“เรามีเวลาไม่มากพอหรอกที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดหรอกนะมึงยังอยู่ในไตรมรณะอะไรนั้นถูกมั้ย?” พ่อของดุสิตาที่มีชื่อว่าสิทีเตือนสอ
“แต่กุจะบอกสั้นๆให้แหละกันคนที่มาดูแลดุสิตาตอนที่กุมาอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่พ่อของตาดังนั้นเราต้องรีบกลับไปที่เมืองนั้นเดียวนี้” สิทีย้ำเตือนอีกครั้ง
“อะไรว่ะเนี่ย กุมาทำไมเนี่ย?” หินสบดกับตัวเองพร้อมกับเอามือทั้ง2ข้างมากุมหัวของตัวเอง
“มาเพื่อรับกุกลับบ้านไงไอ้หนุ่ม”สิทีตอบกลับ
“แล้วท่านพร้อมแล้วใช่หรือไม่” 3ถามสิที
“กุรอวันนี้มานานแหละไม่มีเวลาไม่พร้อมแล้ว พวกมึงพร้อมยังหละ”
“กลุ่ม123 พร้อมรับใช้ท่านเสมอพร้อมทำตามที่ท่านโปรดคับ” 3ตอบ
“ก่อนไปผมขอพูดอะไรก่อนได้มั้ย?” สอพูด
“ถ้ามันจำเป็นจริงๆก็พูดออกมาเถอะไอ้สอ”สิทีอนุญาต
“ไม่ว่าตาจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตามราชินีหรือคนธรรมดา ตาคือคนที่ผมรัก ผมพร้อมที่จะปกป้องเธอ ไม่ว่าอดีตเรื่องราวที่ไฟไหม้งานนั้น หรือไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ความรู้สึกผมไม่มีทางเปลี่ยนดังนั้น ถ้าเกิดอันตรายกับตาไม่ว่าทางใดทางหนึ่งผมฆ่าคนที่ทำให้ตาเป็นอันตรายแน่นอน”
“นั้นก็ลับมีดรอได้เลยเดี๋ยวมึงจะได้ใช้มันเร็วๆนี้แน่นอน” สิทีตอบกลับ
“หมดแล้วใช่มั้ย?” สิทีถาม
“ถ้าหมดแล้ว เรารีบเดินทางกันดีกว่าระหว่างนี้ก็ฟังแผนให้ดี และก็ฝึกมันให้เข้าใจในหัว เข้าใจมั้ย”ทั้งหมดรีบเดินทางกลับไปทางเดิมที่ทั้งหมดมาเพื่อกลับไปยังเมืองกาลบุรี
“ยังมีคนยังไม่กลับมารายงานตัวคับท่าน”
“ไอ้สอใช่มั้ย?”
“ใช่แล้วท่าน เอาไงดีคับ?”
“เราจะรอ ไตรมรณะยังดำเนินต่อไปแต่ถ้าวันนี้พวกมันยังไม่กลับมา เราคงตัดสิทธ์พวกนั้นและก็อีกเดือนถ้ายังไม่กลับมา เราคงต้องออกใบตายตามระบบ เข้าใจมั้ย?”เหลือเวลาอีกประมาณ2ชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลาที่ไตรมรณะจะหมดลงผู้คุมสอบที่อยู่เวรกำลังปรึกษาทางออกในเหตุการณ์ที่กลุ่มของสอไม่กลับมา
“มึงอยากจะรอก็รอไปเถอะมึงรอมาเกือบ15วันแหละ รออีก2ชั่วโมงจะเป็นไรไป”ภาคีเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับลานุและดุสิตาดุสิตาเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ดูเศร้าๆหดหู่และไม่อยากรับฟังอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวของกับไตรมรณะเพราะเธอรู้ดีว่าไตรมรณะครั้งนี้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อทำให้เธอลืมสอไปให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง
“ตาไหวมั้ย ถ้าตาไม่ไหว ตากลับได้นะ”ลานุดูท่าทางเป็นห่วงดุสิตามากๆ หลายวันที่ผ่านมา ดุสิตาก็ไม่ยอมคุยกับตนเท่าไหร่ลานุเข้าใจดีว่าคนที่ตนรักกำลังเสียใจกับการจากไปที่อาจจะเกิดขึ้นของคนที่เธอรักถึงแม้ว่าลานุจะไม่มีบทบาทในการสั่งการครั้งนี้เนื่องด้วยข่าวที่เล่าจากภาคีที่ว่าที่เมืองบูลวากำลังมีสงคราม ตนจึงสั่งการแค่ว่า ใครอยากกลับก็กลับมาเพราะสงครามของเมืองบูลวา แต่เพราะอะไรไม่ทราบข่าวนั้นคงไปไม่ถึงสอที่กำลังเดินทางไปยังเมืองนั้น
“ทางนั้นเป็นไงบ้างแหละภาคีทางเมืองบูลวา เหตุการณ์เป็นไงบ้าง?” ลานุถาม
“อย่างที่ทูลไปเหตุการณ์ค่อนข้างยากที่จะเดา ว่าแต่ถ้าสอและพวกไม่กลับมาทางเราจะปฏิบัติตามระเบียบของไตรมรณะนะกระหม่อม” ภาคีถามเพื่อความแน่ใจ
“ทำอะไรก็ทำเถอะอย่าให้มาเดือนร้อนอะไรกับเรามากเลย เราจะดูแลตาก่อนะ มีอะไรก็มารายงานด้วย ไปตาไปที่ห้องพักกัน” ลานุจับมือดุสิตาพาไปยังห้องพักเพื่อรอข่าวที่น่าจะมีการรายงานไม่เกิน2ชั่วโมงข้างหน้า
“ท่านภาคีกลุ่มของสอเดินทางเข้าเมืองมาแล้วคับ มีคนของเราเห็นพวกมัน”
“อะไรนะ สอ กลับมา มึงพูดใหม่สิอธิบายมาให้ละเอียด” ดูเหมือนภาคีจะไม่เชื่อเลยว่าแผนการที่ตนเองว่าไว้ที่ว่าจะกำจัดสอให้ไปพ้นๆนั้นจะล่มเหลว
“สอกับคนที่เหลือที่ยังไม่มารายงานตัวกลับมาทุกคนคับ5คน ไม่สิ ไม่ใช่คับ ขอแก้ไข้ตัวเลข ทางเราทราบว่ามีคนไม่ได้มารายงานตัวกลับ5คนแต่คนที่เดินทางกลับเข้าเมืองมานั้นมี6คนคับ”
“มีคนมาเพิ่มด้วยหรอ”ภาคีตกใจหนักกว่าเดิม
“ครับผม คนนั้นตอนนี้โดนหมัดมือและปิดปากคับดูเหมือนว่าพวกนั้นจะจับคนมาได้ด้วยยังไม่รู้ว่าคนที่จับมานั้นเป็นใครอะไรอย่างไง”
“เอาอย่างไงดีท่าน”ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดแผนไปหมด กำจัดสอไม่ได้ แถมมีใครก็ไม่รู้กลับมาด้วยถ้าเป็นทหารชายแดน ทำไมสอไม่ฆ่ามันเลย คนๆนั้นเป็นใคร ใครกันแน่
“เอาเอกสารรายงานตัวมา เตรียมม้าให้กุพวกมึงด้วย เราจะไปรับพวกมัน เดี๋ยวกุไปรายงานท่านนุ กุออกไปทุกอย่างต้องพร้อมเข้าใจมั้ย” ภาคีสั่งลูกน้อง แล้วรีบเดินทางไปยังห้องพักของลานุและดุสิตา
“ท่านๆ พวกนั้นกลับมาแล้วครับ” ภาคีรายงานดุสิตาที่ซึมๆอยู่บนที่นั่งก็สะดุงขึ้นมา
“พวกนั้นปลอดภัยมั้ยค่ะ” ดุสิตาถาม
“สอ สอเป็นไงบ้างค่ะ”ดุสิตาถามอีกครั้ง
“ยังไม่มีรายงานอะไรไปมากกว่านี้กระหม่อมท่านนุ กระหม่อมจะทูลท่านเสด็จไปกับกระหม่อมด้วยดูท่าพวกนั้นอาจทำเรื่องที่อาจเกิดอันตรายได้” ภาคีพูด
“ตาไปด้วย ตาไปด้วยได้มั้ยนุตาไปได้มั้ย?” ดุสิตาจับไปที่ท่อนแขนของลานุดึงไปดึงมาโอนวอนเหมือนเด็กกำลังขอร้องพ่อแม่ให้ซื้อขนม
“ตาไปด้วยนะนุ ตาไปด้วย”สิ้นเสียงนั้นดุสิตาก็ล้มลงบนที่นั่ง ดุสิตาที่ไร้สติล้มลง
“นม นุฝากตาด้วยนะคับ พาไปโรงหมอก่อนเดี๋ยวนุจะตามไป” ลานุสั่ง
“ไป พาเราไป”
“อย่าลืมแผนเรานะ กุไม่อยากกดดันมึงแต่ที่กุเลือกมึง เพราะกุไว้ใจมึง อย่าพลาดนะ” ลาทีที่ถูกหมัดมืออย่างแน่หนาและปากที่กำลังจะถูกหมัดให้แน่ขึ้นพูดกับสอ
“ไอ้3 ไอ้2 ไอ้1 ช่วยกุด้วยแหละกันส่วนไอ้หิน มึงหยุดสั่นได้มั้ยไอ้สัส” หินที่ยังมีโรคสั่นทุกครั้งที่มีอะไรกดดันก็ยังมีปัญหาอยู่อย่างนั้น
“มันใหญ่เกินไปสำหรับกุมึง กุกลัว”
“แค่มึงคอยดูเชือกที่หมัดเนี้ยนะเอาไงก็เถอะ มึงก็แค่เงียบๆแหละ ไม่ต้องพูดอะไร”
“ว่าแต่ไอ้สอ ท่านนุเนี่ยนอกจากคู่แข่งมึงเนี่ย มึงว่าท่านนุเป็นอะไรกับมึงว่ะ” 1ถาม
“ท่านนุคือกษัตริย์ของเมืองนี้กุเคารพท่านในเรื่องนั้น แค่นั้น” สอยังคงในคำตอบเดิม
“ถ้าเรื่องนี้ ท่านนุมีส่วนร่วมด้วยมึงยังจะรู้สึกเหมือนเดิมมั้ย?” 2ถามเพิ่มเติม
“เรื่องนั้นไม่รู้ แต่ที่แน่ๆกุจะพาตาออกมาจากที่นั้นให้เร็วที่สุด”
“กุเอาใจช่วยมึงนะ” 3ให้กำลังใจ
“พวกมึง หยุดก่อนๆๆๆๆ” ลูกน้องของภาคีที่ขี่ม้าเร็วเข้ามาก่อนกลุ่มหลักจะเดินทางมาถึงหยุดบอกเขาและลงจากหลังม้า
“พวกมึงไม่ได้ข่าวที่ทางการส่งไปให้หรอว่าทางเมืองบูลวากำลังมีสงครามกัน”
“สงครามอะไรว่ะ” สิทีคิดในใจ
“อย่างไงก็ตาม กุต้องหยุดพวกมึงตรงนี้ส่วนไอ้คนที่มึงพามาด้วย หมัดเท้ามันสะ เพราะเราจะไม่เดินไปไหนจนกว่าท่านภาคีจะมาถึงที่นี้”
“มาก็ดีไอ้ภาคี กุอยากเจอมึงเหมือนกัน”สิทีคิดในใจ พร้อมกับนั่งลงบนพื้น เหยียดขาทั้ง2ข้างมาด้านหน้าหินที่มีหน้าที่หมัดเท้า ก็พยายามหมัดเท้าของสิทีอย่างไม่สั่น
“แล้วพวกมึงได้วิธีการใช้ของอันนั้นมั้ย?”
“ของที่มึงอยากได้มันอยู่ในนี้”2พูดพร้อมกับจะยืนม้วนคัมภีร์ให้
“มึงไม่ต้องเอามาให้กุดูกุเป็นแค่ม้าเร็วมาหยุดพวกมึงเท่านั้น มึงรอท่านภาคีก่อนดีกว่า แล้วจึงค่อยให้”เวลาผ่านไปไม่นาน หินก็หมัดเท้าทั้ง2ข้างของสิทีเสร็จเรียบร้อยสอผู้ที่คิดว่าคงจะดีกว่านี้ถ้าสิทีปิดตาไปด้วยเพราะ ถ้าภาคีจำใบหน้าของสิทีได้แผนการครั้งนี้คงจะมีปัญหาค่อนข้างมาก ดังนั้นสอจึงเดินไปบอกถึงเรื่องนี้สิทีเห็นพ้อด้วย เลยทำการเอาดินดำมาทาหน้าของสิทีเพื่อที่จะปกปิดใบหน้าหลังจากนั้นไม่นาน ลานุและภาคีก็เดินทางมาถึง
“รออยู่นานมั้ยพวกเอ็ง”ภาคีพูดขณะที่กำลังขวาดเท้าลงจากม้าโดยไม่ได้มองไปยังผู้คนที่รออยู่นั้น
“ไม่นานหรอกท่านแต่ว่าทำไมพวกเราไม่ได้ข่าวจากทางท่านเลย” 3พูดเปิดทันทีที่ภาคีเห็นกลุ่มคนที่สอและหินอยู่ด้วยนั้น สิ่งที่เขาคาดเอาไว้ก็เป็นจริงมันมีบางอย่างผิดพลาด สอและหินไม่ได้อยู่กับคนที่ภาคีได้เตรียมไว้ให้สีหน้าบ่งบอกได้ถึงอาการของความตกใจ ไม่เล็กเลย เห็นได้ชัดอยู่
“ว่าแต่ท่าน ภารกิจที่ท่านให้มาเนี่ยทำไมไม่มีอุปสรรค์อะไรเลย เมืองก็ดูเงียบๆ ข้อมูลก็หาได้ง่ายๆ ทำไมมีแต่พวกเราที่ทำได้เก่งชิบหายเลยพวกกุเนี่ย พวกมึงคิดเหมือนกุมั้ย ฮาฮา” ภาคีล้กหนักกว่าเดิม
“ลูกน้องท่านบอกกับพวกเราว่าที่เมืองบูลวามีสงครามกันจริงๆหรอท่าน พวกคนอื่นถึงไม่ได้ไปเพราะกลัวตายกันหมด”
“ท่านภาคี หมายความว่าอะไรทำไมพวกนี้บอกว่าไม่มีสงครามอะไรเลยแต่ท่านพูดอีกอย่าง โกหกเรางั้นรือ?”ลานุเริ่มที่จะขึ้นเสียง
“สงครามจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพย่ะค่ะ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in