โรงเรียนจับคู่สัญญา
ไม่นึกเลยว่าหนึ่งในโรงเรียนที่ไม่ต้องสอบเข้า สำหรับเด็กที่สอบเข้าไม่ติดกับเด็กที่ไม่ยอมสอบจะเป็นฉากบังหน้าหลอกให้วัยรุ่นไปทำสัญญากับมนุษย์!
และมนุษย์เหล่านั้นก็เป็นนักเรียนหัวกะทิที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีส่งตรงจากนอกทวีปอีกต่างหาก!
ดูก็รู้เลยว่าใครนายใครบ่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจริงที่นักเรียนผู้ถูกคัดให้เข้าเรียนที่นี่ได้เป็นเพราะถูกส่งรายชื่อมาจากผู้ปกครอง…
สั้น ๆ ง่าย ๆ คือ โดนอัปเปหิออกจากตระกูลนั่นเอง
__________
ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่มนุษย์เรียกว่าทวีปลับแล แน่นอนว่าไร้ซึ่งมนุษย์อยู่อาศัย
ทว่าดันมีโรงเรียนลับในทวีปแห่งนั้นที่เปิดรับเชิญนักเรียนมนุษย์ปีละสองร้อยคนจากทุกแห่งหนโรงเรียนมนุษย์ ประมาณว่าไปเรียนแลกเปลี่ยน
ว่ากันว่าเป็นโรงเรียนที่ดีเลิศประเสริฐศรี ใครที่เคยได้เข้าโรงเรียนนั้นจะได้รับทรัพยากรอันล่ำค่ามากมาย โดยเฉพาะโอกาสการทำสัญญากับอสูรระดับมายา ไม่สิ เรียกว่าได้การันตีเลยด้วยซ้ำ
เห็นบรรดารุ่นพี่ที่กลับมาพร้อมอสูรมายาเท่ ๆ แล้วชวนน้ำลายหกหนักหนา
จึงเป็นเหตุให้การแข่งขันแย่งชิงโควต้าทั้งสองร้อยที่ดุเดือดดีแท้
แต่ทว่า เกณฑ์การรับสมัครนั้นสูงเสียดฟ้า ต่อให้แห่กันมาลงชื่อสมัครทั้งหมื่นทั้งล้านก็ใช่ว่าทุกปีจะเต็มโควต้าสองร้อยที่ บ้างปีไม่มีใครผ่านสักคนเลยก็มี
แต่ปีนี้ค่อนข้างพิเศษ เมื่อจำนวนโควต้าถูกใช้ไปร้อยกว่าที่!
_____________
แต่เรื่องนี้มันเริ่มที่มุมมองของอสูรมายา
ที่อาณาจักรของพวกอสูรมายา ‘ไม่มีเด็กกำพร้า’ ต่อให้เกิดมาแล้วไม่ถูกใจแต่ไหนก็ต้องเลี้ยงดูและให้โอกาสจนถึงช่วงอายุที่จะต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง หลังจากนั่นต่อให้พ่อแม่อยากจะเลี้ยงดูแค่ไหนก็ทำไม่ได้แล้ว ธรรมเนียมเป็นเช่นนี้
แต่พวกเด็ก ๆ ที่ถูกส่งไปโรงเรียนดังกล่าวส่วนใหญ่มักเป็นพวก “เหลือเกินจะรับ” มิเช่นนั้นจะใช้คำว่าอัปเปหิหรือไร
และส่วนน้อยคือพวกที่ดูแลตัวเองไม่ได้ พวกอสูรมายามีธรรมเนียมให้ดูแลตนเองเมื่อโตแล้วกระทั่งอาชีพรับจ้างดูแลคนอื่นยังไม่มี
พวกผู้ปกครองที่มีลูกน้อยในข้อหลังจึงได้ส่งลูกไปหาคู่ทำสัญญากับคนนอกทวีปอย่างถูกกฎหมาย รับประกันได้ว่ามีเจ้านายคอยหาเลี้ยงดูตลอดชีพแน่นอน ด้วยเงื่อนไขการทำพันธะสัญญาทั้งร้อยกว่าข้อที่ไม่เอารัดเอาเปรียบรักษาสิทธิประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย อันมีเฉพาะแบบแผนการทำพันธะของโรงเรียนนี้เท่านั้น
นี่แหละสาเหตุที่เกณฑ์การรับสมัครต้องสูงเสียดฟ้า ยาจกที่ไม่คิดทำกินน่ะไม่รับเด็ดขาด! มีหนี้มีสินมีภาระก็คัดออก! จิตอ่อนโดนญาติพี่น้องครอบงำและไม่คิดสู้ไม่เอา! โดนกุมจุดอ่อนโดยไร้ทางแก้ตัดช้อย! ฯลฯ อันไม่ออกสื่ออีกมาก
ต่อให้มีนิสัยแย่หมาไม่แดกยังไงไม่ว่า ขอแค่มีสมอง ปลอดภาระ พอมีเงิน และเก่งได้มาตรฐานมากพอที่จะคุมอสูรมายา (ที่จะมาเป็นภาระก้อนบักเอ้ก) ได้เป็นพอ
________________
ใช่แล้ว ที่ต้องเน้นข้อนี้เพราะตัวเอกจัดอยู่ในประเภทข้อหลัง
ตัวเอกนั้นเป็นอสูรมายาที่เกิดในตระกูลที่มีความเชื่อว่ายิ่งดำยิ่งดียิ่งแกร่ง
และตัวเอกโชคดีมากที่เกิดมาตัวดำที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครดำจนเหมือนหลุมดำแบบนี้มาก่อน
พ่อแม่ญาติพี่น้องสุดแสนดีใจและคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะเป็นเด็กที่สุดยอดปานใด ในเมื่อความเชื่อที่ว่านิ่งดำยิ่งดีของตระกูลนั้นเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้จากคนในกันเอง
ทว่ายิ่งโตก็ยิ่งค้นพบว่า ตัวเอกโง่ผิดปกติ ใสซื่อตลอดกาล ต่อให้มีพลังมหาศาลก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างราบรื่น การตัดสินใจด้วยตัวเองแทบคาดหวังไม่ได้ (แค่ทำกิจวัตรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ความช่วยเหลือแล้วได้พ่อแม่ก็ซึ้งใจล่ะ)
เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ตัดสินใจส่งชื่อเข้าโรงเรียนลับโดยที่ไม่ต้องไปลงสอบที่ไหนเลย
ตัวเอกก็แสนจะไม่รู้เรื่องรู้ราว เข้าใจแค่ว่าตัวเองมีที่ให้เรียนต่อโดยไม่ต้องสอบเท่านั้น
จนวันเข้าเรียน ปฐมนิเทศ ก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าทำไมพวกเพื่อน ๆ ถึงได้โอดครวญเมื่อคุณครูอธิบายหลังจากที่มีแถวตอนลึกของมนุษย์เรียงแถวเข้ามา
ตัวเอกประทับใจกับมนุษย์มาก ดูดีมาก ดูคล้ายกันไปหมดเลย แต่ก็ดูดีมาก ใส่เครื่องแบบเหมือนกันด้วย แยกความต่างออกแค่สีขนบนหัวกับสีตา
หลังจากนั้นคุณครูก็ให้นักเรียนมนุษย์ขึ้นไปบนเวที ให้แตะผลึกแปรรูปที่ถูกยกมา ผลึกแปรรูปจะกระพริบแสงเป็นวงคลื่นสองสามที จากนั้นรูปของนักเรียนอสูรมายาจะถูกฉายขึ้นมากลางอากาศพร้อมเปอร์เซ็นต์ตัวเลขของอะไรสักอย่าง (อาจารย์เขาก็ประกาศแล้วว่ามันคือเปอร์เซ็นต์ความเข้ากัน)
(คิดว่าความฝันนี้น่าจะได้โครงเรื่องมาจากพล็อตค่ายเชลยจับคู่จากเปอร์เซนต์ความเข้ากันให้คู่กันในที่สุด ประมาณนี้มั้ง)
จนการขึ้นไปแตะผลึกแปรรูปของนักเรียนมนุษย์ครบหมดทุกคนแล้วก็เป็นอันจบพิธีปฐมนิเทศ
นักเรียนอสูรก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องที่ได้รับหลังเสร็จพิธี พร้อมทั้งกระเป๋าสัมภาระถูกขนย้ายให้แล้วเรียบร้อย
โชคดีที่ตัวเอกเชี่ยวชาญการย่อขยายตัว (ไม่งั้นเข้าไปอาศัยในบ้านไม่ได้) จึงไม่มีปัญหาในการนอนห้องที่มีรูมเมทอยู่อีกฟาก ส่วนของรูมเมทคาดว่าเป็นมนุษย์ที่ถูกจับคู่โดยผลึกแปรรูปเพราะมีเตียงโต๊ะตู้เครื่องเรือนในรูปแบบมนุษย์ ส่วนฟากของตัวเอกมีคอกกั้นพื้นที่ข้างในมีรังนอนวางไว้ให้และสัมภาระวางกอง ตัวเอกไม่เรื่องมากก็ออกไปอาบน้ำและเข้านอน
___________________
ฝ่ายคู่ทำพันธะกับตัวเอก ที่เพิ่งกลับมาจากงานราตรี(ตามธรรมเนียมของมนุษย์)ฉลองหลังทำพันธะสัญญากับอสูรมายา(โดยเลือกเองไม่ได้)เสร็จสิ้นก็กลับเข้าห้อง
นางเป็นสาวงามที่สวยสะดุดตาผิวขาวอมชมพูราวกับหินอ่อน เส้นผมขาวบริสุทธิ์ดุจแพรไหมที่ทอจากแสง รับกับดวงตาสีสว่าง ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ระดับความเก่งกาจแน่นอนว่าต้องเป็นหัวกะทิเหนือหัวกะทิเพราะหล่อนอยู่แถวหน้า หนึ่งในผู้ที่ทำให้เจ้าดำ(ตัวเอก)ประทับใจกับความดูดีของมนุษย์น่ะสิ
นางตัวขาวเพิ่งกลับมาจากงานราตรีที่มีแต่มนุษย์ อันที่จริงก็แวะไปที่อื่นด้วยตามประสาแม่เสือสาวสุดแซ่บ
ว่ากันตามตรง นางไม่ค่อยพอใจคู่พันธะที่ได้มาเมื่อตอนแตะผลึกสักเท่าไหร่ มันไม่สวย ตัวอะไรก็ไม่รู้ดำจนมองอะไรไม่เห็นเลย ได้แต่หวังว่าดูลึกลับแบบนั้นจะเป็นตัวดีชั้นเลิศนะ
เมื่อนางเปิดเข้าห้องไปก็หันไปมองส่วนคอกในห้องพัก
ก่อนจะถึงวันพิธีปฐมนิเทศ อาจารย์ก็อธิบายไปหลายรอบอยู่เหมือนกันว่าหลังจบพิธีปฐมนิเทศแล้วเราจะต้องอยู่ร่วมกันกับอสูรมายาในพันธะที่ได้มาจากโรงเรียนลับนับจากนี้ตลอดไป
และในระหว่างหลายวันก่อนที่จะถึงวันปฐมนิเทศก็ต้องเข้าค่ายอบรมและทำกิจกรรมหลายอย่างรวมถึงจัดแต่งคอกในห้องพักเพื่อเพิ่มความสนิทสนมกับอสูรให้เกิดความไว้วางใจว่าเรายินดีที่ได้ทำพันธะกัน
แต่อสูรในพันธะของหล่อนหายไปไหน? ไหนว่ามันจะมาอยู่ด้วยกันไง? (ก็นอนอยู่บนรังแหละแต่ตัวมันดำจนกลืนกับสัมภาระที่วางอยู่ข้าง ๆ น่ะ) เห็นท่าทางแบบนี้คงจะไม่เชื่องเป็นแน่!
หลายวันผ่านไปนางตัวขาวก็ยังเข้าใจว่าอสูรในพันธะไม่ยอมนอนในรังที่จัดไว้ให้ แสนจะอิจฉาผู้คนที่เอาเรื่องอสูรในพันธะมาอวดโน่นอวดนี่มากมาย (แต่ก็ต้องคีพลุคทำเป็นเลิศเชิดหยิ่งไม่มีตก)
พุทโธ เอาน่ะคนที่โดนอสูรของตนรังเกียจก็มีอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
จนกระทั่งเจ้าดำมันเรียนวิชาแปลงร่างเป็นมนุษย์ที่ใส่เสื้อผ้าตัดกับสีผิวได้เนี่ยแหละถึงได้รู้ว่าเจ้าดำมันนอนร่วมห้องมาตลอด!
แสนจะอับอาย!!!!!!!
____________________
ถ้านับแต่ละอย่างที่นางตัวขาวทำในห้องตอนที่เข้าใจว่าไม่มีเจ้าดำ …เรื่องไร้ยางอายทั้งนั้นนนนนน
โชคดีที่เจ้าดำถูกเลี้ยงดูมาอย่างเคร่งครัดจึงเป็นเด็กอนามัยเข้านอนเร็วถึงหมอนปุ๊บหลับสนิทปั๊บ จึงไม่ค่อยรู้เรื่องที่เจ้านายทำตอนมืด ๆ ดึก ๆ กว่าจะกลับห้องก็ยังไม่นอนมีกิจกรรมต่อเนื่องไปอีก
นางตัวขาวคิดเห็นต่อเจ้าดำว่า ไม่ถูกใจเลยจริง ๆ ตอนเห็นผ่านรูปบนผลึกก็ตัวดำจนมองอะไรไม่เห็น
มาวันนี่ได้เจอกันสักทีก็…ยังดำจนมองอะไรไม่เห็นอยู่ดี ผิวก็ดำ ตาก็ดำ ลิ้นก็ดำ เหงือกก็ดำ เล็บก็ดำ ยังดีมีฟันขาว
ซึ่งก็ดูหลอน ๆ ที่มีฟันขาว ๆ ลอยอยู่กลางก้อนดำที่ดำจนเหมือนหลุมดำเนี่ย
ที่รูปฉายมันดำ ๆ ดูลึกลับไม่ใช่เพราะออร่าพลังที่ล้นทะลัก แต่เป็นเพราะความดำของมันล้วน ๆเรอะ!? (อุตส่าห์คาดหวังความแข็งแกร่ง)
แถมเมื่อมองก้อนดำรูปร่างคน (ยังแปลงเป็นคนอย่างสมบูรณ์ไม่ได้) ในชุดนอนตรงหน้า ติดกระดุมผิดอีกต่างหาก… ไม่พอใจมากจริง ๆ ที่อสูรในพันธะไร้คลาสขนาดใส่ชุดนอนให้เรียบร้อยไม่ได้
แต่ทว่ามันเปลี่ยนไม่ได้แล้ว ทำยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ ไม่ใช่ว่านางตัวขาวไม่เคยร้องเรียนเรื่องขอเปลี่ยนตัวคู่พันธะ (ที่เข้าใจว่าไม่เคยโผล่หัวมาให้เห็น) แต่ก็โดนข้าราชการอสูรอ้างกลับมาทุกครั้งว่าด้วยเรื่อง “ค่าความเข้ากัน 100%” บ้าบออะไรนั่น เข้ากันบ้านตาแป๊ะอะไรไม่เคยเข้ากันสักรอบ
เอ๊ะ จะว่าไป
ไอ้ว่าด้วยเรื่องความเข้ากันบ้าบอคอแตกอะไรนั่น มันมีข้อที่ว่ายิ่งทำกิจกรรมเพิ่มความสนิทสนมก็ยิ่งเชื่อมต่อพลังได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งความเข้ากันสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้เวลาน้อยลงและเชื่อมต่อได้ราบรื่นอย่างมาก
หืม จะว่าไปที่นี่เขาอนุญาตให้จ้ำจี้กันอย่างอิสระด้วยนี่นา…
อยู่ภายในใจสาวลามกเป็นหมื่นล้าน แสดงออกได้แค่ความเย่อหยิ่งจองหองไม่หลุดคาแรคเตอร์ที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมา
เหลือบตามอง… เจ้าก้อนดำรูปร่างคน
ไม่ไหวอ่ะ ให้ทำกับเจ้าตัวดำปี๋ที่ดำกว่าเงาแค่คิดก็สยองแล้ว
สุดท้ายแม่นางตัวขาวก็เป็นฝ่ายปรับตัว ออกไปล่าแต้มกันข้างนอก ถึงเจ้าดำร่วมห้องจะไม่เคยรู้สึกตัวแต่หล่อนก็ละอายแก่ใจอยู่ดี
___________
หลังจากที่รับรู้ตัวตนของคู่พันธะ นางตัวขาวรู้สึกว่าเจ้าดำของตนให้ความรู้สึกแปลก ๆ นางจึงเริ่มทำการเฝ้าสังเกตการณ์ประจำวัน
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอสูรที่ถูกส่งมาที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพวกนิสัยเสียจนทางบ้านรับไม่ไหว (และส่วนน้อยที่คนแทบไม่รู้ว่ามีคือพวกดูแลตัวเองไม่ได้) และเจ้าดำเด็กเอ๋อก็ควรเป็นเหยื่อระบายอารมณ์เสมอ ตามสัจธรรมที่สิ่งที่อ่อนแอกว่ามักจะโดนข่มเหง
หากแต่ความจริงสิ่งเหล่านั้นแทบไม่สะกิดผิวของเจ้าดำเลยสักนิด แข็งแกร่งเกินไป! พวกที่รู้จักคำว่ายิ่งดำยิ่งแข็งแกร่งคติประจำบ้านเจ้าดำต่างหลีกหนีห่าง ส่วนพวกที่ไม่รู้ก็หาเรื่องจนเหนื่อยจนเลิกไปเอง
สรุป เจ้าดำโดดเดี่ยวกระเทียมลีบเป็นที่หวาดกลัว แต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย และก็ไม่สนใจด้วย
ใช้ชีวิต กิน นอน เล่น(กับตัวเอง) มีความสุขตามประสาไปในแต่ละวัน
นางตัวขาวที่รับรู้แค่เจ้าดำโดดเดี่ยวกระเทียมลีบก็แสนจะเห็นใจ ด้วยตนเองก็ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ได้
หลังจากวันนั้น นางตัวขาวจึงชวนเจ้าดำมากินข้าวด้วยกันทุกมื้อเท่าที่อำนวย
ทำให้เจ้าดำค่อนข้างแปลกแยกสักหน่อย เพราะ เวลากินข้าวมักจะแบ่งแยกฝั่งกันระหว่างมนุษย์กับอสูรค่อนข้างชัดเจน
อ้อ แต่คนที่กินข้าวกับอสูรคู่พันธะก็เห็นมีอยู่บ้าง
ที่เห็นแบ่งฝั่งกันชัดเจนก็เห็นจะเป็นพวกอสูรอันธพาลที่ไม่ยอมรับจุดตกต่ำของตนเอง กับพวกแฟนคลับที่มานั่งล้อมรอบคนที่ตนหวีดของฝั่งมนุษย์ และพวกที่ไม่ได้ตัวติดกับคู่พันธะ หรือไม่ก็ไม่มีคู่
และนางตัวขาวก็มีแฟนคลับเยอะมาก เจ้าดำที่เป็นอสูรอยู่กลางวงจึงดูแปลกแยกไปหน่อย
เท่านั้นเอง
_______
อยู่ด้วยกันไป ๆ มา ๆ ก็จะค้นพบว่านางตัวขาวคือเจ้าแม่เครื่องสำอาง
เห็นขาวสวยสดงดงามแบบนี้พอหน้าสดเท่านั้นแหละแทบไม่ต่างจากเจ้าดำเวอร์ชั่นตรงข้ามขาวจนแสงแทบทะลุผ่าน จะต่างเพียงแค่มีดวงตาสีแดงสดชวนสยองหากมองผ่าน ๆ จะนึกว่ามีลูกตาลอยได้
จะว่าความขาวจนแสงแทบเดินผ่านก็ได้ ขาวจนผิดจากโรคผิวเผือก (บ้านนางมียีนผิวเผือกจึงมีญาติผิวเผือกมายืนเปรียบเทียบให้เห็นกันได้ชัดเจน) ขาวจนไม่คิดว่าจะเกิดจากคน ขาวจนเป็นปมของนางตัวขาวก็ว่าได้
ก็ขาวจนผิดธรรมชาติจริง ๆ
แต่เครื่องสำอางเนรมิตได้ทุกอย่าง ทำให้คนขาวผิดมนุษย์กลายเป็นคนทั่วไปได้ด้วย
นางจึงคิดแปลงโฉมให้เจ้าดำที่ตอนนี้สามารถอยู่ในร่างที่ไม่แตกต่างจากมนุษย์ได้แล้วให้ดูไม่เป็นหลุมดำร่างคนสักหน่อย
ก็ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับบ้าน
ถึงตอนนี้นางจะชินแล้ว แต่พ่อแม่ต้องไม่ปลื้มแน่ที่นางพาว่าที่เจ้าบ่าวที่ดำจนชวนสยองกลับบ้านด้วย
ขอบอกกล่าว ไม่น่าหาทำเล๊ย
ไม่คิดเลยว่าเผ่าของเจ้าดำจะมีระบบสืบพันธุ์เซฟตี้คู่ครอง ที่ว่ามีคู่ครองหนึ่งเดียวตลอดชีวิตนั้นแสดงผลให้เห็นทางรูปธรรมและกายภาพจริง ๆ และยังส่งผลต่อคู่ครองที่ว่าด้วย
เคยวิ่งรอบเพื่อหาทางแก้ก็ไม่มีวิธี แถมยังเป็นการป่าวประกาศว่าไปลักหลับเขาอีก
จากเคยล่าเนื้อได้อิสระ จึงต้องไปกินผักต้นเดียวตลอดชีวิตเลย เวรกรรม
เซ็งยิ่งกว่า คือพวกอสูรมีฤดูผสมพันธ์ุ อยากจ้ำจี้นอกฤดูไม่ต่างจากกอดตุ๊กตา เป็นอานิสงส์ให้นางตัวขาวประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมได้สำเร็จโดยปริยาย
โอ้ จิตใจผ่องใส~
ผิวพรรณผ่องใส~
เดี๋ยวนี้นางตัวขาวเลิกอาบเครื่องสำอางแล้ว อยู่กับเจ้าดำที่มีสภาพดำเป็นประวัติการณ์จรดปลายผมไปนาน ๆ ก็รู้สึกอยากมั่นใจในสภาพจริงของตัวเองขึ้นมา
และมันก็ไม่มีอะไรเลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองในแบบที่เคยอยากเป็น
อุปสรรคที่เคยขวางกั้นจิตใจหายไป และทำให้ระดับความสามารถถูกยกระดับขึ้นไปอีก
ที่ว่าความเข้ากัน 100% มันดีนักหนา
นี่ดีขนาดนี้เลยเหรอ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in