ในช่วงสายของวันพฤหัสที่ผ่านมา ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชาวออดิทคนหนึ่ง
เธอโทรมาถามฉันว่า 'ทำไมฉันถึงตัดสินใจอยู่ต่อ'
อย่างที่คุณผู้อ่านทราบดีว่า อาชีพออดิทไม่ใช่ตัวฉันเลย
นอกจากนี้ ฉันก็มีแผนการลาออกอย่างชัดเจนแล้ว
แต่ในท้ายที่สุด หลังจากผ่านการหางาน สัมภาษณ์งาน และทำเคส
ฉันตัดสินใจว่า จะเป็นออดิทต่อไปค่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่า งานใหม่ที่ฉันได้นั้น เป็น MT ที่ digital marketing agency แห่งหนึ่ง
โดยที่ salary growth rate ค่อนข้างใกล้เคียงกับออดิทเลยทีเดียว
ฉันสมัครงานที่บริษัทแห่งนี้ไปด้วยความสนใจใน media agency และ สนใจจะต่อโท marketing
นอกจากนี้ ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งชอบ mindset ขององค์กร
เพียงแต่ เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ฉันยังคงสนใจใน media & marketing อยู่เสมอ
แต่ฉันกลับไม่แน่ใจอีกต่อไปว่า ฉันอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งนี้จริงหรือไม่?
สุดท้ายแล้ว วงการนี้ก็ต้องสู้กันด้วย idea แต่มันกลับเป็นจุดที่ฉันอาจจะอ่อนแอที่สุด
'ฉันกลัวการเป็นคนไม่เก่งค่ะ'
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้เป็นคนที่เก่งที่สุด แต่ก็สามารถรักษามาตรฐานไว้ได้ดี
กระบวนการสัมภาษณ์และทำเคสเกิดขึ้นในช่วงเดือน 6
หรือที่เราชาวออดิทเรียกว่า ปิดเทอม (ที่บางคนก็อาจโชคร้าย ไม่ได้ปิดเทอม)
การพิจารณา job offer ในช่วงเวลาพัก ทำให้ฉันมีสติมากขึ้นค่ะ
การเดินทางสู่ job offer ครั้งนี้ ทำให้ฉันได้ตระหนักถึง value จากการเป็นออดิทมาหนึ่งปี
ได้ถามตัวเองจริงๆว่า เป้าหมายของฉัน คือ อะไร?
และถ้าการเป็นออดิทต่อไปอีก 15 เดือน จะพาฉันไปถึงจุดนั้นได้
ฉันจะยังทำมันต่อไปไหวไหม?
คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงต้องเป็น 15 เดือน
เพราะ ฉันคิดว่า มันเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะลาออกและไม่ได้บีบคั้นตัวเองจนเกินไป
แม้เพื่อนของฉันจะบอกว่า การเปลี่ยนงาน อย่างน้อยสภาพจิตใจก็จะดีขึ้น
แต่ฉันกลับตัดสินใจอยู่ต่อ โดยไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพใจของตัวเองมากนัก
การใช้ชีวิตโดยไม่สนใจสุขภาพจิตใจตัวเองเลยนี่ไม่ดีเลยนะคะ
แทนที่จะคิดว่า ฉันจะได้อะไรจากการเปลี่ยนงาน
ฉันคิดว่า มันสำคัญกว่าที่จะคำถึงสิ่งที่ฉันจะสูญเสียไป
'ฉันจะเสียดายอะไรหากลาออกจากที่เดิม' และ 'ฉันจะเสียดายอะไรหากทิ้งโอกาสนี้'
เพราะ 'รู้อะไร ไม่สู้รู้งี้' เป็นเรื่องที่น่ารำคาญเสียจริงเลยค่ะ
ในระหว่างการรอผลรอบ 2
ฉันก็ได้รับ invitation email จาก founder ที่ทำให้ฉันถึงกับสะดุดกับประโยคหนึ่ง
'wether this is fit-in or just an interesting opportunity'
นั่นสินะ นี่เป็นโอกาสที่ดี เพียงแต่มันเป็นโอกาสที่ฉันอยากจะทำมันจริงๆหรือเปล่า?
สุดท้ายแล้ว ฉันก็ตัดสินใจจะ continue กับอาชีพออดิทไปอีก 15 เดือนค่ะ
ซึ่งหมายความว่า ฉันจะต้องผ่านนรกที่เรียกว่า ออดิท อีกครั้ง
และในครั้งนี้ มันจะกดดันและหนักกว่าที่เคย
แต่สิ่งที่ฉันมี คือ ความมั่นคงทางจิตใจมากกว่าตัวฉันเมื่อ 1 ปีก่อนค่ะ
ฉันคิดว่า ถ้าฉันออกไปทำ digital marketing แล้ว ฉันคงละ give up กับ CPA ไปเลย
ในทางกลับกัน ถ้าชีวิตนี้ ฉันไม่มี CPA ฉันก็คงจะเสียดายมากกว่าการมี CPA
แม้ว่า ฉันเองก็ยังไม่รู้จะเอา CPA ไปทำอะไรก็ตาม
แต่ฉันเชื่อในสัณชาตญานของตัวเองค่ะ การแค่อยากได้ ไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อย
เรื่องบางเรื่อง ของบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการอยากได้สักหน่อย
(แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี มันก็ไม่ควรนะคะทุกคน)
ใน fiscal year ที่กำลังจะมาถึง
ฉันรู้แล้วว่า ฉันอยู่เพราะอะไร
และฉันจะทำอีก 15 เดือนนี้ให้มีความหมายได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม บางที ฉันก็เริ่มอยากใช้ชีวิตกับปัจจุบัน และปล่อยให้โชคชะตานำพาไปบ้างแล้วค่ะ
แม้การวิ่งไปสู่จุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ วิ่งไปสู่อนาคตที่ดีกว่า จะเป็นเรื่องท้าทาย
แต่บางครั้งมันก็สูบพลังชีวิตและพลังใจของเราเหลือเกิน
หากคุณกำลังหางานใหม่ ฉันคิดว่า มันเป็นโอกาสที่ดีมากที่จะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
ไม่ว่าคุณจะได้งานนั้นหรือไม่ คุณย่อมได้อะไรจากการได้ลงมือทำอย่างแน่นอน
และสำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจลาออก ฉันอยากเป็นกำลังใจให้คุณได้เลือกสิ่งที่เหมาะกับคุณมากที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจภายหลังนะคะ ヅ
ปล. ถ้ามีอธิบายแล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ เราอาจจะอ่านตกไป ;-;
เพราะ ฉันคิดว่า มันเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะลาออกและไม่ได้บีบคั้นตัวเองจนเกินไป