สัปดาห์นี้หยิบเล่มนี้มาอ่านจากกองดองค่ะ
มี ในเมษายน ซอลในกรกฏาคม เป็นหนังสือเรื่องสั้นที่แปลจากภาษาเกาหลี
ชื่อหนังสือนั้นด้วยการตัดสินเอาเองของเรา ตอนแรกคิดว่ามันเป็นหนังสือรักล่ะค่ะ
ที่ไหนได้ มันไม่ใช่จ้าาาาาา
ดูเหมือนว่าจะเป็นการคัดเอาเรื่องสั้นดังๆที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Koreana
แล้วนิตยสาร Koreana คืออะไร?
ฉันก็ไม่รู้ เออมันคืออะไรอะ เป็นแบบไหนกันนะ?
แอบสงสัยเหมือนกันนะ ว่านิตยสารแบบนั้นมีเรื่องสั้นแบบไหนกัน
หนังสือนี้ ประกอบไปด้วย 7 เรื่องสั้นต่างๆกัน
และด้วยความที่มันเป็นเรื่องสั้น ขอไม่เล่าเรื่องย่อให้อ่านดีกว่า ลำพังตัวเรื่องก็สั้นอยู่แล้ว ถ้าเล่าอีกก็คงจะเป็นการสปอยล์อย่างแน่นอน
ปกติเราไม่ค่อยได้อ่านเรื่องสั้น ที่ได้อ่านส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยถูกใจ จริตไม่ตรงกัน แต่เล่มนี้ค่อนข้างจะต่างออกไป ก็คือยังไม่ชอบที่มันเป็นเรื่องสั้นอยู่ แต่รู้สึกว่านักเขียนเขาเขียนสนุกกว่าเล่มที่เคยอ่านๆมา
ความรู้สึกหลังอ่านจบ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องสั้นจากนักเขียนที่ต่างกัน 7 คน และตีพิมพ์คนละเวลา คนละปี คนละช่วง
แต่โทนของหนังสืออ่านแล้วให้ความรู้สึกหน่วงๆ มันมีความเศร้าอยู่ในทั้ง 7 เรื่องราวนี้ มันไม่ได้เศร้าอย่างโจ่งแจ้งทุรนทุรายร้องไห้ตาแดงอะไร แต่พออ่านจบแล้วมันรู้สึกแบบ
"จริงๆแล้วชีวิตประจำวันของคนเรานี่มันเศร้าเหมือนกันนะ"
เรามักจะติดภาพคนเกาหลีในซีรีย์ เป็นภาพละมุนตา อุดมคติ ผู้ชายดี ผู้หญิงดี อาหารอร่อย
เราเชื่อในอะไรแบบนั้น แต่เวลาที่เรามาอ่านหนังสือที่เขียนจากคนเกาหลี โดยเฉพาะเรื่องสั้น มันจะเป็นอีกแบบหนึ่งไปเลย แม้มันจะเป็นเรื่องแต่ง แต่เราว่าภาพสังคมที่เป็นพื้นหลังของเรื่องราวที่นักเขียนเล่าออกมามันจริงกว่าในซีรีย์
มันทำให้รู้สึกแบบ เออนี่แหละชีวิตคนจริงๆ มันมีดำ มีขาว อยู่ในนั้น มันไม่ได้สวยงามไปซะหมด มันมีความคิดที่เพี้ยนที่บิดเบี้ยวอยู่ในตัวคนคนหนึ่งได้
เราว่าคนเขียนเรื่องสั้นนี่เก่ง ที่สามารถเขียนเรื่องหนึ่งเรื่องสั้นๆแต่ต้องทำให้นักอ่านเกิดความรู้สึกบางอย่างกับเรื่องของตัวเองภายใต้กรอบหน้าหนังสือที่จำกัดไม่กี่หน้า
วิธีการเล่าเรื่องของนักเขียนทุกคนในเล่มนี้คือ การปล่อยให้ตัวละครเอกคุยกับตัวเอง ตั้งคำถาม หรือตกตะกอนสิ่งต่างๆเอง คนอ่านก็แค่ล่องลอยไปในสิ่งที่อยู่ในหัวของตัวละครเอก
เรื่องที่ชอบที่สุดในบรรดา 7 เรื่อง
มี ในเดือนเมษายน ซอลในเดือนกรกฏาคม เป็นชื่อเรื่องและเป็นเรื่องสั้นสุดท้ายในบรรดา 7 เรื่องของหนังสือนี้ ที่เราชอบเพราะเราว่าเรื่องนี้มันมีความโรแมนติกอยู่ (ก็ฉันชอบนิยายรัก) มันมีเรื่องราวของความรักแม้มันจะเศร้า และในเรื่องราวความรักที่เศร้ามันมีความอบอุ่นของตัวละคร
ในบรรดาเรื่องสั้นทั้งหมดในเล่ม ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้อบอุ่นที่สุดก็ใช่
ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมจะต้อง มี ในเมษายน ซอลในกรกฏาคม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเปียโนหรอหรือว่าอะไร ที่จริงไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเปียโนทั้งนั้นเลยแม้แต่นิด
ในเรื่องนี้ตัวเอกเป็นคุณน้าชาวเกาหลีที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฟลอริดากับสามีชาวอเมริกันกับคุณหลานชายที่พาแฟนสาวเดินทางจากนิวยอร์กไปหาน้าที่ฟลอริดา เรื่องราวที่เล่าในช่วงแรกเหมือนจะเป็นของหลานชาย แต่ว่าจริงๆหลานชายเป็นแค่ตัวเชื่อมหนึ่งไปถึงเรื่องราวของคุณน้า
มีช่วงที่คุณน้าเล่าเรื่องชีวิตและความรักของตัวเองให้คุณหลานชายฟัง เราชอบมาก มันเท่ห์มาก เราว่าคุณน้าเป็นคนโรแมนติก ถ้าไม่ใช่คงไม่สามารถจะรำพึงรำพันอะไรแบบนี้ออกมาได้
"...เราไปอยู่ในบ้านเลขที่ 136-2 หมู่บ้านช็องบัง เมืองซอกวีโพ มองทะเลด้วยกันเป็นเวลาสามเดือนกว่า บ้านมุงหลังคาสังกะสี เสียงฝนฟังไพเราะเหลือเกิน ฝนเปล่งเสียงโน้ต 'มี' ในเดือนเมษายน และค่อยๆไต่ระดับเสียงขึ้นมาถึง 'ซอล' ในเดือนกรกฏาคม..."
อืมมมมม
ที่จริง ฝน อาจจะไม่มีเสียงมี หรือซอล
ที่จริง อาจเป็นเพราะความรักทำให้คุณน้าได้ยินมันเป็นแบบนั้น
จบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in