Title: Confess
Theme: Fictober
Author: icypumpkin
"มัวแต่มองอยู่นั่นแหละจีซองอา" เสียงทักใกล้ใบหูทำเอาเจ้าของชื่อเรียกสะดุ้งเสียจนตัวโยนก่อนจะหันกลับมาต่อยลงบนแขนของเพื่อนสนิทไม่เบานัก
"อยากเปลี่ยนเพื่อนสนิทใหม่แล้วใช่ไหมดงฮยอกถึงทำแบบนี้" อีดงฮยอกหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ สายตามองเลยผ่านเพื่อนตัวเองไปยังคนที่กำลังนอนฟุบหลับอยู่กับโต๊ะเรียนไกลๆ เจ้าของเรือนผมสีชมพูอมส้มกับใบหน้าหล่อเหลาที่ใครๆ ต่างหลงใหล... นาแจมินคนดัง
"ก็นายมองขนาดนั้น ฉันเดินเข้ามาใกล้จนปากชิดหูแล้วยังไม่รู้ตัว ป่านนี้พี่แจมินรู้ไปแล้วว่าชอบ ขยันมองเขาแบบนี้" ปาร์คจีซองอมลมเข้าจนเต็มแก้ม หันมองค้อนเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
"แน้ โกรธหรอ" ดงฮยอกเดินตามมายกมือขึ้นพาดไหล่ก่อนจะดึงอีกคนเข้าใกล้
"เปล่าอะ แค่คิดว่าถ้าพี่เขารู้ขึ้นมาจริงๆ แล้วควรทำยังไง" เพราะคำพูดดงฮยอกก็เป็นความจริง เขามองรุ่นพี่คนนั้นมาตลอดสองปี เคยคุยกันบ้างถ้ามีโอกาสเหมาะสม ปาร์คจีซองไม่ได้ไร้ตัวตนสำหรับนาแจมิน แต่ก็ไม่ได้เป็นคนสำคัญที่เดินผ่านแล้วจะต้องทักทาย
"ไม่เห็นต้องทำอะไร ฉันว่านายหาโอกาสบอกๆ เขาไปเหอะ ไม่เห็นต้องมาหลบๆ ซ่อนๆ คอยมองเขาอยู่แบบนี้เลย เผลอๆ บอกไปอาจจะได้พี่เขาเป็นแฟนก็ได้" เพราะในสายตาของเขา ปาร์คจีซองก็น่ารักไม่แพ้ใครสักหน่อย แถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก
"บ้าตายดีกว่า ไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นสักหน่อย แค่ได้มองเขาอยู่ตรงนี้ก็ดีพอแล้ว" ความจริงเขาก็แค่กลัว... นาแจมินคนนั้นน่ะฮอตอย่าบอกใครเชียว ตลอดสองปีที่ผ่านมาคบกับผู้หญิงมากี่คน นิ้วมือบวกนิ้วเท้าก็นับไม่พอ ความจริงก็ฮอตด้วยกันทั้งคู่ทั้งตัวเองและเพื่อนสนิท พูดชื่อไปไม่มีใครไม่รู้จักอีเจโน่กับนาแจมินนักศึกษาคณะบริหารชั้นปีที่สามหรอก
"นายวาดฝันพี่เขาไว้สูงเกินไปต่างหาก" จีซองไหวไหล่ให้กับคำพูดนั้น
"เออ เย็นนี้ฉันรีบกลับนะ มีเดต" คนฟังกลอกตาแทบไม่ทันกับประโยคขี้อวดของเพื่อนสนิทตัวแสบ
"ตามสบายเลยครับผม"
"จะไปซ้อมบาสหรอ ไว้รอไปพร้อมกันดิ เย็นนี้กลับบ้านไปพักผ่อนไป"
"ไม่เอา ดงฮยอกโดดซ้อมคนเดียวพอแล้ว โดดคู่เดี๋ยวก็โดนหมายหัวพอดี" เรียกเสียงหัวเราะจากคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี นึกย้อนไปถึงปีที่แล้วที่พวกเขาทั้งคู่โดดซ้อม วันรุ่งขึ้นรุ่นพี่มาร์คอีถึงขนาดขอเรียกคุยหลังซ้อมเสร็จกันเลยทีเดียว
'ถ้าใจไม่รัก ไม่ตั้งใจซ้อม คิดอยากจะโดดก็โดด งั้นก็เชิญออกจากชมรมไปเลยก็ได้ครับปีหนึ่ง'
คำพูดจำขึ้นใจจนไม่กล้าโดดซ้อมอีกเลย
"งั้นฉันไปก่อนนะ" ดงฮยอกกล่าว ตบไหล่เพื่อนที่สูงเอาๆ จนเขาแทบจะโอบไม่ถึงก่อนจะวิ่งหายไป จีซองโบกมือให้ดงฮยอกน้อยๆ และเริ่มออกเดินไปโรงยิม
เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นขัดมันนับสิบคู่ผสมปนเปกับเสียงลูกบาสกระทบพื้น เสียงโค้ชและเพื่อนร่วมทีม ทั้งเรียกแผนรวมไปถึงเรียกบอลดังเซ็งแซ่ ปาร์คจีซองเหงื่อโทรมกายหลังผ่านการฝึกซ้อมมาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง
"โอเค วันนี้พอแค่นี้ ปีหนึ่งขยันซ้อมหน่อยนะ เดือนหน้าจะคัดชื่อลงแข่งอยู่แล้ว" สิ้นสุดเสียงโค้ช เหล่านักกีฬาต่างเฮลั่นและแยกย้ายกันไปอาบน้ำพักผ่อน
"ไงจีซอง" เสียงทักขึ้นทำเอาคนที่กำลังเช็ดหน้าอยู่หันมอง
"พี่มาร์ค" เจ้าตัวยิ้มร่า ต่อให้ตอนปีหนึ่งจะดุแค่ไหน แต่พอผ่านช่วงไปจีซองก็ได้รู้ว่ามาร์คอีคนนี้แหละใจดีที่สุดแล้ว ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบที่อยู่ซ้อมด้วยกันจนดึก แถมพี่ชายคนนี้ยังพาไปเลี้ยงข้าวเย็นตลอด เผลอๆ ขับรถไปส่งถึงหอพักเสียด้วยซ้ำ
"ซ้อมเหนื่อยหน่อยนะ แต่พี่ว่ายังไงเราก็ได้ลงเป็นตัวจริงอยู่แล้ว สู้ๆ" นั่นทำเอาคนฟังรีบยกมือขึ้นปัดไปมากลางอากาศพร้อมสะบัดหน้าเสียจนผมเกือบเสียทรง
"ไม่เลยฮะ ยังไม่กล้าคิดเลย คนเก่งๆ มีเต็มไปหมด"
"นายก็หนึ่งในนั้นนั่นแหละ" เสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับร่างสูงของผู้มาใหม่ทำเอาจีซองโค้งทักทาย
"มาทำไม" พอเป็นพี่คนนี้ล่ะ รุ่นพี่คนสนิทของเขาเสียงเปลี่ยนเวลาคุยทุกที แต่ท่าทางวันนี้จะมีเรื่องนิดหน่อยท้ายเสียงถึงห้วนแบบนั้น
"มารับนายไง" จีซองหันไปยกยิ้มให้กับคนที่พูดคำหวานก่อนจะยิ้มกว้างให้เขาเช่นกัน
"กลับเองได้ ไม่ต้องลำบากมารับหรอก"
"เอ่อ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่ๆ สวัสดีครับพี่มาร์ค พี่ลูคัส" เห็นท่าไม่ดีต้องรีบเผ่นก่อน เขาไม่เคยเห็นพี่มาร์คโกรธหรืองอนเลยสักครั้ง ไม่รู้รอบนี้พี่ลูคัสทำอะไรไว้ พี่มาร์คโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มกว้างให้เขา บอกว่าเจอกันพรุ่งนี้ในขณะที่คนตัวสูงกว่าข้างกันทำเพียงโบกมือน้อยๆ เท่านั้น
ปาร์คจีซองเดินเข้าไปยังห้องล็อคเกอร์เพื่ออาบน้ำ ชำระล้างเหงื่อไคลและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เตรียมกลับหอไปนอน
"โอ๊ะ"
หากแต่ในตอนที่กลับออกมาจากโรงยิม กลับเจอคนที่ไม่คาดคิดหลับตายืนพิงรถบีเอ็มสีขาวคันสวย ด้วยความตกใจจึงเผลอร้องออกไปจนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา
"ไงจีซอง"
"สวัสดีครับพี่แจมิน มารอใครรึเปล่าครับ ผมเรียกให้ไหม" รู้ตัวเลยว่าลนลาน มือไม้ไม่รู้จะไปเก็บไว้ที่ไหน คล้ายกับอยู่ไม่ถูกที่ถูกทางจึงตัดสินใจจับสายกระเป๋าเป้ของตนเอาไว้
"ถ้าบอกว่ามารอเราล่ะ"
"ห.. ห๊ะ รอผม รอ รอทำไมหรอครับ"
"ใจเย็นก่อน ฮ่ะๆๆ อย่าพึ่งตกใจอะไรขนาดนั้นสิ" เพียงเท่านั้นปาร์คจีซองสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กระจายทั่วใบหน้า เดาไม่ยากว่าหน้าเขาต้องแดงมากแน่ๆ ไม่เคยนึกขอบคุณหน้าโรงยิมที่แสงไฟไม่ค่อยสว่างเท่าวันนี้มาก่อน
"ผมดูตื่นตูมมากเลยใช่ไหมอะ แย่จัง" บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่กลับได้ยินเสียงคนตรงข้ามหัวเราะ พอเงยหน้าปาร์คจีซองแทบจะผงะถอยหลังเมื่อนาแจมินมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ จึงตัดสินใจรีบก้มหน้าจนคางชิดอกและบอกตัวเองให้หายใจให้เป็นปกติ
"จีซองนี่น่ารักจังเลยนะ"
"ง่ะ ไม่น่ารักนะฮะ หล่อต่า---" คำพูดเงียบหายเมื่อตั้งใจจะมองหน้าเพื่อยืนยันความหล่อของตนเอง หากแต่พบกับนัยน์ตาคมที่อยู่ใกล้จนมองเห็นใบหน้าตัวเองในดวงตาของอีกฝ่ายเสียก่อน
"ครับ... พี่รอฟังอยู่"
"งือ ไม่พูดแล้วครับ" บทจะถอยหลังให้มีระยะห่างกลับพบว่าหลังชนกับกำแพงของโรงยิมเสียแล้ว
"พี่แจมินถอยไปหน่อยไหมครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี" แม้จะพูดเสียงเบาจนเหมือนกระซิบแต่ระยะห่างแค่นี้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินมันอย่างชัดเจนแน่นอน
"แต่พี่อยากอยู่ใกล้ๆ จีซองนะ" คำพูดนั้นทำเอาคนฟังยอมเงยหน้าขึ้นสบตา
"อย่าแกล้งกันสิครับ" ไม่อยากจะพูดแต่ต้องยอมรับเลยว่านาแจมินตัวหอมมาก กลิ่นหอมเย็นๆ ลอยโชยทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายแต่ก็เกร็งขึงไปในตัวในยามอีกฝ่ายขยับตัวเข้าใกล้... ใกล้ไป ใกล้จนกลัวจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ
"ไม่ได้แกล้งนะ จีซองไม่รู้ตัวสักทีจนพี่ตัดสินใจรุกเดินหน้าต่อเองแล้วเพราะรอไม่ไหว"
"เห" คราวนี้เขาลากเสียงยาว เอียงคอฉงนเต็มที่กับคำบอกเล่าที่ได้ยิน
"หึหึ เด็กบ๊อง คิดว่าทำไมถึงได้เจอพี่ในเซคทั้งๆ ที่มันเป็นวิชาที่ควรเก็บหมดตั้งแต่ปีสองกัน
แล้วทำไมพี่ที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมอะไรถึงมาดูทีมผู้ชายแข่งบาสเกตบอลนะ
ทำไมพี่ที่คบกับใครก็ตามถึงได้เลิกกับเขาเร็วจนเหมือนเปลี่ยนแฟนจนโดนคนตั้งฉายาว่าเพลย์บอยแห่งบริหารกันล่ะ"
ปาร์คจีซองยังคงนิ่งเงียบ สมองพยายามประมวลผลกับคำพูดนั้น ไม่ใช่เขาตามไม่ทันหากแต่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากไป แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น ยอมรับเลยว่าในใจตอนนี้ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปแล้ว
"เพราะไม่มีใครเหมือนปาร์คจีซองเลยสักคน"
และประโยคนี้ดึงสติเขาให้กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้งหลังความเงียบโรยตัว
"พี่ต้องล้อผมเล่นแน่ๆ มีใครแอบถ่ายหรืออะไรรึเปล่าครับน---" อีกครั้งที่คำพูดหายไปกลางอากาศ หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่อาการตกใจ แต่เป็นเพราะริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ประทับลงมา ลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนเสียจนเขาแทบหลอมละลายเหมือนช็อคโกแลตร้อน หากไม่มีแขนแกร่งที่เกี่ยวเอวไว้คงได้ทรุดลงไปกองกับพื้นเป็นแน่
นาแจมินจูบเก่งเป็นบ้า
"คราวนี้เชื่อได้หรีอยังครับว่าพูดจริง"
"ถ้าผมบอกไม่เชื่อ"
"พี่ก็จูบเราต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ แฟร์ดีจะตาย จริงไหม" ไม่เห็นแฟร์เลย หัวใจเขาเต้นเหมือนจะหลุดออกมาขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้ที่อีกฝ่ายยกยิ้มพร้อมกับเอาหน้าผากมาโขกเบาๆ แบบนี้ ปาร์คจีซองเสียเปรียบทุกทางเห็นๆ
"ผมชอบพี่แจมิน ชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่งตอนเจอพี่ครั้งแรกที่โรงอาหาร
แล้วก็ชอบมาตลอด ไม่เคยละสายตาไปมองใคร... ไม่สิ ไม่เคยมองไครได้อีกเลย แต่ก็ไม่เคยกล้าเข้าไปทักเพราะคิดว่าพี่คงไม่ชอบคนจืดๆ แบบผม"
"อะไรทำให้คิดแบบนั้นกัน" ความจริงก็อยากจะฟังคำสารภาพความในใจของคนตรงหน้าต่อหรอกนะ หากแต่อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น อีเจโน่แซวจนเขาแทบมุดแผ่นดินหนีเกี่ยวกับเรื่องของจีซอง แถมเพื่อนสนิทของน้องเองก็ดูน่าจะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงกัน ทุกคนก็ดูออกกันหมด ผู้หญิงที่คบก่อนหน้าก็เพราะหวังจะเปลี่ยนใจเขาได้จึงลองดูแต่ก็ไปกันไม่รอดสักคน
ปาร์คจีซองส่งผลต่อหัวใจนาแจมินขนาดนี้แล้ว ไปเอาความไม่มั่นใจในตัวเองแบบนั้นมาจากไหนกัน
"ก็แฟนพี่แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น ดีกรีเดือนคณะเกือบทุกคน แล้วดูผมสิ"
"นายน่ารักกว่าคนพวกนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม เทียบไม่ได้เลย" นาแจมินหมายความตามที่พูดจริง ไม่ว่าจะสวยหรือน่ารักมาจากไหน ไม่เคยมีใครดูสว่างสดใส ดึงดูดสายตาของเขาได้เท่ากับปาร์คจีซองอีกแล้ว
"พี่กำลังสารภาพรักกับผมอยู่หรอครับ"
"บ๊องเอ๊ย พี่สารภาพไปหมดแล้วไงครับก่อนหน้านี้ แต่ถ้าอยากได้แบบตรงๆ ครับ
นาแจมินชอบปาร์คจีซอง
คบกับพี่ได้ไหมครับ"
ไม่เห็นจะโรแมนติคอะไรแบบในหนังที่เคยดูหรือเรื่องที่เคยได้ยินสักนิด แต่ตอนนี้ปาร์คจีซองห้ามตัวเองให้หุบยิ้มไม่ได้จนเมื่อยแก้มไปหมด
"ครับ"
"ครับ?" อยากจะตีนาแจมินที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ยังบังคับให้เขาพูดออกมาอีก ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยทันสังเกตเลย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชะมัด
"ครับ ตอบรับเป็นแฟนครับ"
END
Talk: ย้ายฟิคตั้งแต่วันที่1-3 มาลงในนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ ต่อไปเจอกันได้ที่มินิมอร์ ขออภัยเป็นอย่างสูงหากมู้ด&โทนช่วงหลังๆ เปลี่ยน เจอทีเซอร์Regularเข้าไป ระบบในตัวIrregularเลยค่ะ รับไม่ไหว ใจบาง
ปล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกการรีทวิตและกดเฟบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in