principle, free speech, self-regarding acts, other-regarding acts, natural and spontaneous consequences, เสรีภาพเชิงบวก (การเข้าควบคุม/แทรกแซง), เสรีภาพเชิงลบ (มีอยู่แล้วในตัวเอง), เสรีภาพแบบfeminist (ความเท่าเทียมที่สมควรมีแต่แรก แต่โดนกดเอาไว้/คนที่โดนกดทับไม่สามารถข้ามความกลัวมาได้) ส่วนนักปรัชญาที่ปรากฏในเรื่องนี้หลักๆก็ John Stuart Mill, Lord Patrick Devlin, Nancy Hirchman etc. แล้วก็มีเรื่องประโยชน์นิยมด้วยนะคะ

5. คุณค่าเชิงสุนทรียะภาพ- อันนี้ต่อยอดมากจากสุนทรียศาสตร์ (aesthetics)อีกทีค่ะ มีประเภทของงานศิลปะให้เห็นเพิ่มขึ้นจากบทที่แล้ว คำถามหัวใจคือบทนี้คือ moral flaw (ความบกพร่องทางศีลธรรม) มันส่งผลกับความงามรึเปล่า? ตัวอย่างเช่นภาพยนต์เรื่อง Triumph of the Will สามารถนับได้ว่าเป็นภาพยนต์ที่ดีรึเปล่า? เพราะว่ามันมีเนื้อหาเกี่ยวกับฮิตเลอร์และพรรคนาซี ส่วนนักปรัชญาที่ปรากฏในเรื่องนี้ก็เช่น Noel Carroll, Plato, Beardsley etc.

ทุกอย่างเลยอะ มันคือการคิดออกนอกกรอบมาก ๆ เราสามารถตั้งคำถามอะไรก็ได้เลย ไม่มีใครจะสามารถมาชี้นิ้วบอกเราได้ทั้งนั้นว่าเราผิด เป็นวิชาที่เรียนแค่เทอมเดียวแต่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมาก ๆ เราสามารถที่จะมองเห็นถึงปัญหาที่มันทับซ้อนกันในสังคมได้เป็นโดมิโน่เลย พอชิ้นแรกล้ม มันก็พังหมด นอกจากนั้นเราก็ได้เห็นด้วยว่าความคิดของคนมันทรงพลังมากพอที่จะเปลี่ยนสังคมได้จริงๆอะ แต่จะร้ายหรือดีก็ขึ้นอยู่กับคนในสังคมเองล้วน ๆ ทั้งงดงามแต่ก็น่ากลัวไปพร้อม ๆ กันเลย สำหรับเราอะนะ

ไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย เอาเป็นว่ารักนะคะ รักมากก ๆๆๆๆ ได้อะไรกลับมาเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบมาก ๆๆๆๆ ใครบอกวิชาปรัชญาไม่จำเป็นกับการศึกษานี่ชั้นจะไปยืนเท้าเอวเคาะหน้าบ้านเลย ทุกสิ่งมันต้องตั้งคำถามได้สิวะ การก้มหน้ายอมรับทุกอย่างไปส่งๆมันไม่ทำให้เราเป็นมนุษยที่สมบูรณ์หรอกนะ เอาจริงๆมนุษยที่สมบูรณ์เรายังให้นิยามไม่ได้เลย เราก็ต้องถามกันต่อไปสิ

ไตรภูมิพระร่วง, ลิลิตพระลอ, ขุนช้างขุนแผน, รามเกียรติ์, มัทนะพาธา, เงาะป่า, การเผยแพร่วรรณคดีไทย, ประวัติวรรณคดีคร่าวๆ, ภาษาและรสวรรณคดี, critical thinkingกับวรรณคดีไทย

การเรียนการสอน

เรียนสดตอนวันพฤหัสบ่ายค่ะ แต่บางคาบจะเป็นคลิปเพราะอาจารย์บางคนไม่สะดวกสอนสด เป็นคาบฮีลลิ่งจากอิ้งค์ทูตอนเช้าที่แท้จริง 55555 วรรณคดีเรื่องนึงอาจารย์จะใช้เวลาสอนสองวีคค่ะ วีคแรกจะเป็นการเล่าถึงที่มาที่ไปคร่าวๆแล้วก็เริ่มอ่านด้วยกัน ส่วนวีคสองจะต่อที่เหลือจนจบแล้วอาจารย์จะสั่งเปเปอร์หนึ่งหัวข้อ ความยาวประมาณสองหน้า ส่งวีคถัดไป ของรุ่นเรา (ARTS 89) จะเรียงเรื่องตามเนื้อหาด้านบนเลยค่ะ (ทุกเรื่องจนถึงการเผยแพร่วรรณคดี)

เป็นการเรียนวรรณคดีไทยที่เปิดโลกที่สุดแล้วตั้งแต่เราเกิดมา 19 ปี 55555 โคตร ๆๆๆ ชอบ สะใจเรามาก ฉ่ำสุด 555555 นี่ไม่ได้เว่อร์จริง ๆ คือการศึกษาไทยมันผูกโยงวรรณคดีไทยไว้กับการท่องจำ เพราะว่ากลุ่มคน conservativeเทิดมันไว้เหนือหัวอะ แล้วเรามีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้มาก ๆ คือตอนมัธยมอ.สอนไทยเราษลิ่ฒมากTT แบบโปรสุด เรียนแล้วทรมานมากเพราะแสดงความเห็นอะไรนอกกรอบก็ไม่ได้ เราเลยเกลียดภาษาไทยจนขีดกำแพงในใจกลายเป็นอคติไปเลย ขอบคุณวิชานี้จริง ๆ ที่มาทลายกำแพงในใจเราTT มันโอเคที่จะตั้งคำถามกับตัวละครที่ไปทำ sexual harassment มา มันโอเคที่จะบอกว่าคนแต่งเค้ามีจุดประสงค์แฝง มันโอเคที่จะตั้งคำถามกับทุกอย่างในเรื่องแล้วมานั่งถกประเด็นด้วยกัน เนี่ย วรรณคดีไทยจริง ๆ มันสอนให้สนุกและเฮลธ์ตี้กับคนเรียนได้นะ แต่ระบบการศึกษาเลือกที่จะไม่ทำ เขามัวแต่ใช้มันเป็นเครื่องมือสร้างจิตสำนึกความเป็นชาติจนละเลยไปว่าสุดท้ายมันก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของมนุษย์อะ บอกตรง ๆ ว่าถ้าวันนึงมันหายไปเราจะไม่แปลกใจเลย ในเมื่อคุณไม่ได้ให้ค่าเค้าอะ สภาพ

ไม่รู้จะฝากอะไรเพราะให้ล้านเต็มสิบอยู่แล้ว แต่ขอเล่าความประทับใจเพิ่มละกันนะคะ555555 รุ่นเรามีคาบนึงที่ได้นั่งเรียนกับพี่นักรบ มูลมานัส (ศิลปินงานคอลลาจและดาราช่องพี่ฟาโรส) เกี่ยวกับการต่อยอดวรรณคดีไทยโดยตรงเลย ได้เห็นผลงานพี่เค้าเยอะมาก ๆๆๆ TT ทรงคุณค่ามากจริง ๆๆ อยากให้ประเทศนี้ให้คุณค่ากับศิลปะมากกว่านี้จัง คือเรามีวัตถุดิบที่ดีมาก ๆ และง่ายต่อการนำไปต่อยอดอยู่แล้วอะ อย่างกระแสหิมพานต์มาร์ชแมลโลว์ที่เคยบูม ๆ งี้ คิดแล้วก็หดหู่ใจจัง

เหมือนเราโดนจ้างมาอวยเลยอะ แต่เราไม่โกหกจกตาแน่นอนค่ะ อะไรที่ดีเราก็ชม อะไรที่ไม่ค่อยโอเราก็พูดตรงๆว่าไม่โอไม่เก๋ สังเกตได้จากวิชาอื่น ๆ 55555555

(ไปฟอล/ตามผลงานเค้ากันเยอะๆนะคะ ขายค่ะขาย555555)