Once upon a time, there was a little girl dreaming to have workalike balance.
However, she forgot that everything has its own cost.
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ
หลังจากฉันลาออกจากออดิทและได้เริ่มสำรวจโลกใบใหม่ไปสักพัก ฉันก็ค้นพบ ความจริงข้อหนึ่งค่ะ
"ฉันอาจจะเหมาะกับวงการขายวินยาน (วิญญาณ นั่นแหละค่ะ) มากกว่าที่คิด"
ใช่ค่ะ ฉันเคยฝันถึงชีวิตที่มี worklife balance ที่แม้จะได้เงินเดือนไม่มาก แต่ก็มีเวลาใช้ชีวิต
มันน่าจะเป็นชีวิตที่ไม่แย่นะคะ เพราะ เราก็จะมีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ CPA ด้วย
แต่ความจริงแล้วนั้น ชีวิตไม่มีอะไรง่ายดายหรอกค่ะ
โลกใบใหม่ที่ฉันเพิ่งก้าวเข้าไปนั้นโหดร้ายกว่าที่คิดค่ะ
มันเป็นเหมือนทุ่งดอกกุหลาบที่ภายนอกดูสวยงาม
แต่ก็เต็มไปด้วยหนามที่พร้อมจะทิ่งแทงเราเมื่อก้าวพลาด
ในทางกลับกัน ชีวิตในวงการขายวินยานของเรานั้น
เมื่อมาลองนึกย้อนดูแล้วก็คิดถึงนิดหน่อยนะคะ
ฉันคิดมาเสมอว่า mindset และ value ของฉันค่อนข้างจะ match กับบริษัทที่เคยอยู่มาก่อนมาก
พอได้ลาออกมาจริงๆแล้ว คำตอบของข้อความข้างต้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมาก
ชีวิตออดิทของฉัน แม้จะเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ
แต่ฉันก็ได้รับมิตรภาพดีๆมากมายกลับมา
ถึงเราจะไม่ได้ไปทำงานเพื่อหาเพื่อน หาครอบครัว แต่ "ทีม" เป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ
ตอนทำออดิท มันจะมีความรู้สึกของทีมสูงมากค่ะ
แม้จะค่อนข้างเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบตัวเองสูงมาก และมีความ individual ในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าได้ทีมที่ดีแล้ว ก็จะได้รับความโชคดีที่เรียกว่า "พี่ๆของเรา" ค่ะ
หากเปรียบการทำงานออดิทเป็นการผ่านเกมส์ไปในแต่ละด่าน
มันก็เหมือนเราและพี่ๆในทีม เป็นทีมเดียวกันที่ต้องต่อสู้กับลูกค้าและเมเนเจอร์ พาร์ทเนอร์
(ไม่ได้หมายความว่า "สู้" กับพี่เมเนเจอร์และพาร์เนอร์จริงๆหรอกนะคะ
แต่พี่เมเนเจอร์ คือ คนรีวิวงานมันก็เหมือนเค้าเป็น monster ตัวหนึ่งในเกมส์ของเราค่ะ)
ที่ที่ฉันทำงานอยู่ในปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า "พี่ๆของเรา" เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
บางครั้ง ฉันก็แปลกใจมาก ที่เรื่องของฉันกลายเป็นเรื่องของสังคมไปได้อย่างไร
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ฉันไปสอบ IELTS มาค่ะ
ฉันจำได้ว่า ฉันแค่บอก หัวหน้าไปว่า ได้ overall X.0 ผ่าน criteria ของมหาลัยแล้ว
(อ้อ ลืมบอกไปค่ะ ฉันกำลังจะไปเรียนต่อด้วยเงื่อนไขบางอย่าง
จึงจำเป็นจะต้องอัพเดตกับหัวหน้าเป็นระยะๆ)
ในขณะเดียวกัน ฉันก็คุยเรื่องข้างต้นกับพี่อีกคนหนึ่งในทีม
แต่วันนี้ หัวหน้าฉันกลับทักว่า มีพาร์ทหนึ่งที่ได้ X.5 ใช่ไหม?
เรื่องนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีเลยนะคะ
แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกถูกคุกคามพื้นที่ส่วนตัว และเสียความเชื่อใจในตัวคนในทีมค่ะ
ความจริงแล้ว ช่วงที่ผ่านมา ฉันได้ฝ่าฟันเรื่องราวในออฟฟิศใหม่หลายเรื่องเลยค่ะ
หลายๆครั้งก็แอบคิดถึงชีวิตสมัยเป็นออดิทไม่ได้จริงๆ
โลกใบใหม่ของฉัน สบายกาย แต่บั่นทอนจิตใจเอาเรื่องเลยนะคะ
แต่ถึงฉันจะไม่ลาออกมา ตอนนี้ชีวิตออดิทของฉันก็คงไม่เหมือนเดิม
เพราะ พี่ๆในทีมก็ออกไปเกือบหมด พี่เมเนเจอร์ที่รู้สึกว่า พึ่งพาได้ก็ลาออก
ทุกก้าวที่รอฉันอยู่ในเวลานั้น คือ การเปลี่ยนแปลงค่ะ
ฉันคิดว่า ตัวเองตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด ณ เวลานั้นแล้ว
ในเมื่อ พระเจ้าได้ให้โอกาสแล้ว ก็ต้องทำให้เต็มที่สินะคะ
When the time past, you will realize the reasons behind.
ปล.ขอบคุณสำหรับ comment นะคะ made my day มากๆเลยค่ะ ヅ