เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากออดิทYour writer
รู้สึกโชคดีที่มีหนูอยู่ในทีม
  • 'รู้สึกโชคดีที่มีหนูอยู่ในทีม'
    เป็นประโยคที่ไม่ได้ยินบ่อยนักในบริษัทของฉัน และฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้
    จนกระทั่งวันที่โทรไปบอกพี่เมเนฯคนหนึ่งในวันที่ตัดสินใจลาออก

    พี่เมเนฯคนนี้เป็นหัวหน้าที่ดีมากๆคนหนึ่งในชีวิตการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมาของฉันเลย
    แม้ฉันจะติดจ็อบกับพี่เค้าแค่เพียง 1 สัปดาห์ แต่ก็เป็น 1 สัปดาห์ที่มีค่ามากๆ
    และในปีนี้ ฉันก็ติดอีกจ็อบของพี่คนนี้อีกครั้ง

    ตอนแรกที่เห็นจ็อบใหม่ขึ้นมา แถมเป็น nature ที่ไม่คุ้นเคยก็แอบงอแงในใจนะคะ
    แต่พอเห็นชื่อเมเนฯแล้ว ก็อุ่นใจขึ้นมาเลยทีเดียว

    จากที่เคยบอกไปว่า ฉันมีข้อกังขาในตัวเองมาตลอดว่า ฉันเก่งพอหรือยัง?
    และมีความกังวลว่า ปีหน้าจะได้เลื่อนขั้นไหมนะ?
    เพราะ พี่เมเนฯ จ็อบประจำบุ้คฉันไม่เต็ม time อีกแล้ว เขาไม่ชอบฉันรึเปล่านะ?

    (1) ฉันเก่งพอหรือยัง? การมีฉันอยู่ในทีมเป็นเรื่องที่พี่ๆ appreciate มั้ยนะ?
    แม้จ็อบที่ฉันเคยไปติด จะไม่มีใครเอาฉันออก แถม feedback ก็ปกติดี
    แต่บางครั้งก็แอบคิดไม่ได้ว่า เพราะ ไม่มีเด็กหรือเปล่านะ ฉันถึงกลายมาเป็นตัวจริงยืนพื้น
    (คิดมากไปเองนั่นแหละค่ะ แหะๆ)

    (2) ปีหน้าจะได้เลื่อนขั้นไหมนะ?
    ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันคิดว่า ในปีหน้าฉันน่าจะได้ขึ้น S3
    ฉันพยายามบอกตัวเองแบบนั้นอยู่เสมอ

    ลึกๆฉันคงอยากได้ยินคำยืนยันความสามารถของตัวเองสักครั้งนั่นแหละ
    พี่เมเนฯผู้แสนดีบอกว่า ตอนที่เพลนนิ่งส่งเด็กมาให้ เขาขอน้อง A1 ไป
    และพี่เมเนฯก็บอกว่า 'ตอนเห็นชื่อ รู้สึกโชคดีที่มีหนูอยู่ในทีม เพราะ ปีหน้าจ็อบนี้จะได้มีซีเนียร์สักที'
    ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ฉันน้ำตาไหลเลยค่ะทุกคน 5555
    อาจจะฟังดูดราม่าเกินไปหน่อย แต่ฉันดีใจมากๆจริงๆนะคะ
    เหมือนได้รับการยอมรับอย่างเป็นรูปธรรม
    ไม่ต้องสงสัยต่อไปอีกแล้วว่า ถ้าฉันอยู่ต่อจะได้ขึ้นมั้ยนะ?
    เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

    (3) ทำไมพี่เมเนฯ จ็อบประจำบุ้คฉันไม่เต็ม time อีกแล้ว เขาไม่ชอบฉันรึเปล่านะ?
    ปกติแล้ว ถ้าไม่ใช่ซีเนียร์ เขาจะบุ้คตามไทม์เดิม เพื่อไม่ให้ไปทับกับไทม์คนอื่น
    พี่เมเนฯผู้แสนดีเองก็ไม่เคยคิดว่า จะมีน้องเซนซิทีฟกับเรื่อง booking ขนาดนี้
    (ฉันเป็นคนคิดมากจริงๆนั่นแหละ)

    อย่างไรก็ตาม กว่าครึ่งชั่วโมงที่ได้ใช้ไปในการคุยกับพี่เมเนฯผู้แสนดีในครั้งนี้
    ช่วยทำให้ฉันกลับมาเคารพความสามารถของตัวเองอีกครั้ง
    และช่วยทำให้ความอึดอัดใจที่ทับทมมาตลอดชีวิตออดิทหายไปด้วยเช่นกัน
    ขอบคุณจริงๆค่ะ

    แม้ตามกฎของบริษัทแล้ว ฉันไม่จำเป็นจะต้องโทรแจ้งเมเนฯแต่ละจ็อบเองก็ได้
    แต่ทุกคนก็ทำตามกับมา เพราะ ถือเป็นมารยาทที่ควรทำ (เจอร์จะได้รีบหาเด็กมาแทน)

    สำหรับตัวฉันนั้น ประสบการณ์ลาออกในครั้งนี้ คงจะไม่ลืมไปตลอดชีวิตเลยค่ะ
    มันทำให้ฉันได้เห็นและได้สัมผัสอีกพี่เมเนฯแต่ละคนที่ฉันทำงานด้วยในแบบที่ลึกขึ้น
    จากบริบทที่เราได้คุยกัน

    เมเนฯแต่ละคนย่อมมีมาตรฐานและสไตล์เป็นของตัวเอง
    บางคนใกล้ชิดกับทีม บางคนก็ยากที่จะเข้าหา 
    บางคนที่เราให้ความพิเศษกับเขา เขาก็อาจจะไม่ได้ให้ความพิเศษนั้นกับเราก็ได้เช่นกัน
    เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใคร เพียงแค่เราต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองให้ดีเท่านั้นเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in