หลังจากที่นั่งจิบกาแฟจนหมดแก้วแล้วมองท้องฟ้าอีกครั้ง  ยังคงสดใสอยู่  ท่าทางจะไม่มีเมฆมากวนใจอีกพักใหญ่ ๆ เลยตัดสินใจย้ายตัวเองไปเก็บภาพตึก Taipei 101 หน่อย  ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นเขาช้างเพื่อไปเก็บภาพมุมสูงด้วย  ครั้งที่แล้วไปตอนกลางคืน  ครั้งนี้อยากจะลองไปตอนกลางวันบ้าง  แต่คิดว่าไม่ควรทรมานสังขารตัวเองในวันที่นอนไม่พอ  เลยลง MRT สถานี Taipei 101 แล้วออกประตู 2  มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านทหาร Si Si Nan Cun ซึ่งทริปก่อนก็แพลนเอาไว้ว่าจะมา  แต่ไม่ได้มา  ซึ่งเพราะอะไรก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน
                                                Olympus mju ii + Agfa Vista 400
	อันที่จริงฝ่าแดดตอน 11 โมงครึ่งโดยไม่มีแว่นกันแดด  หมวก  ร่ม  ก็สาหัสอยู่เหมือนกัน  แม้อากาศจะยี่สิบกว่า ๆ องศาเซลเซียสก็ตาม  เพราะรังสี UV ก็ไม่เคยปรานีใครอยู่แล้ว  แต่เราจะยอมแพ้ได้ยังไง  เพราะไทเปวันฟ้าใสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ (?)  เลยเดินเล่นและถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ   บริเวณนี้คนน้อยกว่าที่คิดเอาไว้  ไม่รู้เพราะแดดแรงด้วยหรือเปล่า  เท่าที่เห็นไม่เจอคนไทยเลย  ส่วนใหญ่เป็นคนจีน  หรือไม่ก็คนเอเชียที่พูดภาษาจีน  และมีญี่ปุ่นนิดหน่อย  ร้านค้าก็ปิดกันหมด  เรามองเข้าไปในร้านที่ขายโปสการ์ดแล้วรู้สึกเสียดายนิดหน่อย  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  ในใจก็คิดว่าต่อไปจะไม่มาช่วงตรุษจีนอีกแล้วก่อนจะนั่งตรงม้านั่งว่าง ๆ แล้วหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดอะไรสักหน่อย
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                              Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
	ถ้าเราวาดรูปเป็นคงจะนั่งสเก็ตช์ภาพตรงนี้แหละ  เพราะตึก Taipei 101 กับท้องฟ้าที่ไร้ก้อนเมฆ  แถมยังมีหมู่บ้านทหารเป็นโฟกราวน์นี่มันก็ดีเหมือนกันนะ  แถมคนก็ไม่เยอะด้วย
	หรือนี่จะเป็นข้อดีของช่วงตรุษจีน
	ว่าแต่คนไทยที่เห็นเยอะ ๆ บนเครื่องเขาไปไหนกันหมดนะ
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                         Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                           Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
	นั่งอยู่สักพักก็ปวดฉี่  เดินกลับสถานีเป็นทางออกที่ดีที่สุด
	รักไทเปก็ตรงที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทุกสถานีมีห้องน้ำ  และส่วนใหญ่ห้องน้ำสะอาดด้วย  พอฉี่เสร็จก็คิดว่าจะไปไหนต่อดี  ยังไม่ค่อยหิวข้าวเท่าไหร่เลยตัดเรื่องกินออกไปก่อน  และก็จิ้มดูกูเกิลแมพเช็คร้าน Woolloomooloo ที่ดาวเอาไว้และอยู่ใกล้ ๆ กันนี้  เออ....  ปิดจริง ๆ ด้วย  #ไอเฮทตรุษจีน  เลยกดดูร้าน SNAPPP ที่เป็นร้านขายฟิล์มและรับล้างฟิล์ม  เราเจอร้านนี้จากรีวิวของคนสิงคโปร์  เขารวบรวมข้อมูลเอาไว้เยอะดี  เป็นประโยชน์มาก ๆ  และดูมันอยู่ในระยะที่น่าจะเดินไปได้  งั้นก็เดินชมวิวไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
(แต่มาเช็คทีหลังมันระยะประมาณ 1.6 กม. อยู่ประเทศกรุงเทพคงไม่เดินแน่นอน)
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                           Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                          Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
	ระหว่างทางก็แทบไม่เจอใครเลย  มีเจอกรุ๊ปทัวร์แวบนึงแล้วเขาก็เดินหายไปไหนกันก็ไม่รู้  เหลือแต่เราเดินอยู่คนเดียว  เดินไปถ่ายรูปไปจนมาถึงแยกที่เป็นสถานี MRT Taipei City Hall ก็ข้ามถนน  เลี้ยวไปตามทางที่จะไปร้าน  และพอมาถึงทายซิว่าเราเจออะไร  ร้านปิดอีกแล้วค่า 
5555555555555555
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                       Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
	ไม่ต้องถามว่าทำไมไม่เช็คก่อน  เพราะเราดูในกูเกิลแมพมันไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเอาไว้  และตอนหลังเราเพิ่งมาคิดได้ว่าทำไมเราไม่เช็คจากในเพจเขานะ  ซึ่งก็สายไปเสียแล้ว  แต่ถือว่าอย่างน้อยก็ได้เดินเล่น  เดินออกกำลังกาย  สุดแล้วแต่จะคิดให้มันสบายใจ
เราไปยืนส่องหน้าร้าน  ถ่ายรูปหน้าร้านเอาไว้เป็นที่ระลึก  ลงไอจีสตอรี่ให้ชาวโลกรู้ว่าเราได้มาเจออะไร 555555  เรามองเข้าไปในร้านมีกล้องเก่า ๆ ขายอยู่ประมาณนึง  ส่วนใหญ่เป็นคอมแพค  มีฟิล์มขาย  ร้านตกแต่งน่ารัก  มีตู้จดหมายเอาไว้เป็นตู้รับฟิล์ม  น่ารักเชียว  ถ้าประเทศไทยทำแบบนี้บ้างจะเป็นยังไงนะ  อ๋อ...  ฟิล์มหาย  คิดอยู่เหมือนกัน เผลอ ๆ ตู้อาจจะโดนงัดไป  เรายืนมองด้วยความเสียดายอยู่พักนึงก่อนจำต้องตัดใจแล้วเดินย้อนกลับเข้าร้านซุปแกงกะหรี่ที่เดินผ่านมาเพราะท้องร้องโครกครากแล้ว
 Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
                                         Olympus mju ii + Fuji Color 100 japan
	มื้อแรกอย่างเป็นทางการของเราในไทเปเราเลือกร้าน Garaku (เพราะแถวนั้นมันเปิดอยู่ร้านเดียว)  ร้านนี้มีสาขาที่ไทย  อยู่แถว ๆ สามย่าน  เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทซุปแกงกะหรี่กินกับข้าวสวย  คิดว่าเมนูนี้เรากินได้แน่นอน  เพราะเป็นร้านสาขาที่เคยกินมาก่อน  เนื่องจากเราไม่ชอบอาหารจีนเลย  เคยพยายามแล้วก็ไม่รอดจริง ๆ 
  
เรามองเข้าไปในร้าน  ไม่ค่อยแน่ใจว่าเปิดหรือเปล่าเพราะค่อนข้างมืด  อาจจะเพราะร้านตกแต่งด้วยโทนดำ  ไม่เหมือนที่กรุงเทพ  แต่เห็นไฟเปิดสลัว ๆ และมีพนักงานสองคนเดินไปเดินมาอยู่ข้างใน  เลยค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน  (อย่างน้อยก็ขายให้เราเถอะ)  เขาก็ออกมาต้อนรับพร้อมถามว่ามากี่คน (เป็นภาษาจีน)  เราเดาเอาจากภาษากายล้วน ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “อิงลิชเมนู พลีส” เนื่องจากทั้งร้านมีแต่ตัวหนังสือภาษาจีน 
  
แน่นอนว่าทั้งร้านมีเราเป็นลูกค้าคนเดียว
พอลงไอจีสตอรี่ไป  เพื่อคนนึงถึงกับถามว่าเหมาร้านเอาไว้เหรอ
ดูรวยขึ้นมาทันที 
  
สั่งเมนูที่เคยกินเพื่อความปลอดภัย  เป็นซุปแกงกะหรี่ไก่  จำได้ว่าตอนกินครั้งแรกชอบมาก  เนื้อไก่นุ่มมาก  ซุปแกงกะหรี่ก็เข้ากันกับข้าวสวยมาก ๆ  พนักงานให้เราเลือกระดับความเผ็ดของแกง  เราเลยเลือกระดับ 3 เพราะดูกลาง ๆ   พนักงานทำหน้าตกใจ   นายจะตกใจอะไรเหรอ  ฉันมาจากประเทศที่คนดำรงชีวิตกันด้วยน้ำพริกนะ  แม้เราจะไม่ค่อยกินเผ็ดแต่แกงกะหรี่ถ้าเผ็ดน้อยไปจะไม่อร่อยและเลี่ยน  อีกอย่างระดับ 3 ของเขารสชาติเบาเหลือเกิน  กินได้สบาย ๆ   รสชาติคล้าย ๆ ที่ไทย(แหงล่ะ  ก็ร้านสาขา) แต่จานใหญ่กว่ากันมาก  ทุกอย่างใหญ่ไปหมด  บร็อคโคลี่ก็ใหญ่กว่า  ดูแล้วพอจะเข้าใจว่าทำไมคนบ้านเขาตัวสูงใหญ่กัน (คิดเอง)

	และแน่นอนว่าเรากินไม่หมดเพราะปริมาณมันเยอะมาก  ดูจากการที่ในครัวดูวุ่นวายหน่อย ๆ น่าจะมีคนสั่งฟู้ดแพนด้า  เพราะเห็นเตรียมใส่กล่องเอาไว้  ก็เหมือนเราแหละเนอะ  ช่วงสงกรานต์ก็หมกตัวในห้องแล้วสั่งอาหารให้มาส่งที่บ้าน
	กินข้าวเสร็จก็ร่ำลา 2 หนุ่มในเงามืด  ขอให้พวกนายสู้นะ  เราเข้าใจมาก ๆ ว่าการทำงานในช่วงวันหยุดยาวมันเป็นยังไง  เราเดินย้อนกลับทางเดิมแล้วเดินเข้าไปในห้างฯ เพราะเป็นทางผ่านไป MRT สถานี Taipei City Hall  เห็น MUJI เลยแวะดูสักหน่อย  จำได้ว่าน้องสาวจะฝากซื้อของ  ถามไถ่มันแล้วก็ให้ตัดสินใจว่าจะเอาอะไรเพราะวันนี้เราจะยังไม่ช้อปปิ้ง  รอวันที่ 3 เลยก็แล้วกัน 
	ระหว่างนั้นเราก็กดแมพดูว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง  อยู่ใกล้อะไร  เวลาเหลือเยอะแยะ  ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหนต่อดี  พอเห็นสถานีถัดไปคือ Sun Yat Sen Memorial Hall  เลยแวะไปดูสักหน่อยดีกว่า  ครั้งที่แล้วไม่ได้มาทางนี้  และพอมาถึงที่นี่เท่านั้นแหละ  เราเลยรู้ว่าคนไปไหนกันหมด   พวกเขามารวมตัวกันที่นี่เอง  ลักษณะเป็นสวนสาธารณะ  มีทางเดินโล่ง ๆ  มีพื้นที่ให้ถ่ายรูปคู่กับตึก Taipei 101 และยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์  ได้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น  อากาศก็ดี  คนมาเดินเล่นกันเต็มไปหมด  หลายคนจูงหมามาเดินเล่น  เห็นหมาทะเลาะกันด้วย  บันเทิงเล็กน้อย  แต่เราอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มเบื่อ  เพราะไม่ชอบคนเยอะ ๆ 
 Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
                                     Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
 Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
                                Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
 Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
                                  Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
กดดูกูเกิลแมพต่อ  ดูจากเวลาแล้วน่าจะไปดูทหารเปลี่ยนเวนยามที่เจียงไคเช็คทัน  เลยเดินกลับมาลง MRT 
	แต่พอไปถึงกลับต้องตะลึงยิ่งกว่า Sun Yat-Sen เพราะคนเยอะกว่ามาก ๆ ๆ ๆ มีทุกชาติเลย  แลนด็มาร์คก็แบบนี้แหละเนอะ  แถมวันนี้อากาศดีอีกต่างหา  อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด  เราเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึงแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเลย  คราวนี้ไหน ๆ ก็มาแล้วเลยใช้กล้องฟิล์ถ่ายรูปสักหน่อย  เลยกดชัตเตอร์ไปสองสามรูป  จนถึงตอนนั้นก็เริ่มเพลียแล้ว  ร่างกายเริ่มประท้วงเพราะนอนไม่พอ  ทหารอะไรนั่นช่างมันเถิด  จึงตัดสินใจหาชานมไข่มุกกินดีกว่า
แต่ก็... หาไม่เจอเพราะไม่ได้ทำการบ้านว่ามันอยู่ตรงไหน  เลยถอดใจเดินกลับสถานีเพื่อไป Taipei Main Station
	เราฝากกระเป๋าไว้ตรงตู้ใกล้ ๆ กับ MRT ไปที่สนามบินเถาหยวน  ซึ่งไกลจากสายอื่น ๆ มาก  ตอนนั้นอยากจะกลิ้งตัวไปตามทางเดินแต่แน่นอนว่าทำไม่ได้เลยพยายามลากเท้าไปจนถึง  แต่พอมาหน้าตู้กลับพบว่าเครื่องรับแบงค์เสียอีก  ต้องใช้เหรียญเท่านั้น  และตู้นี่ก็ไม่รับ easy card  มองซ้ายมองขวาเจอร้านขนมเลยจะไปขอแลกเงิน  แต่โดนสาวน้อยปฏิเสธพร้อมชี้ไปยังสถานีด้านล่าง
	ณ ตอนนั้นอยู่ ๆ ก็คิดถึง BTS ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ....
				 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in