ที่ขาดไม่ได้เลยเวลาได้ไปสิงคโปร์ เราต้องมีกิจกรรมที่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวคุณออกมา...คือ ต้องได้ไปที่ Universal Studio Singapore เป็นสวนสนุกระดับโลก ไว้ใจได้เลยในเรื่องของความปลอดภัย และเมื่อปีที่แล้วเห็นว่าเพิ่งปรับปรุงโซนจูลาสสิคใหม่เพิ่งเสร็จเลย เราต้องได้ไปลิ้มลองสักหน่อยว่าจะสนุกสุดเสียวขนาดไหน ฉะนั้นเราจึงได้เริ่มขบวนการเสาะหาตั๋วค่ะ ตอนแรกก็จะดูในส่วนที่ซื้อกับ agent คนไทย เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกและรวดเร็ว คุยภาษาเดียวกัน สื่อสารได้ไม่ยาก แต่ด้วยความเปรี้ยวใจในทุกๆ ครั้งก็จะมีแบบแอบเข้าหยั่งเชิงดูในเว็บของ Universal โดยตรงด้วย เผื่อมีอะไรน่าสนใจ และบางทีก็จะมีโปรโมชั่นที่ร่วมกับบัตรเครดิต Master Card อีกด้วย
และในครั้งนี้เราก็เจอจริงๆ โปรโมชั่นร่วมกับเครดิต Master Card ค่ะ คือ ถ้าซื้อตั๋วแบบ 1 day pass โดยซื้อ 2 คน จะสงนราคาอยู่ที่ 134 SGD จากปกติถ้าซื้อ 2 คน จะเท่ากับ 152 SGD ซึ่งเมื่อคูณกลับเป็นเงินไทยในราคาโปรโมชั่นนี้ก็ไม่ต่างกับที่ซื้อกับ agent ในไทยมากนักและในครั้งนี้ ยังมีของแถมให้กับคนที่จองโปรโมชั่นนี้ด้วย คือ The Secret Life of Pets Recycle Bag ให้ถึง 2 ใบด้วยกัน ซึ่งของแถมนี้จะไปรับได้ที่ ร้าน Universal Studio Shop ได้เมื่อเดินทางไปถึงค่ะ เมื่อได้พบโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้แล้ว เราจะรออะไรล่ะ จองเลย วิธีการจองก็ไม่ยากอะไรมาก เข้าเว็บ เลือกระบุวันที่และจำนวนที่ต้องการ ละจ่ายค่าตั๋วผ่านบัตร Master Card ค่ะ ขอย้ำนะคะว่าต้องจ่ายผ่านบัตร Master Card เท่านั้นถึงจะได้โปรโมชั่นนี้ และเมื่อจองเสร็จเราก็จะได้ e-ticket confirmation + gift vocher สำหรับไว้ไปรับกระเป๋าผ้า ส่งมาที่อีเมล์ของเราที่ได้ให้ไว้ แค่นี้เมื่อได้เราก็พิมพ์ออกมา และนำไปที่หน้าสวนสนุกแล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย
ดำเนินการ Check in โดยยื่นใบคอนเฟริ์มกับ Passport จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าให้มาอีกทีตอนบ่ายสามโมงค่ะ เราสามารถแจ้งฝากกระเป๋าได้เลยนะคะ โดยเจ้าหน้าที่จะให้เบอร์เล็กๆ เรามาเก็บไว้ เพื่อมารับกระเป๋าตอนกลับมาที่โรงแรมจ้ะ
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 (ต่อ)
ฝากเป้เป็นที่เรียบร้อย ได้เวลาตะลุยแล้ว... วันนี้ที่แรกที่เราจะไปคือ ไปไหว้พระค่ะ เพื่อรับสิริมงคลกันก่อนเลย โดยเดินมาขึ้นรถเมล์ป้ายหน้าโรงแรมค่ะ ขึ้นป้าย no. 145 สถานีปลายทางคือ China Town อ่ะแต่เดี๋ยวก่อน เราค่อยกลับมาเที่ยว China town ทีหลังนะคะ โดยการเดินทางในครั้งนี้เราใช้ Google map เป็นหลักนะคะ จะบอกทั้งหมายเลขรถเมล์ และเส้นทางการเดินทางค่ะ เราจะลงที่ป้ายนี้และเดินต่อไปยังวัดแรกที่เราจะไปกันค่ะ คือวัด Xian Zu Gong Temple เป็นวัดที่ดังในเรื่องขอพรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ตอนไปถึงบรรยากาศก็คนไม่ค่อยเยอะ เพราะยังเช้าอยู่ ทีนี้ยังใส่เสื้อสีแดงกันอยู่นะคะ ให้บรรยากาศตรุษจีนมากๆ ค่ะ เราจะไล่ไปทีละวัด ใช้รูปเดินทางนะคะ
สองวัดแรก สามารเดินถึงกันได้เลย คือวัด Xian Zu Gong Temple และ Thian Hock Keng Temple วัดแรกเป็นวันขอพรเกี่ยวสุขภาพ ส่วนวัดที่สอง เป็นวัดที่เราขอพรเกี่ยวกับความรัก ส่วนวัดที่สาม นั้นเราต้องนั่งรถเมล์จากป้ายวัดที่สองโดยนั่ง No. 186 ค่ะ ละเดินเข้าไปซอยข้าง Holiday Inn Express วัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ หาง่ายนิดเดียว วัดที่สามคือวัด Tan Si Chong Su Temple เป็นวัดที่เราขอพรเกี่ยวกับสุขภาพเช่นเดียวกับวัดที่หนึ่งค่ะ ทั้งสามสถานที่นี้ มีศิลปะแบบจีนที่สวยงาม และทุกครั้งทุกที่ที่ไปนั้น เมื่อได้เดินเข้าไปละจะรู้สึกสงบจิตใจ เย็นสบายใจเหลือเกินค่ะ ถ้ามีแพลนมาเที่ยวที่สิงคโปร์ และมีเวลาก็อยากแนะนำให้มาลองนะคะ เป็นสิ่งที่ดี ดีต่อใจ ดีต่อสายตาและความรู้สึก อย่างมากค่ะ
หลังจากที่เราได้ทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและการเดินทางในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะมุ่งกลับไปยัง China town กันค่ะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อไปทานขนมร้านดังอีกเหมือนเดิม คล้ายๆ บิงซูค่ะ ไม่หวานมาก รสชาติกำลังกลมกล่อมเลย ชื่อร้าน The Heong Yuen Dessert มี 3 สาขาจ้ะ มีที่ Chainatown, Chainatown Point (#B2-32/33) และ ION Orchard (#B4-34)
เมนูวันนี้ที่เลือกทานมี 2 อย่างคือ 1 Chendol Snow Ice และ 2 3colours cake ค่ะ รสชาติดีจริง คอนเฟิ์มเลย
เติมพลังแล้วเราก็เดินดูของต่ออีกนิดหน่อย และก็แวะไปดูที่วัดของศาสนาฮินดูค่ะ พอดีได้ยินเสียงดนตรีเหมือนมีทำพิธี เลยรีบเดินเข้าไปเพื่อจะชมเป็นบุญสายตา และเป็นอีกประสบการณ์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนเข้าไปที่วัดจะมีการตรวจเครื่องแต่งกายนะคะ ทุกอย่างทั้งเสื้อ กางเกง กระโปรง ห้ามสั้นค่ะ และตอนเข้าไปตรงส่วนของกลางที่ทำพิธีและมีเทวรูปเยอะ ๆ ก็ห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่ไม่เป็นไร ทุกสิ่งที่เราได้พบเจอ เราสามารถเก็บผ่านสายตาของเรา และบันทึกเป็นความทรงจำของเราตลอดไปได้เหมือนกันค่ะ แต่ก็ได้ถ่ายในส่วนด้านหน้า และรอบข้างนอกส่วนกลางมาค่ะ
และก้อเหลือบมามองที่นาฬิกาข้อมือ ก็ถึงเวลาที่ไป check in ที่โรงแรมได้พอดี เลยนั่งรถเมล์เพื่อตรงไปที่โรงแรมค่ะ โดยข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งนะคะ ตรงหน้าห้าง People park เดินถัดไปอีกป้าย และนั่งสาย 146 ค่ะ สายนี้ถึงหน้าโรงแรมเลยไม่ต้องต่อรถเมล์หลายต่อค่ะ
กลับมาถึงพนักงานก้อจำได้ เพราะเรามาฝากกระเป๋าไว้ตั้งแต่ตอนเช้า พนักงานก็ได้ขอดูใบจองอีกรอบและให้กุญแจห้องพักมา เราก็ขึ้นไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้เลยจ้า เราสองคนเลยอาบน้ำอาบท่า และก็ของีบสักนิด อิอิ เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อจ้ะ
และแล้วตื่นมาก็เย็นๆ แล้วค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้เราก็ทานข้าวเย็นกันที่ Market ข้างๆ โรงแรมก่อนละกันเนาะ อิอิ ไว้เที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ ชาร์ตแบตเตรียม ตะลุย Universal Studio Singapore กันทั้งวันจ้า
พวกเราก็ได้เดินๆ เล่นๆ กันจนถึงสี่โมงเย็น เลยตัดสินใจกันว่าเดี๋ยวขากลับก็แวะเดินเล่นที่ห้าง Vivo City เลยละกัน ก่อนกลับไปโรงแรม เพราะ ที่ห้างมีวิวทะเล แถมของที่ห้างนี้ก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ แอบมีร้านที่มีของแนวๆ ไว้ทั้งแต่งบ้านและเป็นของสะสมได้ด้วยนะคะ วันอาทิตย์ก็จบด้วยความสนุกสนาน ปนเหนื่อยนิดๆ ค่ะ พรุ่งนี้เที่ยวต่อกันนะคะ
นี่ไง โค้กกระป๋องละ 100 บาท (4 SGD)
อิ่มแล้ว พลังพร้อมออกเดินทางได้ เราก็นั่งรถเมล์สาย 21 เดินทางไปสักพัก เราจำป้ายที่ลงไม่ได้ เพื่อนๆ ลองไปดูป้ายด้านหลังอีกครั้งหนึ่งนะคะ แต่จำได้ว่าลงแล้วต่อป้าย 24 ครั้งนีั้ก้อนั่งยาว ถึงสนามบินชางงีได้เลยค่ะ เราขึ้น Fly Scoot ก็ลงที่ Terminal 2 ได้เลยค่ะ
ปล... อยากแจ้งไว้สักนิด ในการเดินทางโดย Fly Scoot, Nok Scoot, Tiger Airway นั้น พนักงานเค้าไม่รับ check in ที่เคาร์เตอร์นะ เราต้องทำที่เครื่อง และถ้าสำหรับคนมีกระเป๋าก็ค่อยไปต่อแถวเพื่อโหลดอีกรอบ เราไปถึงสนามบินเวลาก็โอเคอยู่ แต่เราจะไปขึ้นเครื่องไม่ทันเพราะ ตู้อัตโนมัติของสนามบินนั้นแหละ ไม่ยอมพิมพ์ใบบอร์ดดิ้งพาสในส่วนของเรา พิมพ์ออกมาแต่ของแฟนเรา เราเลยต้องไปต่อแถวเพื่อแจ้งปัญหา และที่สำคัญแถวยาวมาก เพราะมีเคาร์เตอร์ที่คอยช่วยเหลือแค่ 1 .ในตอนแรก และเพิ่งมาเพิ่มอีก 1 ในตอนที่กำลังจะตกเครื่องกัน ที่แถวเยอะเพราะทุกคนประสบปัญหาเดียวกัน คือเครื่องทำงานไม่มีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ ก็เลยอยากแนะนำให้ทุกคนที่เดินทางด้วย 3 สายการบินนี้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ เลยนะคะ
+++ ไว้พบกันใหม่ในทริปครั้งต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกๆ คนค่ะ +++
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in