เข้าไปที่ห้องแรกจะมีวิดีทัศน์ให้ชมเป็นวิวัฒนาการของเหรียญ เป็นการแลกเปลี่ยนตั้งแต่สมัยอดีตจนมาถึงทำเป็นเหรียญใช้เพื่อการแลกเปลี่ยน หลังชมก็จะเป็นตัวอย่างสื่อกลางที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนสมัยก่อนด้วยล่ะ
ปล. บริเวณที่เขาฉาย ก็จะฉายรอบ ๆ ผนังทั้ง 4 ด้าน แตกต่างกันออกไป แต่เป็นเรื่องเดียวกัน เวลาดูก็หมุนตัวเองไปรอบ ๆ ถ้าอยากดูให้ทั่วเลือกนั่งกลาง ๆ แล้วหมุนเอาเลย
เราชอบตรงที่เสียงบรรยายไม่ชวนง่วง หรือน่าเบื่อเลย แถมมีสั่นด้วย
ถัดไปอีกห้องนึงเป็นเส้นทางวิวัฒนาการของเงินตรา ห้องนี้จะเล่าถึงสมัยก่อนว่าใช้อะไรในการแลกเปลี่ยนบ้าง มีหลายอย่างน่าสนใจมาก
ถัดไปก็ยังอยู่ในโซนเดียวกัน เป็นเรื่องของเงินก้อนหินของชาวเกาะแยปในมหาสมุทรแปซิฟิคใต้ คือใหญ่มาก แล้วก็ต้องเจาะรูตรงกลางด้วย
มาถึงโซนสุดท้ายที่ได้เข้าไป เป็นโซนที่ทำตราปั้มเหรียญสมัยก่อน อันนี้เป็นลายสิงโตอ้าปาก
พอออกมาข้างนอกก็จะมีอีกอันนึงที่เป็นตราของไทย
ตอนนี้ยังเข้าชมฟรีจนกว่าชั้นที่ 2 และ 3 จะแล้วเสร็จ น่าจะไม่เกินปีนี้ (ทางแอดมินเพจตอบคนถามมาแบบนี้นะ) ใครสนใจเข้าไปชมกันได้เลย
หมดแค่นี้ ที่ได้ดูที่พิพิธภัณฑ์เหรียญชั้นเดียว
แล้วเราก็ยังไม่อยากกลับบ้าน เลยเดินจากพิพิธภัณฑ์เหรียญไปยังพิพิธบางลำพู เดินไปไม่ไกลเลย 1 แยกเท่านั้น เดินไปทางถนนจักรพงษ์ย้อนกลับไปผ่านตรอกข้าวสาร เลี้ยวตรงแยกพระสุเมรุ เดินต่อไปที่ป้อมพระสุเมรุ ก็จะเจอพิพิธบางลำพูตั้งเด่นอยู่
พิพิธบางลำพู ตั้งอยู่ที่ถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
เบอร์ติดต่อ 02 281 9828
เปิดตั้งแต่ 10.00 - 18.00 น.
เปิดทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์
WEBSITE |FACEBOOK | TWITTER | INSTAGRAM
แอบไปถามเจ้าหน้าที่มา วันธรรมดาคนจะไม่ค่อยเยอะ ถ้าวันไหนเยอะ คือกรุ๊ปทัวร์ หรือจองไว้จะมาลง ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ คนอาจจะเยอะกว่าวันธรรมดาหน่อย
แล้วช่วงเวลาที่เราไปก็ดันเป็นช่วงที่คนน้อยมาก ๆ (น้อยขนาดที่ว่าตอนแรกเข้าไปชมวิดีทัศน์มีเราแค่คนเดียว โหวงมาก ฮรือออออ)
เวลาเข้าไปชมวิดีทัศน์ก็จะเป็นการอธิบายหน้าที่ต่าง ๆ ของกรมธนารักษ์ เล่าประวัติความเป็นมาเอาไว้ด้วย เสร็จแล้วก็ไปอีกห้องนึง อธิบายวิธีทำเหรียญต่าง ๆ มีตั้งแต่เหรียญ 1 สตางค์ 5 สตางค์ 10 สตางค์ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท 2 บาท 5 บาท 10 บาท และเหรียญสะสมต่าง ๆ
มีบอกถึงสถิติการใช้เหรียญของคนไทย เจ้าหน้าที่บอกว่าการผลิตเหรียญภายในประเทศ เหรียญบาทต้องผลิตเยอะสุดเลย เพราะคนไทยไม่ค่อยใช้เหรียญบาทกัน
ห้องถัดมาเป็นห้องที่เกี่ยวกับหน่วยงานภายในกรมธนารักษ์ ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน แล้วก็การดูแลรักษาทรัพย์สินมีค่าของแผ่นด้วย จะจัดแสดงไว้ใน 2 ห้องนี้
ห้องถัดมาเป็นห้องเกี่ยวกับการประเมินราคาที่ดินของกรมธนารักษ์ (ทั้งนี้และทั้งนั้น การประเมินราคาที่ดินจะมีอยู่ 2 จำพวก คือ คงที่ กับแพงขึ้น) โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ที่ดินที่แพงที่สุดในกรุงเทพคือ สีลม ส่วนถูกที่สุดคือ บางขุนเทียน ส่วนในระดับประเทศ ที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทยคือ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถูกที่สุดคือ ดอยเต่า จังหวัดเชียงราย
ถัดมาก็จะได้เข้าเรือนไม้แล้ว ห้องเรือนไม้จะเป็นห้องที่เล่าเรื่องราวของบางลำพู วิถีชีวิต แล้วก็ร้านรวงต่าง ๆ จะมีวิดีทัศน์ให้ดูก่อน แล้วถึงเดินเข้าไปอีกห้องนึง ที่เราตกใจมาก ใจหายเลยก็ว่าได้
ภายในห้องนี้ก็จะมีหลายโซนด้วยกันเลย ทั้งคณะนาครบรรเทิง มีฉายเรื่องเงิน เงิน เงิน มีโรงลิเก (โรงลิเกมีให้ใส่ชุดและถ่ายรูปได้ด้วย ปล.เป็นใส่ชุดแบบแสดงขึ้นบนจอนะ ไม่ใช่ใส่ชุดจริง ๆ) แล้วก็มีร้านขายแผ่นเสียง (เจ้าหน้าที่บอกว่าเจ้าของมอบให้กับทางพิพิธบางลำพู เป็นของเก่าด้วยล่ะ)
แล้วก็เดินต่อเป็นทางแคบ ๆ ด้านข้าง จะเป็นจำลองร้านค้าสมัยก่อนที่ระแวงบางลำพู ซึ่งปัจจุบันปิดตัวลงเกือบหมดแล้ว ยกเว้นตั้งฮั่วเส็ง
ห้องถัดมาเป็นเรื่องราวของถิ่นบางลำพู ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเป็นทามไลน์อย่างนี้เลย ไล่รัชกาลและไล่ปีไว้ให้เสร็จสรรพ ใครมีเวลาลองยืนอ่านดูก็ได้
ต่อไปก็เป็นห้องที่เล่าถึงของดีประจำบางลำพู มีแทงหยวก ตีทองคำเปลว ทำใบลาน แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่างเลย น่าสนใจเอามาก ๆ
ถัดมาก็จะเล่าถึงต้นลำพูที่ยืนต้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งยืนต้นตายเพราะน้ำท่วมเมื่อปี 2011 ชาวบ้านเก็บกิ่งต้นลำพูต้นนั้นไว้ได้ 1 กิ่ง เมื่อเปิดพิพิธบางลำพูแล้วก็ได้เอากิ่งต้นลำพูนั้นมามอบให้เพื่อจัดแสดงต่อไป (ห้องมืดมาก แต่สวย มีจำลองต้นลำพูแล้วก็หิ่งห้อยเอาไว้ด้วย)
ออกมาก็จะเป็นห้องที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำบางลำพูเอาไว้ เจ้าหน้าที่บอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้จะนำออกไปแห่รอบบางลำพูทุกวันที่ 12 แล้วก็จะนำไปประดิษฐานที่สวนสันติิชัยปราการเพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาสักการะได้
และถือเป็นห้องสุดท้ายที่ได้เข้าไป ด้านล่างก็จะพบกับห้องสมุดประชาชน ยังมีหนังสือไม่เยอะ แต่หนังสือหลากหลายดี ทั้งวิชาการ นวนิยาย หรือแม้กระทั่งหนังสือกฎหมาย
เราใช้เวลาเดินชมที่พิพิธบางลำพูประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ได้
เสียอย่างเดียวคือเรื่องถอดรองเท้านี่แหละ ฮรืออออ เขามีรองเท้าแตะให้ใส่เดินข้างนอกนะ แต่ถ้าไม่ถอดมันก็จะดีกว่านี้ แต่ก็เข้าใจแหละ พื้นไม้หมดเลย แถมเป็นตึกเก่าด้วย
สำหรับพิพิธภัณฑ์สองที่ที่เราไปมา ถือเป็นการฮีลตัวเองได้ดีระดับนึงเลยล่ะ ส่วนตัวชอบที่พิพิธบางลำพูมากกว่าเพราะมันมีให้ชมเยอะกว่าที่พิพิธภัณฑ์เหรียญ เดี๋ยวพอที่นั่นทำเสร็จทั้งสามชั้นแล้วจะไปดูใหม่ การเดินทางไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าจะไปต่อที่ตรอกข้าวสาร หรือจะหาอะไรทานแถว ๆ ถนนพระอาทิตย์ก็ได้ หรือจะไปสนามหลวงต่อก็เดินทางไม่ยาก
จริง ๆ สองที่นี้เราเดินทางผ่านบ่อยมาก แต่ไม่มีโอกาสแวะเข้าไปเลยซักครั้ง ไว้คราวหน้าว่าง ๆ คงจะได้มีโอกาสเดินเที่ยวแบบนี้อีก
ปล. ใครไปมาแล้วแวะมาบอกกันด้วยน้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in